วันอังคารที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2555

Ultraman Zero Side Story & Ultraman Zero The Movie

ตำนานอุลตร้ากาแลคซี่ ภาคนอกตำนาน
อุลตร้าแมนเซโร่ VS ดาร์คลอปส์เซโร่



  
อุลตร้าแมนเซโร่ อุลตร้าแมนที่ได้รับความนิยมมาเป็นอันดับหนึ่ง ณ.เวลานี้ ที่ได้มีการเปิดตัวไปในภาพยนตร์เรื่อง "มอนสเตอร์แบทเทิ่ล อุลตร้ากาแลคซี่ เลเจนด์ THE MOVIE" ซึ่งออกฉายไปเมื่อเดือนธันวาคมปี 2009 ที่ผ่านมา ในที่สุดการผจญภัยครั้งใหม่ของเขาก็ได้ถูกกำหนดให้ทำเป็น DVD 2 แผ่นจบออกมา โดยมีชื่อเรื่องว่า "ตำนานอุลตร้ากาแลคซี่ ภาคนอกตำนาน อุลตร้าแมนเซโร่ VS ดาร์คลอปส์เซโร่" ซึ่ง DVD ที่จะออกวางจำหน่ายนี้ถือเป็นภาคปฐมบทก่อนที่พวกเราจะได้ชม "อุลตร้าแมนเซโร่ THE MOVIE มหาสงคราม ! ณ.จักรวรรดิทางช้างเผือกของเบเรียล" ซึ่งเป็นผลงานฉลองครบรอบ 45 ปีของซีรีส์อุลตร้าแมนที่จะเข้าโรงฉายในวันที่ 23 ธันวาคม ปี 2010 นี้

   เรื่องนี้นอกจากจะมี อุลตร้าแมนเซโร่ เป็นตัวแสดงนำหลักแล้ว ยังมี "เรย์" ผู้ใช้สัตว์ประหลาด กับ "ฮิวงะ" บอสของยานสเปซเพนดราก้อนมาเป็นตัวประกอบสำคัญที่ช่วยสร้างสีสันให้กับเรื่องนี้ด้วย และการดำเนินเนื้อเรื่องในภาคนี้ผู้ชมจะได้รับรู้ถึงมนต์เสน่ห์ที่แฝงอยู่ในซีรีส์ "มอนสเตอร์แบทเทิ่ล" กับ ฉากแอคชั่นมันๆของ อุลตร้าแมนเซโร่ ได้อย่างจุใจ เพื่อเป็นการเอาใจพวกเด็กๆที่เป็นกลุ่มเป้าหมายหลัก โดย DVD ตำนานอุลตร้ากาแลคซี่ ภาคนอกตำนาน อุลตร้าแมนเซโร่ VS ดาร์คลอปส์เซโร่ นี้จะถูกแบ่งออกเป็น 2 STAGE คือ

   STAGE 1 "ห้วงอวกาศแห่งการห้ำหั่น" วางจำหน่ายวันที่ 26 พ.ย. 2010
 

   STAGE 2 "แดนมรณะของเซโร่" วางจำหน่ายวันที่ 22 ธ.ค. 2010

 

ตัวละครที่ปรากฎใน Ultraman Zero VS Darclops Zero
 
TECTOR GEAR BLACK

ความสูง : 45 เมตร

น้ำหนัก : 3 หมื่น 5 พันตัน
อาวุธ : เทคเตอร์เกียร์แบล็ค แท็คเคิ่ล , เทคเตอร์เกียร์แบล็ค คิก
ลักษณะพิเศษ :
ร่างของ ดาร์คลอปส์เซโร่ ตอนสวมชุดเกราะที่เหมือนกับ เทคเตอร์เกียร์เซโร่
                      ที่ เซโร่ เคยสวมใส่เมื่อก่อนหน้านี้
                      ใน DVD "อุลตร้าแมนเซโร่ ดวลเดือด ! เทคเตอร์เกียร์แบล็ค !!"
                      มันได้ปรากฎตัวขึ้นบนดาว K76 เพื่อหมายจะกำจัด เซโร่
                      แต่กลับถูก เลโอ ขวางเอาไว้ซะก่อน มันจึงได้หลบหนีไป
                      หลังจากนั้นในตอนต่อที่ถูกตีพิมพ์ลงในนิตยสาร ชุดเกราะของมันก็โดนระเบิดทำลายไป
                      พร้อมกับ บีมมิซซายล์คิง ด้วยท่า "คอมบิเนชั่นเซโร่" ซึ่งเป็นท่าไม้ตายอันทรงพลังที่สุด
                      ของ อุลตร้าเซเว่น กับ เซโร่ จนทำให้ ดารค์ลอปส์เซโร่ ต้องเผยร่างจริงออกมา
                      และในขณะที่มันกำลังไล่ต้อน เซเว่น เสียจนมุมอยู่นั้นเอง
                      มันก็ถูก เซโร่ โจมตีด้วยท่า "เซโร่สลักเกอร์เกียร์" ซึ่งเกิดจากการเปลี่ยนแปลงรูปร่าง
                      ของ เซโร่สลักเกอร์ เข้าไป จนทำให้มันหายเข้าไปยังอีกฝากหนึ่งของมิติ
                      ซึ่งเรื่องราวที่เป็นตอนต่อหลังจากนั้นก็จะไปเชื่อมโยงกับเรื่อง
                      "ตำนานอุลตร้ากาแลคซี่ ภาคนอกตำนาน อุลตร้าแมนเซโร่ VS ดาร์คลอปส์เซโร่" นั่นเอง



DARKLOPS ZERO
ความสูง : 45 เมตร
น้ำหนัก : 3 หมื่น 5 พันตัน
อาวุธ : ดาร์คลอปส์เซโร่ช็อต , ดาร์คลอปส์เกียร์สลักเกอร์ , ดาร์คลอปส์สแลช , ดิเมนชั่นสตรอม ฯลฯ
ลักษณะพิเศษ : นักรบปริศนาที่อยู่ๆก็เข้ามาท้า เซโร่ ให้ต่อสู้ในสภาพที่สวมเกราะ เทคเตอร์เกียร์แบล็ค อยู่

                      มันได้เข้าต่อสู้กับ เซโร่ และ โกโมล่า ที่ เรย์ เป็นคนเรียกออกมา
                      พร้อมกับ เมก้าโกโมล่า และ เหล่าพี่น้องอุลตร้าตัวปลอม
                      ซึ่งมี มนุษย์ดาวซาโรเม่ เป็นผู้บัญชาการ
                      เมื่อดูเผินๆแล้วมันจะมีรูปร่างหน้าตาคล้ายกับ เซโร่
                      แต่จะมีเฉดสีบนลำตัวที่แตกต่างกัน ( ลำตัวท่อนบนจะเป็นสีส้ม ส่วนท่อนล่างจะเป็นสีดำ )
                      และไฟที่อยู่ตรง บีมแลมป์ บนหน้าผาก กับ คัลเลอร์ไทม์เมอร์ จะส่องสว่างเป็นสีขาว
                      ส่วนดวงตาของมันจะปรากฎขึ้นเพียงดวงเดียวบนกรอบตาที่มีพื้นหลังเป็นสีแดง
                      มันมีความรู้สึกนึกคิดเป็นของตัวเองและมีนิสัยที่โหดเหี้ยมอำมหิต
                      ดังจะเห็นได้จากตอนที่มันหัวเราะเยาะ เฮโรเดีย ที่ถูกจับตัวเอาไว้ได้
                      และเห็นว่าชีวิตเป็นสิ่งต่ำชั้น
                      นอกจากมันจะมี ดาร์คลอปส์เซโร่สลักเกอร์ ซึ่งเป็นบูมเมอแรงอวกาศ
                      ที่มีลักษณะคล้ายกับ เซโร่สลักเกอร์ ของ เซโร่ ที่ติดอยู่บนศีรษะเป็นอาวุธแล้ว
                      มันยังสามารถใช้ท่าไม้ตายที่เหมือนกับของ เซโร่ ได้อีกด้วย
                      ไม่ว่าจะเป็นท่า ดาร์คลอปส์ช็อต หรือ ดาร์คลอปส์สแลช และอื่นๆ
                      แต่มีเพียงท่า เซโร่ทวินชู้ต และ เซโร่ทวินซอร์ด เท่านั้นที่มันไม่อาจลอกเลียนแบบได้
                      นอกจากนี้มันยังมีท่า ดาร์คลอปส์เมเซอร์ ลำแสงทำลายล้างที่ยิงออกมาจากดวงตา
                      และท่า ดิเมนชั่นสตรอม ลำแสงพลังคลื่นทะลวงมิติที่ยิงออกมาจากปากกระบอกปืนใหญ่
                      ซึ่งติดตั้งอยู่ภายในอก ( หรือที่เรียกว่า ดิเมนชั่นคอร์ ) 
                      เพื่อทำให้คู่ต่อสู้กระเด็นตกลงไปยังช่องว่างต่างมิติ เป็นท่าไม้ตายเฉพาะตัวของมันอีกด้วย
                      มิหนำซ้ำมันยังมีท่า ดาร์คลอปส์เซโร่เชนจ์เจอร์ ซึ่งเป็นลำแสงชนิดพิเศษ
                      ที่ยิงออกมาจากมือข้างเดียว
                      เพื่อล้างสมองของ เมก้าโกโมล่า ให้มันตกอยู่ใต้คำสั่งของตนได้
                      นอกจากที่กล่าวไปทั้งหมดแล้วมันยังมีกลยุทธ์พุ่งเข้าชนด้วยการใช้มือทั้งสองข้างถือ
                      ดาร์คลอปส์เซโร่สลักเกอร์ เอาไว้ แล้วไขว้แขนกันก่อนที่จะหมุนตัวพุ่งเข้าชน
                      ด้วยความเร็วสูงจนทำให้ เซโร่ทวินซอร์ด ที่เซโร่ถืออยู่กระเด็นหลุดออกไป
                      ยังสุดขอบอวกาศมาแล้วหนหนึ่ง
                      แม้ว่า มนุษย์ดาวซาโรเม่ จะนำมันมาควบคุมใช้งาน
                      แต่แท้ที่จริงแล้วมันคือหุ่นยนต์ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นรุ่นโปรโตไทป์ของพวกดาร์คลอปส์
                      กองกำลังทหารแห่งจักรวรรดิทางช้างเผือกเบเรียลซึ่งมี ไคเซอร์เบเรียล เป็นผู้นำ 
                      ที่ถูกสร้างขึ้นมาเป็นจำนวนมาก
                      ขณะที่มันได้รับการบรรจุ ดิเมนชั่นคอร์ อุปกรณ์ข้ามมิติ ที่พวกดาร์คลอปส์ไม่มี
                      เครื่องจักรก็เกิดการชำรุดขึ้นในระหว่างการทดลอง
                      มันจึงได้ฉวยโอกาสหลบหนีออกมาโดยไม่คิดที่จะกลับไปอยู่ภายใต้อำนาจของเบเรียล
                      แต่ทว่า,ในขณะที่มันกำลังล่องลอยอยู่ในอวกาศนั้นเอง
                      มันก็ถูก มนุษย์ดาวซาโรเม่ เก็บกู้มาได้ และจับมันมาดัดแปลงให้ยอมทำตามคำสั่ง
                      เพื่อที่จะใช้เป็นตัวหมากของพวกเขา
                      แต่หลังจากที่มันหลุดจากการควบคุมของ มนุษย์ดาวซาโรเม่ มาได้
                      มันก็หันมาทำลายฐานทัพพร้อมทั้ง พวกมนุษย์ดาวซาโรเม่ เสียจนย่อยยับ
                      อนึ่ง,คำว่า "เซโร่" ที่ต่อท้ายชื่อของมันนั้นมีความหมายว่า
                      มันคือ ดาร์คลอปส์ หมายเลข "0" นั่นเอง
                      ในศึกนัดแรกมันเป็นฝ่ายบุกโจมตี เซโร่ แล้วใช้ท่าดิเมนชั่นสตรอม
                      จนทำให้ เซโร่ หลุดไปยังช่องว่างต่างมิติ พร้อมกับพวก อุลตร้าแมนตัวปลอม ( SR )
                      เซเว่นตัวปลอม ( SR ) และ เอสตัวปลอม ( SR )
                      แต่ในศึกแก้มือรอบที่สอง เซโร่ ที่กลับมาจากต่างมิติได้สำเร็จ
                      ก็อ่านท่วงท่าการโจมตีของมันได้อย่างทะลุปรุโปร่ง จนกลับกลายเป็นฝ่ายรุกแทน
                      จากนั้น เซโร่ จึงได้ใช้ท่า "บิ๊กแบงเซโร่" ซึ่งเป็นท่าไม้ตายใหม่
                      ทำลาย ดาร์คลอปส์เซโร่สลักเกอร์ เสียจนพินาศ แล้วตามด้วยท่า พลาสม่าสปาร์คสแลช
                      ซึ่งเป็นการใช้ เซโร่ทวินซอร์ด ฟันสวน ดาร์คลอปส์เซโร่
                      ในจังหวะที่มันพยายามจะปล่อยท่า ดิเมนชั่นสตรอม อีกหนหนึ่ง
                      สุดท้ายมันได้ทิ้งคำพูดที่มีนัยแอบแฝงเอาไว้ พร้อมทั้งใช้มือขวาทะลวงร่างของตัวเอง
                      เพื่อทำให้ ดิเมนชั่นคอร์ รวน แล้วระเบิดตัวเองไปพร้อมๆกับดาวเคราะห์เชนี่


สัตว์ประหลาดเมก้าโรบ็อต MECHAGOMORA
ความสูง : 44 เมตร
น้ำหนัก : 2 หมื่น 2 พันตัน
อาวุธ : สุดยอดพลังคลื่นสั่นสะเทือนจักรกล , นัคเคิ่ลเชน
ลักษณะพิเศษ : สัตว์ประหลาดจักรกลที่ ชาวดาวซาโรเม่ สร้างขึ้นมาโดยเลียนแบบมาจากโกโมล่า

                      มันได้ปรากฎตัวขึ้นบน ดาวเคราะห์เชนี่ เพื่อมาท้ารบกับ เซโร่ และ โกโมล่า
                      ที่ เรย์ เป็นคนเรียกออกมา พร้อมกับ ดาร์คลอปส์เซโร่
                      เนื่องจากพลังในการต่อสู้ของมันได้ถูกออกแบบมาโดยอ้างอิงจากโกโมล่า
                      ดังนั้นมันจึงสามารถใช้ท่าสุดยอดพลังคลื่นสั่นสะเทือนจักรกล
                      ซึ่งมีต้นกำเนิดมาจากท่าสุดยอดพลังคลื่นสั่นสะเทือนได้
                      ทั้งยังสามารถใช้ท่า นัคเคิ่ลเชน ซึ่งเป็นท่าที่ยิงโซ่ออกมาจากมือเพื่อใช้รัดศัตรูได้อีกด้วย


มนุษย์ดาวซาโรเม่ HELODIA
ลักษณะพิเศษ : สตรีในชุดสีน้ำเงินซึ่งเป็นพวกเดียวกับ มนุษย์ดาวซาโรเม่
                      ที่เคยต่อสู้กับ อุลตร้าเซเว่น เมื่อในอดีต
                      เธอคือหัวหน้าชาวดาวซาโรเม่ผู้บงการเหล่าพี่น้องอุลตร้าตัวปลอมและเมก้าโกโมล่า
                      ( ผู้รับบท : มิยาชิตะ โทโมมิ )


IMIT ULTRA BROTHERS
ลักษณะพิเศษ : กองทัพหุ่นยนต์ที่ มนุษย์ดาวซาโรเม่ สร้างขึ้น
                      โดยลอกเลียนแบบมาจากเหล่าพี่น้องอุลตร้าตัวจริง

                      พวกมันได้ปรากฎตัวออกมาขัดขวาง เซโร่ ที่เดินทางมาถึงดาวเคราะห์เชนี่
                      ตรงบริเวณข้อต่อช่วงเอวกับแขนขาของพวกมันจะมีโพรเทคเตอร์ ( อุปกรณ์เพิ่มพลัง ) 
                      ที่เหมือนกับ อุลตร้าเซเว่นตัวปลอม ติดอยู่
                      แต่ถ้าหากถอดโพรเทคเตอร์ออกแล้วพวกมันก็จะดูไม่แตกต่างจากตัวจริงเลย



***********************************************************************************

อุลตร้าแมนเซโร่ THE MOVIE
มหาสงคราม ! ณ.จักรวรรดิทางช้างเผือกของเบเรียล


   หากจะพูดถึงหนังโรงของอุลตร้าแมนแล้ว เสน่ห์ของมันคงอยู่ที่ฉากต่อสู้อันเร่าร้อนและดุเด็ดเผ็ดมันของเหล่าพี่น้องอุลตร้าที่ต้องต่อสู้กับศัตรูตัวฉกาจร่วมกัน ยิ่งมาในระยะหลังๆนี้ก็ถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของภาพยนตร์อุลตร้าแมนไปเสียแล้ว สำหรับการรวมตัวกันของพี่น้องอุลตร้า รวมไปจนถึงการรวมพลของอุลตร้าฮีโร่คนอื่นๆ แต่สำหรับภาพยนตร์เรื่อง "อุลตร้าแมนเซโร่ THE MOVIE มหาสงคราม ! ณ.จักรวรรดิทางช้างเผือกของเบเรียล" นี้กลับมีเหล่าฮีโร่กลุ่มใหม่ที่ไม่ใช่อุลตร้าแมนทยอยกันออกมาปรากฎตัวแทน โดยฮีโร่หน้าใหม่ที่ออกมาปรากฎตอนนี้เท่าที่ทราบก็มี "อัศวินในกระจก มิลเลอร์ไนท์" กับ "นักรบอัคคี เกรนไฟเยอร์" ซึ่ง อัศวินในกระจก มิลเลอร์ไนท์ นั้นคือ วีรบรุษที่มาจากโลกสองมิติ ผู้ต่อสู้ด้วยแสงที่สะท้อนกับกระจกอย่างสง่างาม ส่วน นักรบอัคคี เกรนไฟเยอร์ นั้นเป็น บอดี้การ์ดของโจรสลัดอวกาศ ผู้มีจิตวิญญาณแห่งแม็กม่าที่ลุกโชนและควบคุมเปลวไฟได้ตามที่ต้องการ นอกจากนี้ยังมี "แจนเบิร์ด" ยานอวกาศที่พวก รัน ชายหนุ่มที่ได้รวมร่างกับ อุลตร้าแมนเซโร่ และ นาโอะ น้องชายของเขา กับ องค์หญิงเอเมราน่า โดยสารอยู่ปรากฎออกมาด้วย
   ภาพยนตร์เรื่องนี้จะมีบทดราม่าที่ทำให้คนดูต้องประทับใจกับเนื้อหาหลักๆอยู่ 2 เรื่อง คือ การได้พบเพื่อนใหม่ กับ สายสัมพันธ์ระหว่างผองเพื่อน ซึ่งพวกเราคงต้องตั้งหน้าตั้งตารอคอยกันต่อไปกว่าที่หนังเรื่องนี้จะได้ฤกษ์ลงโรงฉายที่ประเทศญี่ปุ่นในวันที่ 23 ธันวาคม ปี 2010 ที่จะถึงนี้ ( แล้วพวกเราต้องมานั่งรอคนปล่อยโหลดหลังจากนั้นอีกที หรือไม่ก็รอซื้อ DVD แผ่นแท้ไปเลย ) โดยผลงานเรื่องนี้จะถือเป็นผลงานฉลองครบรอบปีที่ 45 ของซีรีส์อุลตร้าแมน
   และถ้าจะกล่าวถึง ฮีโร่จากโลกในกระจก กับ ฮีโร่แห่งไฟ แล้ว ก็คงจะมีหลายๆท่านที่นึกย้อนไปถึงภาพยนตร์โทรทัศน์เรื่อง "มิลเลอร์แมน" (1971~1972) กับ "ไฟเยอร์แมน" (1973) ซึ่งเป็นหนังแนวสเปเชี่ยลเอฟเฟคท์ที่ บริษัทซึบุรายะโปร เคยสร้างควบคู่ไปกับซีรีส์อุลตร้าแมนในยุคปี 70 โดย มิลเลอร์ไนท์ กับ เกรนไฟเยอร์ ก็คือ ฮีโร่ที่ถูกนำมาสร้างขึ้นใหม่โดยยึดเอาต้นแบบมาจากเหล่าฮีโร่ของซึบุรายะในยุค 70 นั่นเอง ซึ่งความจริงในยุคนั้นทาง บริษัทซึบุรายะโปร เคยมีแผนว่าจะสร้างภาพยนตร์เรื่อง "สมาพันธ์ทางช้างเผือก" โดยจับเอาเหล่าฮีโร่ที่อยู่อีกโลกหนึ่งอย่าง มิลเลอร์แมน กับ ไฟเยอร์แมน และอื่นๆ มาร่วมแสดงสมทบกับเหล่าพี่น้องอุลตร้า แต่สุดท้ายก็เป็นเพียงแค่โครงการที่ไม่ได้มีการถ่ายทำกันอย่างเป็นจริงเป็นจัง ทว่า,ในที่สุด "สมาพันธ์ทางช้างเผือก" ที่โดนยุบโครงการไปเมื่อในอดีตกำลังจะถูกถ่ายทอดออกมาให้เห็นเป็นครั้งแรกในภาพยนตร์เรื่องนี้แล้ว

ตัวละครหลักที่ปรากฎในหนังโรง Ultraman Zero
The Movie Super Decisive ! Belial's Galactic Empire
จะแบ่งออกเป็น 2 ฝ่ายดังนี้

ฝ่ายเซโร่กับเหล่าอัศวินแห่งแสง

ULTRAMAN ZERO
( ผู้พากษ์เสียง : มิยาโนะ มาโมรุ ผู้ให้เสียงพากษ์ "เซ็ทสึนะ เอฟ เซย์เอย์" ใน "โมบิลสูท กันดั้ม OO" )
ความสูง : ไมโคร ~ 49 เมตร
น้ำหนัก : 0 ~ 3 หมื่น 5 พันตัน
ลักษณะพิเศษ : นักรบอุลตร้าวัยฉกรรจ์ที่เดินทางมายังอีกห้วงอวกาศหนึ่งเพียงลำพัง
                      พร้อมกับพกพาอาวุธชิ้นใหม่ "อุลตร้าเซโร่เบรสเล็ท" ที่ได้รับมาจาก อุลตร้าเซเว่น ผู้เป็นพ่อ
                      ซึ่ง เบรสเล็ท ก็คือ อาวุธสารพัดประโยชน์ ที่สามารถเปลี่ยนแปลงรูปร่างได้ต่างๆนาๆ
                      อาทิเช่น อุลตร้าแลนซ์ และอื่นๆอีกมากมาย
                      เพื่อช่วยชีวิต รัน ชายหนุ่มผู้กล้าหาญบนดาวเคราะห์อานูร์
                      เซโร่จึงต้องรวมร่างเป็นหนึ่งเดียวกับเขา


ULTIMATE ZERO
ความสูง : 49 เมตร
น้ำหนัก : 5 หมื่น 5 พันตัน
ลักษณะพิเศษ : ร่างอันทรงพลังที่สุดของ อุลตร้าแมนเซโร่ ที่เกิดจากการสวมชุดเกราะ "อัลติเมทอีจิส"

                      ซึ่งแปรสภาพมาจาก "โล่แห่งบาลาจ" สมบัติในตำนานที่ถูกเก็บซ่อนเอาไว้
                      ภายในถ้ำแห่งหนึ่งในอวกาศ


นักรบอัคคี GLENFIRE
( ผู้พากษ์เสียง : เซคิ โทโมคาสึ ผู้ให้เสียงพากษ์ "อีซ้าค จูลล์" ใน "โมบิลสูท กันดั้ม SEED"
และ "โมบิลสูท กันดั้ม SEED DESTINY" )
ความสูง : 48 เมตร

น้ำหนัก : 4 หมื่น 8 พันตัน
ลักษณะพิเศษ : บอดี้การ์ดของ กลุ่มโจรสลัดอัคคี ที่เดินทางท่องไปในอวกาศอย่างอิสระ
                      เขาคือนักรบผู้มีจิตวิญญาณแห่งแม็กม่าอันลุกโชนที่สามารถควบคุมเปลวไฟได้ดั่งใจนึก
                      ทั้งยังมีพลองอัคคี "ไฟเยอร์สติ๊ค" ที่แปรสภาพได้ตามใจชอบเป็นอาวุธคู่ใจในการต่อสู้
                      รูปแบบการต่อสู้ที่เขาถนัดคือการต่อสู้ที่ต้องใช้พละกำลังอันมหาศาล


อัศวินในกระจก MIRROR KNIGHT
( ผู้พากษ์เสียง : มิโดริคาวะ ฮิคารุ ผู้ให้เสียงพากษ์ "ฮีโร่ ยูอิ" ใน "นิวโมบิล รีพอร์ท กันดั้ม W" )
ความสูง : 47 เมตร

น้ำหนัก : 3 หมื่น 5 พันตัน
ลักษณะพิเศษ : วีรบรุษผู้เดินทางมาจาก "ดวงดาวแห่งกระจก" ซึ่งเป็นโลกสองมิติ
                      เขาสามารถสร้างกระจกขึ้นมาเพื่อใช้สะท้อนการโจมตีของคู่ต่อสู้ได้ตามใจชอบ
                      เขาคือผู้มีหน้าที่คอยอารักขา ราชวงศ์เอสเมรัลด้า ในฐานะอัศวินแห่งโลกในกระจก
                      ท่าไม้ตายของเขาคือ "ซิลเวอร์ครอส"



นักสู้เกราะเหล็ก JEAN-BOT
( ผู้พากษ์เสียง : คามิยะ ฮิโรชิ ผู้ให้เสียงพากษ์ "ทีเอเรีย เออร์เด้" ใน "โมบิลสูท กันดั้ม OO" )
ความสูง : 50 เมตร

น้ำหนัก : 3 หมื่นตัน
ลักษณะพิเศษ : หุ่นยนต์ยักษ์ที่แปลงกายมาจากยานอวกาศ แจนเบิร์ด
                      มันจะต่อสู้ตามการเคลื่อนไหวของ นาโอะ ที่อยู่ในห้องบังคับ
                      โดยมี "แจนนัคเคิ่ล" หมัดเหล็กที่จะบินพุ่งเป้าไปยังศัตรู

                      และ ดาบแสง "แจนเบลด" เป็นอาวุธ


STAR CORVETTE JEAN-BIRD

วามสูง : 50 เมตร
น้ำหนัก : 3 หมื่นตัน
ลักษณะพิเศษ : ยานอวกาศที่ ราชวงศ์เอสเมรัลด้า สืบทอดกันมาจากรุ่นหนึ่งสู่อีกรุ่นหนึ่ง
                      ซึ่งองค์หญิง เอเมราน่า ที่กำลังอยู่ในระหว่างลี้ภัยได้ใช้เป็นที่หลบซ่อนตัวอยู่ภายในยาน 
                      มันเป็นยานอวกาศ ( Star Corvette ) คลาส A ที่มี "แจน" ปัญญาประดิษฐ์ ( AI ) 
                      ที่สามารถสนทนาโต้ตอบได้เป็นตัวควบคุมระบบนำร่องอัตโนมัติ
                      อาวุธที่เป็นกำลังรบสำคัญของมันคือ บีมเอเมอรัล ซึ่งเปล่งประกายแสงสีเขียวอันเจิดจรัส


ULTRAMAN ( ผู้พากษ์เสียง : คุโรเบะ ซึซึมุ ผู้รับบทเป็น "ฮายาตะ ชิน" )
ความสูง : 40 เมตร

น้ำหนัก : 3 หมื่น 5 พันตัน
ลักษณะพิเศษ : อุลตร้าแมนคนแรกที่ปรากฎตัวในเรื่อง "อุลตร้าแมน" ( ปี ค.ศ.1966~1967 ) 
                      ซึ่งมีร่างมนุษย์คือ ฮายาตะ
                      เขาได้ใช้ท่าไม้ตายต่างๆอย่าง "ลำแสงสเปเซี่ยม" และ "กงจักรแปดเสี้ยว"
                      ในการปกป้องโลกให้รอดพ้นจากอันตรายมาได้
                      ถึงแม้ว่าเขาจะได้ชื่อว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญในการขับไล่สัตว์ประหลาด
                      แต่เขาก็มีความเห็นอกเห็นใจกับสัตว์ประหลาดที่ไม่ได้กระทำความผิด


ULTRASEVEN ( ผู้พากษ์เสียง : โมริซึงุ โคจิ ผู้รับบทเป็น "โมโรโบชิ แดน" )
ความสูง : ไมโคร ~ 40 เมตร

น้ำหนัก : 0 ~ 3 หมื่น 5 พันตัน
ลักษณะพิเศษ : นักรบร่างแดงที่ปรากฎตัวในเรื่อง "อุลตร้าเซเว่น" ( ปี ค.ศ.1967~1968 ) 
                      ผู้ปกป้องโลกให้รอดพ้นจากการรุกรานของพวกมนุษย์ต่างดาวจำนวนมาก
                      เขาจะอยู่ในร่างของมนุษย์โลกโดยใช้ชื่อว่า โมโรโบชิ แดน
                      นอกจากเขาจะมีท่าลำแสงต่างๆมากมาย อาทิเช่น "ลำแสงเอเมเรี่ยม" และ "ไวด์ช็อต" แล้ว
                      เขายังสามารถควบคุม "ไอสลักเกอร์" บูมเมอแรงอวกาศที่ติดอยู่ตรงส่วนหัวได้ด้วย
                      ในยามที่เขาไม่สามารถต่อสู้ในร่างของอุลตร้าเซเว่นได้
                      เขาก็จะส่งสัตว์ประหลาดแคปซูลให้ออกไปสู้แทน
                      ในเรื่อง "อุลตร้าแมนเลโอ" ( ปี ค.ศ.1974~1975 ) เขาได้ทำหน้าที่เป็นครูผู้ฝึกสอน
                      อุลตร้าแมนเลโอ อย่างเข้มงวดในร่างของแดน
                      เขาคือพ่อของ อุลตร้าแมนเซโร่ และเป็นผู้มอบ "อุลตร้าเซโร่เบรสเล็ท" ให้กับเซโร่
                      ก่อนที่จะเดินทางไปยังห้วงอวกาศที่ไม่มีใครรู้จัก


ULTRAMAN JACK ( ผู้พากษ์เสียง : แดน จิโร่ ผู้รับบทเป็น "โก ฮิเดกิ" )
ความสูง : 40 เมตร

น้ำหนัก : 3 หมื่น 5 พันตัน
ลักษณะพิเศษ : อุลตร้าแมนคนที่ 2 ที่ปรากฎตัวในเรื่อง "การกลับมาของอุลตร้าแมน" ( ปี ค.ศ.1971~1972 )
                      นอกจากเขาจะมี "ลำแสงสเปเซี่ยม" เป็นท่าไม้ตายแล้ว
                      เขายังมี "อุลตร้าเบรสเล็ท" อาวุธสารพัดประโยชน์ซึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงรูปร่าง
                      ได้ตามใจชอบเป็นอาวุธอีกด้วย
                      ตอนที่เขาปรากฎตัวออกมาเป็นครั้งแรกเขายังไม่มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการ
                      แต่นับจากหนังโรง "อุลตร้าแมน ZOFFY" ที่ฉายในปี ค.ศ. 1984 เป็นต้นมา
                      เขาจึงถูกเรียกชื่อว่า "แจ็ค"


ULTRAMAN ACE ( ผู้พากษ์เสียง : ทาคามิเนะ เคย์จิ ผู้รับบทเป็น "โฮคุโตะ เซย์จิ" )
ความสูง : 40 เมตร

น้ำหนัก : 4 หมื่น 5 พันตัน
ลักษณะพิเศษ : นักรบอุลตร้าที่ปรากฎในเรื่อง "อุลตร้าแมน A" ( ปี ค.ศ.1972~1973 )
                      ผู้เชี่ยวชาญในการใช้ท่าลำแสงที่หลากหลายที่สุดในบรรดาพี่น้องอุลตร้า
                      โดยมีท่าไม้ตายที่เขาถนัดคือ "ลำแสงเมทาเรี่ยม"
                      ตอนแรกเขาจะแปลงร่างได้โดยการผสานร่างชายหญิง
                      ระหว่าง "โฮคุโตะ เซย์จิ" กับ "มินามิ ยูโกะ"
                      แต่หลังจากที่ ยูโกะ ซึ่งเป็น "มนุษย์ดวงจันทร์" ลากลับดวงจันทร์ไป
                      โฮคุโตะจึงต้องแปลงร่างเพื่อปฏิบัติหน้าที่พิทักษ์โลกเพียงลำพัง



ULTRAMAN TARO
( ผู้พากษ์เสียง : อิชิมารุ ฮิโรยะ ผู้พากษ์เสียงอุลตร้าแมนทาโร่มาตั้งแต่หนังโรง "อุลตร้าแมนสตอรี่"
ที่ฉายในปี ค.ศ. 1984 )
ความสูง : 53 เมตร

น้ำหนัก : 5 หมื่น 5 พันตัน
ลักษณะพิเศษ : อุลตร้าแมนที่ปรากฎในเรื่อง "อุลตร้าแมนทาโร่" ( ปี ค.ศ.1973~1974 )
                      ผู้มี "ลำแสงสโตเรี่ยม" เป็นท่าไม้ตายทีเด็ด
                      ปัจจุบันเขาทำหน้าที่เป็นอาจารย์ผู้ฝึกสอนชั้นแนวหน้าในหน่วยพิทักษ์อวกาศ
                      อุลตร้าแมนเมบิอุส ก็คือ หนึ่งในลูกศิษย์ของเขา




ULTRAMAN 80 ( ผู้พากษ์เสียง : ฮาเซงาว่า ฮัทสึโนริ ผู้รับบทเป็น "ยามาโตะ ทาเคชิ" )
ความสูง : 50 เมตร

น้ำหนัก : 4 หมื่น 4 พันตัน
ลักษณะพิเศษ : นักรบอุลตร้าที่ปรากฎตัวในเรื่อง "อุลตร้าแมน 80" ( ปี ค.ศ.1980~1981 ) 
                      ผู้ต้องเผชิญหน้ากับเหล่าสัตว์ประหลาดและผู้รุกรานต่างๆมากมาย
                      ขณะเดียวกันเขายังต้องทำหน้าที่เป็นคุณครูในโรงเรียนมัธยมต้น
                      และช่วยแก้ไขปัญหาทางใจของพวกเด็กๆอีกด้วย
                      เขาจัดเป็นนักรบอุลตร้าอีกคนหนึ่งที่มีวิชาการต่อสู้อันหลากหลาย
                      อาทิเช่น "ลำแสงแซกเซี่ยม" และ "บัคเคิ่ลบีม" เป็นต้น




YULIAN ( ผู้พากษ์เสียง : ฮากิวาระ ซาโยโกะ ผู้รับบทเป็น "โฮชิ เรียวโกะ" )
ความสูง : 47 เมตร

น้ำหนัก : 3 หมื่น 6 พันตัน
ลักษณะพิเศษ : อุลตร้าแมนหญิงที่ปรากฎในซีรีย์ "อุลตร้าแมน 80" ตอนที่ 49 ( ปี ค.ศ.1981 )
                      เธอคือเพื่อนในวัยเด็กของ 80 และดำรงตำแหน่งเป็นราชินีของดาวอุลตร้า




ZOFFY ( ผู้พากษ์เสียง : ทานากะ ฮิเดยูกิ )
ความสูง : 45 เมตร

น้ำหนัก : 4 หมื่น 5 พันตัน
ลักษณะพิเศษ : หัวหน้าหน่วยพิทักษ์อวกาศ พี่ชายคนโตสุดในหมู่ "พี่น้องอุลตร้า"
                      ซึ่งเป็นสมญานามที่เหล่านักรบอุลตร้าต่างพากันหลงใหล
                      ที่ปรากฎตัวเป็นครั้งแรกในตอนสุดท้ายของซีรีย์ "อุลตร้าแมน" ( ปี ค.ศ.1967 )
                      ท่าไม้ตายสูงสุดของเขาคือ "ลำแสง M87" ซึ่งว่ากันว่าเป็นลำแสงที่มีอานุภาพรุนแรงที่สุด
                      ในหมู่พี่น้องอุลตร้า ถ้าหากปล่อยลำแสงแบบเดี่ยวๆตัวต่อตัว





FATHER OF ULTRA ( ผู้พากษ์เสียง : นิชิโอกะ โทคุมะ )
ความสูง : 45 เมตร

น้ำหนัก : 5 หมื่นตัน
ลักษณะพิเศษ : หัวหน้าใหญ่แห่ง "หน่วยพิทักษ์อวกาศ" ในอาณาจักรแห่งแสง
                      ซึ่งปรากฎตัวเป็นครั้งแรกในซีรีย์ "อุลตร้าแมน A" ตอนที่ 27 ( ปี ค.ศ.1972 ) 
                      เพื่อออกมาต่อสู้กับมนุษย์ดาวฮิปโปริโต้
                      ท่าไม้ตายของเขาคือ "ฟาเธอร์ช็อต" 
                      อุลตร้าแมนทาโร่ คือ ลูกชายแท้ๆเพียงคนเดียวของเขา
                      แต่ด้วยความที่เขาเป็นผู้บัญชาการที่เยี่ยมยอดและได้รับความเคารพนับถือ
                      จากเหล่าสมาชิกในหน่วย เขาจึงถูกผู้คนเรียกขานว่า "เจ้าพ่ออุลตร้า"




ULTRAMAN NOA
ความสูง : 50 เมตร ( ความสูงทั้งหมดเมื่อรวม โนอาห์อีจีส คือ 55 เมตร )

น้ำหนัก : 5 หมื่น 5 ตัน
ลักษณะพิเศษ : มนุษย์ยักษ์แห่งแสงที่เคยปรากฎตัวบนหมู่ดาวราศีพิจิก M80 และที่โลกมาแล้ว
                      เขาคือร่างสุดยอดขั้นสุดท้ายของ อุลตร้าแมนเน็กซัส ซึ่งอยู่คนละห้วงอวกาศ
                      กับพวก อุลตร้าแมน ที่มาจากเนบิวล่า M78
                      เขามีความสามารถในการข้ามมิติกาลเวลามาได้โดยอาศัย โนอาห์อีจีส ที่อยู่ตรงหลัง
                      เมื่อแสงแห่งจิตใจของเหล่าผู้ที่ต่อต้าน เบเรียล รวมกันเป็นหนึ่งเดียว
                      เขาจึงได้ปรากฎตัวออกมาเพื่อมอบ อัลติเมทอีจีส ให้แก่เซโร่


ตัวละครสำคัญ

รัน ชนชาวบุกเบิกจากดาวเคราะห์อานูร์ ( ผู้รับบท : โคยานางิ ยู )

   บรุษหนุ่มผู้มีร่างกายที่กล้าแกร่งและมีจิตใจที่มุ่งมั่นเด็ดเดี่ยว เขาเป็นหัวหน้ากองคาราวานบุกเบิกที่อายุยังน้อย เขาได้ช่วยเหลือพวกเพื่อนๆจากกองทัพแนวรุกของจักรวรรดิทางช้างเผือกเบเรียลจนได้รับบาดเจ็บสาหัสปางตาย อุลตร้าแมนเซโร่ ที่ได้พบเห็นวีรกรรมอันกล้าหาญของเขาจึงตัดสินใจที่จะรวมร่างกับเขา เพื่อช่วยชีวิตของ รัน เอาไว้



นาโอะ ชนชาวบุกเบิกจากดาวเคราะห์อานูร์ ( ผู้รับบท : ฮามาดะ ทัตซึโอมิ )

   น้องชายของรัน ผู้มี "ชิ้นส่วนโล่ของบาลาจ" สมบัติลับในตำนานซึ่งเป็นมรดกตกทอดมาจากบิดาห้อยอยู่ตรงอก เขาเป็นเด็กที่ร่าเริงและมองโลกในแง่ดีไปซะทุกเรื่องด้วยความที่เขาเป็นคนที่มีจิตใจบริสุทธิ์ และความรู้สึกเชื่อมั่นของ นาโอะ นี้เองที่ช่วยสอน อุลตร้าแมนเซโร่ ให้รับรู้ถึงความอบอุ่นของมนุษย์


องค์หญิง เอเมราน่า ลูลู้ด เอสเมรัลด้า ( ผู้รับบท : สึจิยะ ทาโอะ )

   ราชินีรุ่นที่ 2 แห่งดาวเคราะห์เอสเมรัลด้า เธอเป็นคนเดียวที่ อัศวินพิทักษ์ราชวงศ์ มิลเลอร์ไนท์ ช่วยเหลือออกมาได้ และกำลังหลบซ่อนตัวเพื่อหนีรอดจากการรุกรานของจักรวรรดิทางช้างเผือกเบเรียลอยู่
เธอได้นำ "แจนเบิร์ด" ยานอวกาศของราชวงศ์มาช่วย รัน กับ นาโอะ ให้รอดพ้นจากวิกฤติ


โจรสลัดอัคคี การุ , กีรุ , กูรุ ( ผู้รับบท การุ : ฮิราอิซึมิ เซย์ , กีรุ : คิทาโร่ , กูรุ : เบงกอลล์ )

   สามพี่น้องโจรสลัดอวกาศผู้รักอิสระและเดินทางท่องไปในอวกาศอันไร้พรมแดน พวกเขาได้รวบรวมเหล่าอันธพาลที่ปรากฎตัวตามสถานที่ต่างๆมารวมกลุ่มกันเป็น "โจรสลัดอัคคี" และได้ร่วมต่อสู้เพื่อแย่งชิง แร่เอเมอรัล ที่จักรวรรดิทางช้างเผือกเบเรียลช่วงชิงไปกลับคืนมา


เรือโจรสลัดอัคคี AVANT GARDE

   เรือโจรสลัดอวกาศซึ่งเป็นเรือแม่ของกลุ่มโจรสลัดอัคคี ตัวยานที่ห้อมล้อมไปด้วยเปลวไฟและล่องลอยไปในอวกาศอย่างอิสระนั้นช่างดูดุจดั่งดาวหางที่กำลังลุกไหม้ ผู้ทำหน้าที่เป็นกัปตันเรือลำนี้ก็คือโจรสลัดสามพี่น้อง การุ , กีรุ และ กูรุ นั่นเอง



ฝ่ายกองทัพจักรวรรดิทางช้างเผือกของเบเรียล

จักรพรรดิแห่งทางช้างเผือก KAISER BELIAL ( ผู้พากษ์เสียง : มิยาซาโกะ ฮิโรยูกิ )
ความสูง : 55 เมตร
น้ำหนัก : 6 หมื่น 6 พันตัน
ลักษณะพิเศษ : อุลตร้าแมนผู้ชั่วร้ายที่เคยพ่ายแพ้ในการต่อสู้กับ อุลตร้าแมนเซโร่ และ เหล่านักรบอุลตร้า

                      เมื่อคราวก่อน
                      มันได้ฟื้นคืนชีพกลับมาในห้วงอวกาศอีกแห่งหนึ่ง

                      และได้สร้างจักรวรรดิทางช้างเผือกอันยิ่งใหญ่ขึ้นมา
                      แล้วสถาปนาตนขึ้นเป็นจักรพรรดิแห่งทางช้างเผือก
                      จากนั้นมันก็นำทัพไปรุกรานทั่วทุกหัวระแหงเพื่อหมายจะปกครองอวกาศทั้งหมด
                      และเพื่อเป็นการล้างแค้นเหล่านักรบอุลตร้า นี่จึงถือเป็นภัยร้ายครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดของอวกาศ
                      มันมีบาดแผลบนใบหน้าที่ได้มาจากสงครามเมื่อคราวก่อน

                      และจะสวมผ้าคลุมสีแดงอยู่ตลอดเวลา


อภิมหาจักรพรรดิแห่งทางช้างเผือก ARCH BELIAL
ความสูง : 300 เมตร
น้ำหนัก : 3 แสนตัน
ลักษณะพิเศษ : ร่างของ ไคเซอร์เบเรียล ที่ดูดกลืนพลังงานจาก แร่เอเมอรัล เข้าไป
                      จนกลายร่างเป็นสัตว์ประหลาดขนาดมหึมา
                      ท่าไม้ตายของมันคือ ลำแสงอาร์คเดสเซี่ยม ที่ปล่อยออกมาจากปาก


ขุนพลเหล็ก IARON ( ผู้พากษ์เสียง : วาคาโมโตะ โนริโอะ )
ความสูง : 51 เมตร

น้ำหนัก : 5 หมื่นตัน
ลักษณะพิเศษ : ขุนพลฝ่ายการรบแห่งกองทัพจักรวรรดิเบเรียล ผู้มีร่างเหล็กไหลอันน่าภาคภูมิใจ
                      มันจะใช้ "ไออาร่อนโซนิค" ซึ่งเป็นคลื่นพลังทำลายที่ปล่อยออกมาจากวัตถุเรืองแสงสีแดง

                      บนศีรษะในการทำลายทุกสิ่งทุกอย่าง


เสนาธิการในเงามืด DARKGONE ( ผู้พากษ์เสียง : คาวาชิตะ ไทโย )
ความสูง : 52 เมตร

น้ำหนัก : 4 หมื่น 5 พันตัน
ลักษณะพิเศษ : ขุนพลฝ่ายวางแผนที่ชอบเคลื่อนไหวอย่างลับๆ

                      ในฐานะของเสนาธิการประจำกองทัพจักรวรรดิเบเรียล
                      มันคือศัตรูตัวฉกาจที่สามารถเปลี่ยนแขนทั้งสองข้างให้กลายเป็นดาบ ( โกเน่เบลด )
                      หรือแส้ ( โกเน่วิวท์ ) ได้ตามใจชอบ และจะคอยเคลื่อนไหวอยู่ในเงามืดเพื่อลอบโจมตี
                      มิหนำซ้ำมันยังมีความสามารถในการช่วงชิงพลังงานของคู่ต่อสู้ได้อีกด้วย



ทหารนักล่าของจักรวรรดิ DARKLOPS ( ผู้พากษ์เสียง : มิยาโนะ มาโมรุ )
ความสูง : 45 เมตร
น้ำหนัก : 3 หมื่น 5 พันตัน
ลักษณะพิเศษ : แอนดรอยด์ประจัญบานที่มีทั้งรูปร่างหน้าตาและท่วงท่าคล้ายกับ อุลตร้าแมนเซโร่
                      พวกมันคือกองทหารชั้นยอดของจักรวรรดิทางช้างเผือกเบเรียล

                      ซึ่งถูกผลิตขึ้นเป็นจำนวนมากโดยอาศัย "ดาร์คลอปส์เซโร่" เป็นโปรโตไทป์ ( ต้นแบบ )
                      ในการสร้างพวกมันขึ้นมา


ทหารจักรกลของจักรวรรดิ LEGIONOID (α)
ความสูง : 53 เมตร
น้ำหนัก : 3 หมื่น 5 พันตัน
ลักษณะพิเศษ : หุ่นยนต์รบประจำกองทัพจักรวรรดิเบเรียลที่ถูกสร้างขึ้นมาเป็นจำนวนมาก
                      สำหรับ "เรกิโอนอยด์ α" ซึ่งเป็นรุ่นที่ใช้รบภาคพื้นดินนั้น

                      จะมีสว่านขนาดใหญ่ติดอยู่ที่แขนทั้งสองข้าง
                      พวกมันจะถูกปล่อยลงสู่พื้นดินจากกองทัพยานอวกาศซึ่งลอยอยู่บนวิถีวงโคจรของดาวเทียม
                      เพื่อลงมือเปิดฉากแผนการทำลายล้างและช่วงชิง


ทหารจักรกลของจักรวรรดิ LEGIONOID (β)
ความสูง : 53 เมตร
น้ำหนัก : 3 หมื่น 5 พันตัน
ลักษณะพิเศษ : หุ่นยนต์รบประจำกองทัพจักรวรรดิเบเรียลที่ถูกสร้างขึ้นมาเป็นจำนวนมาก
                      สำหรับ "เรกิโอนอยด์ β" ซึ่งเป็นรุ่นที่ใช้รบภาคอากาศยานในอวกาศ

                      จะมีปืนติดอยู่ที่แขนทั้งสองข้าง
                      พวกมันได้ถูกจัดวางกองกำลังเอาไว้ในกองทัพยานอวกาศอยู่เป็นจำนวนนับไม่ถ้วน


แนวยานรบของจักรวรรดิ BRIGANTE

   ยานที่เป็นกำลังสำคัญของกองยานอวกาศแห่งจักรวรรดิทางช้างเผือกเบเรียล มันคือยานแม่ประจัญบานขนาดใหญ่ที่บรรทุก เรกิโอนอยด์ จำนวนมากเอาไว้ ตรงหัวเรือที่สามารถปล่อยลำแสงทำลายล้างอันทรงอานุภาพออกมาได้นั้นจะมีสัญลักษณ์ของอาณาจักรที่สร้างขึ้นมาจากอุลตร้าซายน์ของ อุลตร้าแมนเบเรียล เรืองแสงอยู่


เรือยกพลข้ามห้วงมิติ DELUST

   ยานรบขนาดใหญ่ของกองทัพจักรวรรดิทางช้างเผือกเบเรียลที่สามารถส่งกองกำลังรุกรานข้ามห้วงมิติกาลเวลามาได้ ตัวยานของมันมีความแข็งแกร่งทนทานถึงขนาดที่สามารถทนต่อแรงปะทะในช่วงที่กำลังพุ่งเข้าไปยังอีกห้วงอวกาศหนึ่งได้


ปราการของนครจักรวรรดิ MALEBRANDES

   ป้อมปราการอวกาศขนาดมหึมาซึ่งเป็นที่ตั้งปราสาทของไคเซอร์เบเรียลและเป็นเมืองหลวงของจักรวรรดิทางช้างเผือกเบเรียล มันจะมีลักษณะคล้ายกับมือของเบเรียลซึ่งจะเข้ารุกรานดวงดาวที่หมายปองโดยใช้กงเล็บนั้นกำดาวทั้งดวงเอาไว้

***********************************************************************************

อุลตร้าแมนเซโร่ ภาคนอกตำนาน
คิลเล่อร์ เดอะ บีทสตาร์



   ผลงานที่สร้างออกมาเป็นออริจินัลวีดีโอต่อจาก "อุลตร้าแมนเซโร่ VS ดาร์คลอปส์เซโร่" ซึ่งเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นหลังจากเหตุการณ์ในภาพยนตร์ "อุลตร้าแมนเซโร่ THE MOVIE มหาสงคราม ! ณ.จักรวรรดิทางช้างเผือกของเบเรียล" เช่นเดียวกับภาค "อนาเธอร์สเปซแอดเวนเจอร์" และ "อุลตร้าลีก" ที่ลงในนิตยสารและทำเป็น DVD แถมมากับนิตยสาร เทเลบิแม็กกาซีน กับ เทเลบิคุง โดยจะกล่าวถึงภารกิจครั้งใหม่ของทีม อัลติเมทฟอร์ซเซโร่

   ผลงานออริจินัลวีดีโอเรื่องนี้ถือเป็นภาคแรกที่มีการจัดจำหน่ายเป็นแผ่นบลูเรย์ โดยจะถูกแบ่งออกเป็น 2 STAGE เหมือนเดิม คือ

   STAGE 1 "ห้วงอวกาศของเหล่าหุ่นเหล็ก" วางจำหน่ายวันที่ 25 พ.ย. 2011

   STAGE 2 "คำปฏิญาณต่อดาวตก" วางจำหน่ายวันที่ 22 ธ.ค. 2011

   ตอนแรกทางทีมงานเคยคิดเอาไว้ว่าจะสร้างผลงานชิ้นนี้โดยจับเอา อุลตร้าแมนคอสมอส มาเป็นตัวแสดงนำเพื่อฉลองครบรอบ 10 ปี หรือไม่ก็จะสร้างผลงานที่เป็นบทสรุปของซีรีส์ "มอนสเตอร์แบทเทิ่ล" ขึ้นมา แต่ว่า คุณอาเบะ ยูอิจิ ซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้กำกับในภาค "อุลตร้าแมนเซโร่ THE MOVIE มหาสงคราม ! ณ.จักรวรรดิทางช้างเผือกของเบเรียล" บอกว่าเดี๋ยว คอสมอส ก็จะปรากฎตัวใน "อุลตร้าแมนซาก้า" อยู่แล้ว ดังนั้นก็เลยเปลี่ยนไปสร้างผลงานที่กล่าวถึง อัลติเมทฟอร์ซเซโร่ เป็นหลักแทน โดยที่ยังคงให้ตัวละครใน "มอนสเตอร์แบทเทิ่ล" มาร่วมแสดงสมทบด้วย

JEAN NINE
ความสูง : 50 เมตร

น้ำหนัก : 3 หมื่นตัน
อาวุธ : แจนบัสเตอร์ , แจนแฟลชเชอร์ , แจนแอทแท็ค , แจนแคนน่อน , แจนธันเดอร์ , แจนเลเซอร์
ลักษณะพิเศษ : ทรงกลมฟ้า บีทสตาร์ ได้ก๊อปปี้ปัญญาประดิษฐ์ , พลังการต่อสู้และความสามารถ

                          ของแจนบ็อตมาหลอมรวมเข้ากับจุดเด่นของหุ่นยนต์ชนิดต่างๆ
                          จนถือกำเนิดเป็นหุ่นยนต์ตัวนี้ขึ้นมา
                          ดังนั้นมันจึงมีรูปร่างหน้าตาละม้ายกับ แจนบ็อต จนเปรียบเสมือนกับเป็นพี่น้องกัน
                          มันมีพลังการต่อสู้อันสูงส่งและอาวุธที่ครบครันสมกับสมญานามที่ล่ำลือกัน
                          ว่ามันเป็น เมกะโรบ็อตที่แข็งแกร่งที่สุด หรือ เมกะโรบ็อตขั้นสุดยอด
                          ที่แม้แต่พวกเซโร่เองต่างพูดว่ามันเป็นคลังแสงติดอาวุธรอบตัวดีๆนี่เอง
                          บีทสตาร์ ที่ตรวจจับได้ว่าพวก อัลติเมทฟอร์ซเซโร่ กำลังบุกรุกเข้ามาภายในทรงกลมฟ้า
                          ได้ปลุกการทำงานของมันให้มาต่อสู้กับกลุ่มอัลติเมทฟอร์ซเซโร่
                          ในฐานะของ "แจนคิลเล่อร์"
                          ถึงแม้ว่าพวก อัลติเมทฟอร์ซเซโร่ จะสูญเสียพลังลงไปมาก
                          เพราะสายหมอกบนทรงกลมฟ้าก็จริง
                          แต่มันคนเดียวก็สามารถจัดการกับ อัลติเมทฟอร์ซเซโร่ ได้ทั้งกลุ่ม
                          ทว่า,เนื่องจากปัญญาประดิษฐ์ของมันถูกก๊อปปี้ข้อมูลมาจากแจนบ็อต
                          จึงทำให้เสียงของ เอเมราน่า สื่อผ่านถึงมันได้ และด้วยคำพูดเกลี้ยกล่อมของเธอ
                          กับ การสอนให้รู้ถึงความหมายของชีวิตของพวกอัลติเมทฟอร์ซเซโร่ , เรย์ และ ฮิวงะ นี้เอง
                      จึงทำให้มันกลับใจมาอยู่ฝ่ายธรรมะและให้ความร่วมมือกับพวกอัลติเมทฟอร์ซเซโร่
                      จากนั้นมันก็มุ่งหน้าเข้าไปช่วย เซโร่ ที่กำลังรับมือกับ บีทสตาร์ อย่างยากลำบาก
                      พร้อมกับฮิวงะ และพยายามจะเกลี้ยกล่อม บีทสตาร์ แต่กลับไม่เป็นผลสำเร็จ
                      สุดท้ายจึงต้องจำใจกำจัด บีทสตาร์ ลงไป
                      หลังจากการต่อสู้จบลงมันก็เข้ามาเป็นพวกของเซโร่
                      และได้รับการตั้งชื่อใหม่จาก เอเมราน่า ว่า "แจนไนน์" ซึ่งแฝงความหมายว่า
                          มันคือ "ผู้กล้าคนที่ 9 ถัดจาก อัลติเมทฟอร์ซเซโร่ ทั้ง 4 คน ,
                          เรย์ , ฮิวงะ , โกโมล่า และ ริโทล่า" นั่นเอง
                          นี่จึงถือเป็นการรวมกลุ่ม "อัลติเมทฟอร์ซเซโร่กำเนิดใหม่" อีกครั้ง
                          ไม่รู้ว่าพอมันเข้ามาอยู่ในกลุ่มแล้วรู้สึกเขิน
                          ที่ถูกมองเหมือนเป็นน้องชายของแจนบ็อตหรืออย่างไร
                          มันจึงทำทีกระด้างกระเดื่องเหมือนกับจะเป็นการแสดงความรู้สึกต่อต้าน แจนบ็อต
                          อยู่กลายๆ


ผู้พิทักษ์ทรงกลมฟ้า BEATSTAR
ความสูง : ไม่ปรากฎแน่ชัด

น้ำหนัก : ไม่ปรากฎแน่ชัด
อาวุธ : ยิงมิซไซล์ออกมาจากช่องปล่อยจรวดทั่วทั้งตัว , ลำแสงพลังงานอันทรงพลังที่ยิงออกมาจากใบหน้า
ลักษณะพิเศษ : มาสเตอร์คอมพิวเตอร์ที่เป็นใจกลางหลักของทรงกลมฟ้าบีทสตาร์

                          ซึ่งเป็นผู้ควบคุม แจนคิลเล่อร์ และ กองทัพสัตว์ประหลาดหุ่นยนต์
                          ที่ถูกสร้างขึ้นมาจากการก๊อปปี้ข้อมูลภายในทรงกลมฟ้า
                          ปกติมันจะรวมร่างเป็นหนึ่งเดียวกับประภาคารบีทสตาร์ทาวเว่อร์
                          แต่มันสามารถปลดพันธนาการตรงลำตัวท่อนล่าง เพื่อออกมาเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ
                          ในด้านพละกำลัง มันมีพลังที่แข็งแกร่งเหนือกว่าเซโร่มาก
                          เดิมมันเป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นโดยชนชาวอวกาศกลุ่มหนึ่ง
                          ซึ่งถูก มนุษย์ดาวแบ็ท เข้ารุกรานจนล่มสลาย
                          แม้ว่าพวกเขาจะหลบหนีจากการรุกรานมาได้
                          แต่สงครามก็อาจจะเข้ามาคุกคามทรงกลมฟ้าที่พวกเขาอาศัยอยู่สักวันใดวันหนึ่งก็เป็นได้
                          ดังนั้นพวกเขาจึงตั้งโปรแกรมให้มัน "กำจัดทุกสิ่งที่เป็นภัยต่อความปลอดภัย
                          และการดำรงอยู่ของสิ่งแวดล้อมภายในทรงกลมฟ้า"
                          มันเลยกำจัดผู้ที่สร้างมันขึ้นมาและสังหารพลเมืองทุกคนจนหมดสิ้น
                          นี่คืออดีตของมันที่เป็นจุดเริ่มต้นแห่งความเกลียดชังต่อสิ่งมีชีวิตทางธรรมชาติ
                          ด้วยเหตุนี้มันจึงได้วางแผนการกวาดล้างสิ่งมีชีวิตทางธรรมชาติในอวกาศทั้งมวล
                          เพื่ออุดมคติที่ว่า "สันติสุขและเสรีภาพจะธำรงอยู่ในอวกาศสืบต่อไปได้
                          ด้วยการกำจัดสิ่งมีชีวิตทางธรรมชาติที่เปรียบเสมือนกับเซลล์มะเร็งของอวกาศ"
                          มันได้โจมตีตอบโต้และไล่ต้อน เซโร่ ที่บุกเข้ามาภายในประภาคารเสียจนมุม
                          และปฏิเสธคำพูดเกลี้ยกล่อมของ แจนคิลเล่อร์ ที่ตามมาสมทบว่า "ไร้เหตุผล"
                          ถึงแม้ว่ามันจะสามารถหลบเลี่ยงการโจมตีทั้งหมดของ แจนคิลเล่อร์ ได้
                          เพราะคำนวนเอาไว้แล้วก็ตาม แต่ทว่า ฮิวงะ ที่เป็นคนบังคับ แจนคิลเล่อร์
                          ก็ปล่อยหมัดตรงที่นอกเหนือไปจากการคำนวนของมันชกเข้าไปเต็มหน้า
                          จากนั้นมันก็ถูกท่า พลาสม่าสปาร์คสแลช ของ เซโร่ เล่นงานจนได้รับความเสียหายหนัก
                          สุดท้ายมันจึงใช้ลำแสงพลังงานของตนระเบิดดวงอาทิตย์เทียม
                          จนสูญสลายไปพร้อมกับทรงกลมฟ้า
                          แม้ว่ามันจะพ่ายแพ้ให้กับความเป็นไปได้ที่มีอยู่ในตัวของมนุษย์
                          ซึ่งมันมองว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่จำเป็น แต่มันก็ยังคงพูดกล่าวถึงความชอบธรรมของตน
                          และยังได้เผยให้เห็นถึงความรู้สึกหวาดกลัวที่มีต่อ มนุษย์ดาวแบ็ท ในช่วงวาระสุดท้าย
                          นั่นจึงแสดงให้เห็นว่ามันไม่ได้เป็นเพียงแค่เครื่องจักรที่ไร้อารมณ์ความรู้สึก
                          แต่มันก็มีจิตวิญญาณเหมือนกับ แจนบ็อต และ แจนคิลเล่อร์ เช่นเดียวกัน
                          เพียงแต่มันพ่ายแพ้ต่อความอ่อนแอที่อยู่ภายในจิตใจของตัวเอง
                          เลยกระทำการที่เกินกว่าเหตุไป
                          อนึ่ง,ชื่อของหุ่นยนต์ที่เกิดจากการก๊อปปี้ข้อมูลจะมีคำว่า BS ต่อท้าย
                          เพื่อเป็นการแยกแยะกับตัวที่เคยปรากฎในอดีต


ทรงกลมฟ้าบีทสตาร์

   วัตถุทรงกลมจำลองที่ บีทสตาร์ เป็นผู้ควบคุมอยู่ ไม่ว่าจะเป็นดาวเคราะห์ดวงใดก็ตามที่มาปะทะกับสิ่งนี้ก็จะแหลกสลายไปเป็นผุยผงภายในชั่วพริบตา ภายในผิวชั้นนอกของทรงกลมฟ้านี้จะมีดวงอาทิตย์เทียมกับพระจันทร์ซึ่งอยู่ในหอควบคุมอยู่ ส่วนด้านในนั้นก็จะปกคลุมไปด้วยหมอกที่เป็นตัวช่วงชิงพลังของกลุ่ม อัลติเมทฟอร์ซเซโร่ ไป เดิมมันเป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อใช้หลบหนีจากห้วงอวกาศที่ถูกทำลายจนล่มสลาย ดังนั้นมันจึงมีระบบวาร์ปข้ามอวกาศหลายมิติติดตั้งอยู่



***********************************************************************************

อุลตร้าแมนซาก้า


   ภาพยนตร์เรื่องนี้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็น "ผลงานฉลองครบรอบ 45 ปี ซีรีส์อุลตร้าแมน" ชุดที่ 2 ต่อจาก "อุลตร้าแมนเซโร่ THE MOVIE มหาสงคราม ! ณ.จักรวรรดิทางช้างเผือกของเบเรียล" ที่ฉายไปเมื่อวันที่ 23 ธ.ค. 2010 ซึ่งจะกล่าวถึงสงครามระหว่างนักรบอุลตร้ากับกองทัพสัตว์ประหลาด โดยมีตัวละครเดินเรื่องหลัก คือ อุลตร้าแมนไดน่า ซึ่งเคยปรากฎตัวในภาค "มอนสเตอร์แบทเทิ่ล อุลตร้ากาแลคซี่เลเจนด์ THE MOVIE" มาแล้ว อีกทั้งยังถือเป็นผลงานรำลึกครบรอบ 15 ปี ของ อุลตร้าแมนไดน่า ในปี 2012 ไปในตัว และยังมี อุลตร้าแมนคอสมอส ที่เพิ่งครบรอบ 10 ปี ไปเมื่อปี 2011 มาร่วมสมทบด้วย และสุดท้ายที่พลาดไม่ได้ก็คือ อุลตร้าแมนเซโร่ ฮีโร่คนล่าสุดนั่นเอง
   "อุลตร้าแมนซาก้า" ได้ฤกษ์เปิดฉายพร้อมกันตามโรงภาพยนตร์ทั่วประเทศญี่ปุ่น 221 แห่ง เมื่อวันที่ 24 มี.ค. 2012 โดยทำรายได้เปิดตัวหลังจากเข้าฉายเพียง 2 วัน อยู่ที่ 143,747,300 เยน และมีผู้เข้าชมถึง 116,006 คน ซึ่งจัดอยู่ในสถิติหนังทำเงินที่มีผู้ชมสูงสุดเป็นอันดับ 4 ได้เป็นครั้งแรกของภาพยนตร์ซีรีส์อุลตร้าแมน โดยสรุปรายได้ปิดยอดไปทั้งหมดอยู่ที่ 530,000,000 เยน 
   สำหรับผู้ที่ไปชมภาพยนตร์เรื่องนี้ที่ญี่ปุ่นจะได้รับของกำนัลพิเศษ คือ "อุลตร้าคอมมิคบุ๊ค" ซึ่งเป็นมินิบุ๊คที่รวบรวมเรื่อง "จงสู้สิ ! นักรบอุลตร้า" และ "หน่วยพิทักษ์อวกาศ ! ออกประจัญบาน" ซึ่งเป็นผลงานชิ้นสุดท้ายของ อ.อุจิยาม่า มาโมรุ ปรมาจารย์นักเขียนการ์ตูนแนวอุลตร้าแมนที่เสียชีวิตไปเมื่อวันที่ 1 ธ.ค. 2011 มาไว้ในเล่มเดียวกัน
   หากพูดถึงจุดเด่นของภาพยนตร์เรื่องนี้ อันดับแรกคงจะอยู่ที่ผลงานชิ้นนี้เป็นซีรีส์อุลตร้าแมนเรื่องแรกที่ลงโรงฉายในระบบ 3D ( แน่นอนว่ามีแบบ 2D ด้วย ) และนับตั้งแต่ภาค "ศึกครั้งใหญ่ของสุดยอดพี่น้องอุลตร้าทั้ง 8" เมื่อปี 2008 ก็เพิ่งจะมีภาคนี้ที่มีเหตุการณ์เกิดขึ้นบนโลก และเซโร่ก็ได้ต่อสู้บนโลกเป็นครั้งแรก แถมนอกจากจะมี 3 นักแสดงนำหลักอย่าง คุณ DAIGO แห่งวง BREAKERZ มารับบทเป็น "ไทกะ โนโซมุ" ผู้ที่จะกลายมาเป็นร่างมนุษย์คนใหม่ของเซโร่ กับ คุณซึรุโนะ ทาเคชิ ในบท "อาสึกะ ชิน" และ คุณซึงิอุระ ไทโย ในบทของ "ฮารุโนะ มุซาชิ" แล้ว ก็ยังมีดารานักแสดงรุ่นเก๋าอย่าง คุณคุโรเบะ ซึซึมุ , คุณโมริซึงุ โคจิ , คุณแดน จิโร่ , คุณทาคามิเนะ เคย์จิ มารับบทเป็นพี่น้องอุลตร้าอีกเช่นเคย และที่พิเศษยิ่งไปกว่านั้นคือ คุณมานัตซึ ริว ก็กลับมารับบทเป็น โอโทริ เก็น ในภาพยนตร์เป็นครั้งแรกด้วย รวมถึงเหล่านักแสดงที่เคยรับบทเป็นสมาชิกในทีม SUPER GUTS ในซีรีส์ของ "ไดน่า" เองก็มาร่วมแสดงกันเกือบทุกคนนับตั้งแต่ตอนที่เคยปรากฎตัวในภาค "อุลตร้าแมนทีก้า THE FINAL ODYSSEY" เป็นครั้งสุดท้าย โดยในบทละครตอนแรกได้วางโครงเรื่องเอาไว้ให้เป็นบทสรุปส่งท้ายของ "ไดน่า" ซึ่งจะให้ อาสึกะ เดินทางกลับมาที่โลกของ นีโอฟรอนเทียร์ ในฉากสุดท้ายของภาพยนตร์เรื่องนี้ แต่ คุณซึรุโนะ เสนอว่า "ยังไม่ต้องให้อาสึกะกลับมา ถึงจะดูสมกับเป็นอาสึกะมากกว่า เพราะว่าเขายังอยากจะบินต่อไปอีก" ดังนั้นฉากสุดท้ายของเรื่องจึงถูกเปลี่ยน และจุดเด่นสำคัญข้อสุดท้ายที่เป็นทีเด็ดสุดสำหรับบรรดาสาวกหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่คอโมเอะทั้งหลายคงจะไม่พลาด นั่นก็คือ การปรากฎตัวของทีม U ซึ่งเป็นทีมที่มีสมาชิกเป็นผู้หญิงล้วนๆทีมแรกในซีรีส์อุลตร้าแมน โดยการคัดเลือกนักแสดงหญิงทั้ง 7 คน มาจากวง AKB48 อันได้แก่ อาคิโมโตะ ซายากะ , อุเมดะ อายากะ , มิยาซาวะ ซาเอะ , มาสึดะ ยุกะ , โคบายาชิ คันนะ , ชิมาดะ ฮารุกะ และ ซาโต้ สึมิเระ ซึ่งซีรีส์ที่ผ่านๆมาแม้ว่าในหน่วยพิทักษ์แต่ละหน่วยจะมีทีมที่มีสมาชิกหญิงอยู่บ้างอย่าง "หน่วยคิตตี้" ที่ปรากฎในซีรีส์ "ไดน่า" ตอนที่ 42 หรือ "ทีมครอว์" ในซีรีส์ของ "ไกอา" แต่หน่วยพิทักษ์ที่มีแต่สมาชิกหญิงล้วนๆก็เพิ่งจะมีในเรื่องนี้เป็นครั้งแรก

ตัวละครหลักที่ปรากฎในหนังโรง Ultraman Saga
จะแบ่งออกเป็น 2 ฝ่าย ดังนี้

ฝ่ายอุลตร้าฮีโร่

ULTRAMAN ZERO
ความสูง : 49 เมตร
น้ำหนัก : 3 หมื่น 5 พันตัน
ลักษณะพิเศษ : อุลตร้าแมนหนุ่มวัยฉกรรจ์ผู้มาจากอาณาจักรแห่งแสง เนบิวล่า M78

                          ลูกชายของอุลตร้าเซเว่น
                          ด้วยความที่ยังอยู่ในวัยคึกคะนอง เขาจึงเชื่อมั่นและหลงระเริงกับพลังของตนเอง
                          มากเกินไปในช่วงแรก
                          แต่เมื่อได้ผ่านศึกสงครามระหว่าง กองทัพเบเรียล ศัตรูคู่อาฆาตมาอย่างยาวนาน
                          ในที่สุดเขาจึงเข้าใจถึงความหมายของการรวมพลังกับเพื่อนพ้องจนคว้าชัยชนะมาได้
                          นี่จึงเป็นการแสดงให้เห็นถึงพัฒนาการทั้งในด้านร่างกายและจิตใจของเขาได้เป็นอย่างดี
                          มาในภาคนี้เขาได้ยินเสียงของ อาสึกะ จึงได้เดินทางมายังโลก
                          จนได้มาพบกับ ไทกะ แล้วรวมร่างเป็นหนึ่งเดียวกับเขา



ULTRAMAN DYNA
ความสูง : 55 เมตร
น้ำหนัก : 4 หมื่น 5 พันตัน
ลักษณะพิเศษ : มนุษย์ยักษ์แห่งแสงผู้มาปรากฎตัวเพื่อปกป้องมวลมนุษย์จากภัยคุกคาม
                          ที่มนุษยชาติยังไม่เคยพบเจอมาก่อนในยุคสมัยของ นีโอฟรอนเทียร์
                          ที่หมู่มวลมนุษยชาติกำลังเดินหน้าพัฒนาสิ่งใหม่ๆ
                          โดยการบุกเบิกออกไปยังอวกาศอันกว้างใหญ่ไพศาล
                          ในภาคทีวีซีรีส์ที่เริ่มฉายเมื่อปี 1997 เขาได้รวมร่างเป็นหนึ่งเดียวกับ อาสึกะ ชิน
                          เจ้าหน้าที่น้องใหม่ของทีม SUPER GUTS และได้ผ่านการต่อสู้อันดุเดือดมาอย่างโชกโชน
                          แต่หลังจากนั้นเขาก็หายตัวไปในแสงสว่างพร้อมกับ อาสึกะ
                          ภายหลังจากที่ช่วยมนุษยชาติให้รอดพ้นจากวิกฤติการณ์ครั้งใหญ่มาได้ในตอนสุดท้าย
                          ทว่า,เหล่าสมาชิกในทีม SUPER GUTS ทุกคนต่างเชื่อมั่นว่า
                          พวกเขาจะต้องได้พบกับ อาสึกะ และ ไดน่า อีกครั้งอย่างแน่นอน

                          ซึ่งเรื่องราวในภาพยนตร์เรื่องนี้จะเป็นการบอกเล่าเรื่องราวของ ไดน่า หลังจากนั้น


ULTRAMAN COSMOS
ความสูง : 47 เมตร
น้ำหนัก : 4 หมื่น 2 พันตัน
ลักษณะพิเศษ : อุลตร้าแมนที่ครั้งหนึ่งเคยไล่ตาม มนุษย์ดาวบัลตั้น จนมาถึงโลก
                          เขาได้รวมร่างเป็นหนึ่งเดียวกับ ฮารุโนะ มุซาชิ เด็กชายคนหนึ่งที่มาช่วยเขา
                          ให้รอดพ้นจากความเป็นความตายในการต่อสู้กับมนุษย์ดาวบัลตั้น
                          เขาคือฮีโร่ผู้เปี่ยมไปด้วยความรักและเมตตาต่อสรรพสิ่งทั้งมวล
                          ซึ่งถึงแม้ว่าเขาจะต้องเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่สมควรจะต้องกำจัด
                          แต่ถ้าอีกฝ่ายแค่ออกมาอาละวาดเฉยๆ
                          เขาก็จะทำให้มันสงบลงโดยที่ไม่จำเป็นต้องกำจัดทิ้งและลดการปะทะให้น้อยลงที่สุด
                          เพื่อมอบโอกาสให้พวกมันสามารถอาศัยอยู่ร่วมกับชาวโลกได้
                          ด้วยเหตุนี้เองเขาจึงได้ชื่อว่าเป็น "ผู้กล้าแห่งความรักและเมตตา"
                          แม้แต่กับ ศัตรูตัวฉกาจ ในภาคทีวีซีรีส์ที่แพร่ภาพเมื่อปี 2001
                          เขาก็ยังคงต่อสู้กับพวกมันเรื่อยมาโดยไม่ล้มเลิกความตั้งใจที่จะทำความเข้าใจซึ่งกันและกัน
                          จนในที่สุดเขาก็สามารถสื่อสารทางใจกับมันได้เป็นผลสำเร็จ
                          มาในภาพยนตร์คราวนี้ คอสมอส จะแสดงให้พวกเราได้เห็นถึงความอ่อนโยนของเขา
                          ในรูปแบบใดกัน




ULTRAMAN SAGA
ความสูง : 58 เมตร
น้ำหนัก : 4 หมื่น 5 พันตัน
ความเร็วในการบิน : ไม่สามารถวัดค่าได้
ความเร็วในการวิ่ง : 22 มัค
พลังกระโดด : 8,000 เมตร
ลักษณะพิเศษ : นักรบอุลตร้าคนใหม่ที่ถือกำเนิดขึ้นมาจากการรวมจิตใจของ เซโร่ , ไดน่า , คอสมอส
                          ทั้ง 3 คน ให้กลายเป็นหนึ่งเดียว
                          เขาจะไม่มีลวดลายอะไรบนลำตัวที่ชัดเจนนัก แต่ว่าร่างกายของเขาจะมีการไล่เฉดสีม่วง
                          จากลำตัวช่วงบนที่เป็นโทนสีฟ้าลงมาจนถึงลำตัวช่วงล่างที่เป็นโทนสีแดง
                          และจะมีแสงออร่าอันเจิดจรัสรายล้อมรอบตัวของเขา
                          อีกทั้งจะเห็นแสงสว่างทะลุลอดออกมาจากรอยแยกที่อยู่ตามร่างกายของเขา
                          เขาจะใช้ ซาก้าเอฟเฟ็คท์ พลังงานอันทรงพลัง ในการสร้างท่าไม้ตายต่างๆ

                          เพื่อใช้ในการต่อสู้

ท่าไม้ตาย และ ความสามารถพิเศษ

ซาก้าแอคเซเลอเรชั่น : ความสามารถในการเคลื่อนที่ในพริบตาซึ่งมีความเร็วทัดเทียมกับไฮเปอร์เซ็ทต้อน


ซาก้าชู้ตเตอร์ :  กระสุนพลังงานที่ ซาก้า จะปล่อยรัวออกมาอย่างต่อเนื่อง


ซาก้าพลาสม่า : กระสุนพลังงานแสงที่สร้างขึ้นมาจากหน้าอกแล้วใช้สองมือผลักปล่อยมันออกไป
                      ซึ่งเป็นท่าที่คล้ายกับ เมเบี่ยมเบิร์สต์ ของ อุลตร้าแมนเมบิอุส เบิร์นนิ่งเบรฟ
                      และมีอานุภาพที่สามารถหักล้าง กระสุนเพลิงทมิฬ ที่ ไฮเปอร์เซ็ทต้อน ปล่อยออกมาได้


ซาก้าสแลชเชอร์ : วงแหวนแสงที่ ซาก้า เชวี้ยงออกไปเพื่อผ่าคู่ต่อสู้ให้เป็นส่วนๆ
                         ซึ่งเป็นท่าที่คล้ายกับ กงจักรแปดเสี้ยว ของอุลตร้าแมน
                         แต่หลังจากที่เขวี้ยงออกไปแล้ว ซาก้า จะสามารถทำให้มันแตกตัวออกมาได้หลายวง
                         โดยจะเรียกท่านี้ว่า "ซาก้าทริปเปิ้ลสแลชเชอร์"


ซาก้าคัตเตอร์ : คัตเตอร์แสงที่สร้างขึ้นมาตรงแขนซ้ายเพื่อใช้ในการตัดปีกของไฮเปอร์เซ็ทต้อน


ซาก้าโพรเทคชั่น : ซาก้าจะใช้คลื่นพลังงานสร้างกำแพงคุ้มกันขึ้นมา
                          เพื่อป้องกัน กระสุนเพลิงทมิฬ ขนาดใหญ่ของไฮเปอร์เซ็ทต้อน


ซาก้าแม็กซิมั่ม : ท่าชกซึ่งถือเป็นไม้ตายอันทรงพลังที่สุดของซาก้า
                       โดยการรวบรวมพลังงานทั้งหมดเอาไว้ที่กำปั้นแล้วชกออกไป
                       ซึ่งเป็นท่าที่ใช้ในการปิดฉากไฮเปอร์เซ็ทต้อน



เลเจนด์ 5

ULTRAMAN
ความสูง : 40 เมตร
น้ำหนัก : 3 หมื่น 5 พันตัน
ลักษณะพิเศษ : อุลตร้าแมนคนแรกที่เดินทางมาต่อสู้เพื่อปกป้องโลกของเราเอาไว้

                     1 ในพี่น้องอุลตร้าที่มีท่าไม้ตายอยู่มากมาย อาทิเช่น ลำแสงสเปเซี่ยม ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดี
                     เขาไม่ได้มีเพียงความแข็งแกร่งเท่านั้น
                     แต่ยังมีความอ่อนโยนให้กับเหล่าสัตว์ประหลาดที่ไม่ได้กระทำความผิดอีกด้วย

ULTRASEVEN
ความสูง : 40 เมตร
น้ำหนัก : 3 หมื่น 5 พันตัน
ลักษณะพิเศษ : ตอนแรกเขาได้เดินทางมายังโลกในฐานะของเจ้าหน้าที่สังเกตการณ์

                     แล้วเกิดรู้สึกประทับใจในความกล้าหาญและความอ่อนโยนของชาวโลกขึ้นมา
                     จึงได้ตัดสินใจต่อสู้กับเหล่าผู้รุกรานจากอวกาศเพื่อปกป้องโลกใบนี้เอาไว้
                     เขาคือ 1 ในพี่น้องอุลตร้า และเป็นพ่อของอุลตร้าแมนเซโร่
                     นอกจากท่าลำแสงอย่าง ลำแสงเอเมเรี่ยม หรือ ไวด์ช็อต แล้ว
                     เขายังมี ไอสลักเกอร์ บูมเมอแรงอวกาศที่ติดอยู่ตรงส่วนหัวเป็นอาวุธคู่ใจอีกด้วย


ULTRAMAN JACK
ความสูง : 40 เมตร
น้ำหนัก : 3 หมื่น 5 พันตัน
ลักษณะพิเศษ : 1 ในพี่น้องอุลตร้า ที่ต่อสู้เพื่อปกป้องโลกให้รอดพ้นจากการรุกรานของเหล่ามนุษย์ต่างดาว
                          และสัตว์ประหลาดที่ตื่นจากการหลับไหล
                     เขาเป็นผู้ที่ใช้ อุลตร้าเบรสเล็ท อาวุธที่ได้รับมาจาก อุลตร้าเซเว่น ได้อย่างชำนาญ


ULTRAMAN ACE
ความสูง : 45 เมตร
น้ำหนัก : 4 หมื่น 5 พันตัน
ลักษณะพิเศษ : 1 ในพี่น้องอุลตร้าที่เคยถูกส่งมาประจำการอยู่บนโลก

                          เพื่อต่อสู้กับยอดอสูรที่ มนุษย์ต่างมิติ ยาพูล คอยชักใยอยู่เบื้องหลัง
                          เขาคือผู้ที่เชี่ยวชาญในด้านการใช้ท่าลำแสงได้หลากหลายมากที่สุดในบรรดาพี่น้องอุลตร้า
                          ท่าไม้ตายของเขา คือ ลำแสงเมทาเรี่ยม  


ULTRAMAN LEO
ความสูง : 52 เมตร
น้ำหนัก : 4 หมื่น 8 พันตัน
ลักษณะพิเศษ : อุลตร้าแมนผู้มาจากดาวราศีสิงห์ L77
                      เขาได้เดินทางมาใช้ชีวิตอยู่บนโลกซึ่งถือเป็นบ้านเกิดแห่งที่ 2 ของเขา
                      จนได้มาพบกับอุลตร้าเซเว่น
                      รูปแบบในการต่อสู้ที่เขาถนัด คือ การใช้วิชาต่อสู้ด้วยหมัดมวย
                      โดยมีท่าไม้ตายทีเด็ด คือ เลโอคิก
                      หลังจากนั้นเขาจึงได้รับการขนานนามให้เป็น 1 ในพี่น้องอุลตร้า พร้อมกับ แอสตร้า
                      แล้ว อุลตร้าเซเว่น ก็ได้ฝากฝัง อุลตร้าแมนเซโร่
                      ให้ทั้ง เลโอ กับ แอสตร้า ช่วยเป็นอาจารย์
                      คอยฝึกสอนขัดเกลาลูกชายของเขาให้มีฝีมือแก่กล้ายิ่งขึ้น


ฝ่ายกองทัพสัตว์ประหลาด

มนุษย์ต่างดาวหนวดสัมผัส ALIEN BAT
ความสูง : 2.5 เมตร
น้ำหนัก : 80 กิโลกรัม
ลักษณะพิเศษ : มนุษย์ต่างดาวที่สุดแสนจะชั่วร้ายผู้ให้กำเนิด "ไฮเปอร์เซ็ทต้อน" เซ็ทต้อนร่างสุดยอด
                      ขึ้นมาบนโลกที่ถูกเลือกให้เป็นสนามทดสอบสัตว์ประหลาดชีวะอาวุธ
                      เพื่อที่ตนจะได้กลายเป็นพระเจ้าผู้ชักนำความตายแห่งอวกาศ
                      มันได้ปรากฎตัวข้ามมิติเวลาไปยังห้วงอวกาศต่างๆมากมาย
                      เพื่อช่วงชิงเหล่าสัตว์ประหลาดและสิ่งมีชีวิตในอวกาศไป
                      โดยที่ไม่สนใจว่าจะเป็นหรือตาย
                      เพื่อเป็นการกระตุ้น ไฮเปอร์เซ็ทต้อน ให้ตื่นขึ้นมา

มังกรอวกาศ HYPER Z-TON ( COCOON )
ความยาว : 500 เมตร
น้ำหนัก : 5 แสนตัน
ลักษณะพิเศษ : ไฮเปอร์เซ็ทต้อนในสภาพดักแด้ที่จะคอยจับสัตว์ประหลาดและสิ่งมีชีวิตต่างๆ อาทิเช่น สเฟียร์
                      ที่ มนุษย์ดาวแบ็ท รวบรวมมาไปกินเป็นอาหาร
                      และมันจะดูดกลืนเสียงกรีดร้องด้วยความสิ้นหวังของผู้คนเข้าไป
                      เพื่อใช้ในการหล่อเลี้ยงการเจริญเติบโตของมันด้วย
                      ถึงแม้ว่ามันจะอยู่ในสภาพดักแด้ก็ตาม
                      แต่มันก็สามารถยืดสายรยางค์ที่มีกงเล็บอันแหลมคมออกมาจากดักแด้เพื่อจับกินเหยื่อได้
                      แถมมันยังสามารถยิง ลำแสงแปรสภาพให้กลายเป็นหิน และ กระสุนเพลิงทมิฬ
                      เล่นงาน ไดน่า จนเอาชนะมาได้แล้วครั้งนึง
                      ถ้าไม่นับเรื่องที่ว่ามันไม่สามารถเคลื่อนไหวไปไหนมาไหนได้แล้ว
                      มันก็จัดเป็นศัตรูที่มีพลังความสามารถในการต่อสู้ที่สูงพอตัวเลยทีเดียว
                      ทว่า,การที่ ไดน่า ตัดสินใจบุกเข้าไปในดักแด้
                      เพื่อระงับการเจริญเติบโตของ ไฮเปอร์เซ็ทต้อน ด้วยตัวเองนั้น
                      เป็นสิ่งที่ มนุษย์ดาวแบ็ท เองก็คาดไม่ถึงเช่นกัน
                      เพราะเหตุนี้เองจึงทำให้การปลุก ไฮเปอร์เซ็ทต้อน ต้องล่าช้าออกไป 


มังกรอวกาศ HYPER Z-TON ( GIGANT )
ความยาว : 300 เมตร
น้ำหนัก : 3 แสนตัน
ลักษณะพิเศษ : ร่างตัวอ่อนที่ฟักออกมาจากดักแด้ซึ่งมีหน้าตาคล้ายกับ เซ็ทต้อน รุ่นก่อนๆที่ผ่านมา
                      เพียงแต่ว่าเขาตรงใบหน้าของมันจะโง้งเป็นกงเล็บยื่นออกไปข้างหน้า
                      และมีเขี้ยวงอกออกมาจากข้างล่าง
                      ส่วนลำตัวของมันจะเหมือนกับแมลงหลายขา
                      คล้ายกับ ตัวกะปิ ( กระสุนพระจันทร์ ) ขนาดมหึมา
                      และจะส่งเสียงร้องแบบเดียวกับ เซ็ทต้อนรุ่นที่สอง ที่ มนุษย์ดาวแบ็ทรุ่นแรก
                      เป็นผู้ชักใยอยู่เบื้องหลัง
                      มันมี กิกันทีสโครว์ ซึ่งเป็นขาหน้าที่แปรสภาพเป็นเคียวที่ยืดหดได้ตามใจชอบ
                      กับ สายรยางค์เหมือนกับตอนที่เป็นดักแด้
                      และ กระสุนเพลิงทมิฬที่ปล่อยออกมาจากวัตถุเรืองแสงที่อยู่ตรงหลัง เป็นอาวุธ
                      ถึงแม้ว่ามันจะเป็นแค่ตัวอ่อน
                      แต่มันก็สามารถยิง กระสุนเพลิงทมิฬ ออกมาโจมตีในระยะไกลได้
                      อีกทั้งยังสามารถแตกกระสุนจาก 1 นัด ให้กลายเป็นหลายนัดได้อีกด้วย
                      นอกจากนี้มันยังเคยใช้เคียวโจมตี คอสมอส จนตกอยู่ในสภาพปางตายมาแล้ว
                      แถมต่อให้เจอกับท่า พลาสม่าสปาร์คสแลช ของ เซโร่ เข้าไปก็ไม่รู้สึกสะทกสะท้าน
                      มันสามารถกำราบ คอสมอส กับ เซโร่ ลงได้อย่างง่ายดาย
                      แต่พอ ไดน่า ฟื้นคืนชีพขึ้นมาสถานการณ์ทุกอย่างจึงพลิกผัน
                      สุดท้ายมันจึงถูกท่า ไฟนอลอัลติเมทเซโร่ ทรินีตี้ ของ เซโร่ , ไดน่า , คอสมอส
                      จัดการไปในที่สุด
                      ทว่า,ทันใดนั้นเอง มนุษย์ดาวแบ็ท ก็เข้ามารวมร่างกับมันพร้อมทั้งยานอวกาศ
                      จนมันได้วิวัฒนาการกลายเป็น ไฮเปอร์เซ็ทต้อน อีมาโก้


มังกรอวกาศ HYPER Z-TON ( IMAGO )
ความสูง : 70 เมตร
น้ำหนัก : 4 หมื่นตัน
ลักษณะพิเศษ : เซ็ทต้อนร่างสุดยอดขั้นสมบูรณ์ที่ถือกำเนิดจากการรวมร่างของมนุษย์ดาวแบ็ท
                      พร้อมกับยานอวกาศของมัน แล้วลอกคราบออกมาจากร่างของกิแกนต์
                      มันถูกขนานนามให้เป็น "เทพปีศาจแห่งความหายนะ"
                      ร่างกายของมันจะยังคงดูคล้ายแมลง
                      แต่ว่าจะมีรูปร่างที่ดูสง่างามสมส่วนคล้ายกับมนุษย์มากขึ้น
                      และมี ปีก กับ หาง ที่ยืดหดได้อย่างอิสระงอกออกมาด้วย
                      ส่วน มนุษย์ดาวแบ็ท ที่เข้าไปรวมร่างอยู่ในตัวของมันก็จะอยู่ภายในวัตถุเรืองแสงตรงส่วนหัว
                      เพื่อคอยสั่งการ ไฮเปอร์เซ็ทต้อน ประดุจเหมือนกับว่าพวกมันได้รวมกายใจ
                      เป็นหนึ่งเดียวกันแล้ว
                      แม้ว่าร่างกายของมันจะมีขนาดเล็กกว่ากิแกนต์
                      แต่พลังความสามารถในการต่อสู้และเคลื่อนไหวของมันกลับเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก
                      ซึ่งนอกจากมันจะสามารถปล่อย กระสุนเพลิงทมิฬ ออกมาจากอก
                      ซึ่งมีอานุภาพร้ายกาจกว่า ร่างดักแด้ และ กิแกนต์ แล้ว
                      มันยังมีอาวุธและพลังพิเศษอื่นๆอีกมากมายที่เหนือกว่า เซ็ทต้อน รุ่นแรกอยู่หลายขุม
                      ทั้ง ไฮเปอร์เซ็ทต้อนบาเรีย ที่ใช้ป้องกันการโจมตี หรือ ไฮเปอร์เซ็ทต้อนเทเลพอร์ท
                      ที่สามารถเคลื่อนที่ในพริบตาด้วยความเร็วสูงจนเหลือแต่เพียงภาพตกค้างติดตาเท่านั้น
                      และ ไฮเปอร์เซ็ทต้อนแอบซอร์บ ซึ่งเป็นคลื่นลำแสงที่ใช้ดูดกลืนลำแสงของอุลตร้าแมน
                      แล้วเพิ่มพลังให้กับลำแสงนั้นก่อนที่จะยิงสวนกลับไป
                      แถมท่า กระสุนเพลิงทมิฬ เอง นอกจากจะมีอานุภาพที่ร้ายกาจกว่าแต่ก่อนแล้ว
                      มันยังสามารถแตกตัวออกเป็นหลายลูกและบังคับวิถีกระสุนแบบอิสระแยกจากกันได้ด้วย
                      นอกจากนั้นมันยังสามารถประยุกต์ใช้ลูกเล่นต่างๆให้เข้ากับสถานการณ์สู้รบในขณะนั้นๆ
                      ได้อย่างคล่องแคล่ว เช่น ใช้วิชาเทเลพอร์ตบุกจู่โจมคู่ต่อสู้พร้อมกันเหมือนกับวิชาแยกร่าง
                      หรือยิงกระสุนเพลิงทมิฬบวกเข้าไปกับพลังงานที่ใช้ท่าแอบซอร์บดูดกลืนมา
                      ไม่ใช่แค่สะท้อนกลับไปเฉยๆ
                      มันสามารถบินได้ด้วยความเร็วสูงสุดที่ 33 มัค โดยในขณะบินมันจะยืดหางและกางปีกออก
                      แต่ถึงแม้ว่าจะไม่ต้องกางปีกมันก็สามารถบินได้เช่นกัน
                      เมื่อจิตชั่วร้ายของมันเพิ่มมากขึ้น มันก็จะปล่อย "คอลแลพเซอร์ ออร่า" ซึ่งเป็นเพลิงสีดำทมิฬ
                      ที่จะแผดเผาทุกสิ่งทุกอย่างที่ไปสัมผัสถูกออกมาจากทั่วร่าง
                      จริงๆแล้วตอนแรกจะมีฉากที่ให้มันสร้าง สัตว์ประหลาดชีวะอาวุธ
                      ( แอนท์ล่าร์ , คิงแพนด้อน , แบล็คคิง , เวโรคร่อน , ไทแรนท์ ) ออกมา
                      โดยอาศัย สเฟียร์ ที่มันดูดกลืนเข้าไปด้วย แต่กลับถูกตัดออกไป
                      ในการต่อสู้นัดแรก มันสามารถเอาชนะ เซโร่ , ไดน่า , คอสมอส ได้อย่างสบายๆ
                      และถึงแม้ว่าทั้ง 3 คน จะรวมร่างกันจนกลายเป็น อุลตร้าแมนซาก้า แล้วก็ตาม
                      แต่มันก็ยังมีพลังที่สูสีกับ ซาก้า อยู่ดี
                      ทว่า,มันกลับถูกแผนของทีม U ที่ มนุษย์ดาวแบ็ท เคยสบประมาทเอาไว้ สกัดการเคลื่อนไหว
                      จนเปิดโอกาสให้ ซาก้า ใช้ ซาก้าคัตเตอร์ ตัดปีกของมันลงได้
                      จากนั้นมันเลยคิดที่จะบินหนี แต่กลับถูก ซาก้า กระหน่ำเตะ แล้วผลักออกไปนอกอวกาศ
                      สุดท้ายมันจึงได้ทุ่มพลังทั้งหมดปล่อย กระสุนเพลิงทมิฬ ออกมา
                      แต่ว่า ซาก้า ก็ใช้ท่า ซาก้าโพรเทคชั่น ป้องกันเอาไว้ได้
                      แล้วตามด้วยท่า ซาก้าแม็กซิมั่ม ชกอัดเข้าไปเต็มหน้า
                      จนมันต้องแหลกระเบิดเป็นจุลไปพร้อมกับ มนุษย์ดาวแบ็ท ที่อยู่ภายในตัวของมัน
                      จากนั้นผู้คนบนโลกฟิวเจอร์เอิร์ธทุกคนที่ถูก มนุษย์ดาวแบ็ท จับตัวไป
                      ก็ถูกปลดปล่อยให้เป็นอิสระดังเดิม


สัตว์ประหลาดจอมอาละวาด EARTHTRON
ความสูง : 60 เมตร
น้ำหนัก : 2 หมื่น 5 พันตัน
ลักษณะพิเศษ : สัตว์ประหลาดจอมอาละวาดที่มีผิวหนังอันแข็งแกร่งและมีโครงสร้างร่างกายอันทนทาน
                      อาวุธของมัน คือ ลำแสงแม็กม่าที่ยิงออกมาจากปาก และ เขาอันแหลมคมที่อยู่บนหัวของมัน
                      มนุษย์ดาวแบ็ทได้พาตัวมันมาจากสุสานสัตว์ประหลาด
                      เพื่อที่จะให้มันมาอาละวาดบนโลกซึ่งกลายเป็นสนามทดสอบสัตว์ประหลาดชีวะอาวุธ


สัตว์ประหลาดยุคดึกดำบรรพ์ GOMESS ( S )
ความสูง : 40 เมตร
น้ำหนัก : 4 หมื่นตัน
ลักษณะพิเศษ : หนึ่งในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่เคยมีชีวิตอยู่ในยุคดึกดำบรรพ์
                      ซึ่งมีชื่อเรียกทางวิชาการว่า "โกเมเทอุส"
                      แขนของมันได้รับการพัฒนามาเพื่อใช้ในการขุดเจาะลงไปในดิน
                      เวลาที่มันอยู่บนพื้นดิน มันจะใช้พละกำลังอันมหาศาล กับ กงเล็บอันแหลมคม
                      เป็นอาวุธในการโจมตี
                      มันเป็นสัตว์ประหลาดอีกตัวหนึ่งที่ถูก มนุษย์ดาวแบ็ท พามาจากสุสานสัตว์ประหลาด
                      เพื่อให้มาอาละวาดบนโลกที่แปรสภาพเป็นสนามทดสอบสัตว์ประหลาดชีวะอาวุธ
                      เดิมทีในวิชาสัตว์ประหลาดวิทยา โกเมส ไม่ได้จัดอยู่ในจำพวกสัตว์ประหลาด
                      สายพันธุ์ขนาดใหญ่ แต่ทว่า โกเมส ที่พบในคราวนี้เป็นสายพันธุ์ที่มีขนาดใหญ่
                      กว่า โกเมส สายพันธุ์ก่อนๆที่เคยปรากฎ มันจึงถูกเรียกว่า โกเมส ( S )


สัตว์ประหลาดใต้ทะเลลึก GUBILA
ความสูง : 50 เมตร
น้ำหนัก : 3 หมื่น 5 พันตัน
ลักษณะพิเศษ : สัตว์ประหลาดใต้ทะเลลึกที่ใช้สว่านตรงส่วนหัวในการมุดลงไปในดิน
                      และสามารถใช้ครีบขนาดใหญ่ในการแหวกว่ายไปในมหาสมุทรด้วยความเร็วสูงได้อีกด้วย
                      แถมมันยังมีความกระฉับกระเฉงว่องไวแม้จะอยู่บนพื้นดินก็ตาม
                      มันสามารถใช้สว่านตรงส่วนหัวที่หมุนด้วยความเร็วสูง
                      ในการเจาะทุกสิ่งทุกอย่างให้ทะลุเป็นรูพรุนได้อย่างง่ายดาย
                      มันได้ถูก มนุษย์ดาวแบ็ท พาตัวมาจากสุสานสัตว์ประหลาด
                      ให้มาปรากฎตัวบนโลกที่กลายเป็นสนามทดสอบสัตว์ประหลาดชีวะอาวุธ


ตัวละครสำคัญ

ไทกะ โนโซมุ ( ผู้รับบท : DAIGO )

   เจ้าหน้าที่น้องใหม่ของทีม SUPER GUTS ประจำดาวอังคาร
   เขาเป็นชายหนุ่มจอมทะเล้นที่ชอบพูดจาแบบทีเล่นทีจริงและมักมีคำพูดติดปากว่า "ฟีนิช !"
   แต่อีกมุมหนึ่งก็มีนิสัยแบบเด็กๆที่ไม่ชอบแครอท
   แถมยังชอบใส่ชุดเครื่องแบบของเจ้าหน้าที่ SUPER GUTS ไม่ถูกระเบียบ
   โดยไม่ยอมรูดซิปเสื้อด้านหน้าให้เรียบร้อย
   มิโดริคาวะ ไม เป็นผู้ค้นพบพรสวรรค์ในการบังคับเครื่องบินรบชั้นยอดของเขา
   เขาจึงได้เข้ามาประจำอยู่ในหน่วย SUPER GUTS MARS
   แม้ผิวเผินจะเห็นว่าเขาเป็นคนขี้เล่น แต่เขาก็เป็นคนที่รักความยุติธรรมอย่างแรงกล้า
   เพื่อที่จะปกป้องผู้คนแล้วเขาไม่เคยรู้สึกรักตัวกลัวตาย
   อุลตร้าแมนเซโร่ ที่รู้สึกประทับใจในความกล้าหาญของเขาจึงได้ตัดสินใจรวมร่างเป็นหนึ่งเดียวกับเขา
   และด้วยผลจากการรวมร่างนี้เองจึงทำให้ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ต้องแปลงร่าง
   แต่เขาก็สามารถแสดงพลังเหนือมนุษย์ออกมาได้ในระดับหนึ่ง
   เขามีบาดแผลทางใจในสมัยที่เขายังเป็นเด็ก
   เนื่องจาก อุลตร้าแมนไดน่า ไม่ปรากฎตัวออกมาช่วยพ่อแม่ของเขาจากการถูกสัตว์ประหลาดบุกโจมตี
   ดังนั้นเขาจึงไม่ยอมรับในตัวของ อุลตร้าแมน และปฏิเสธที่จะแปลงร่างเป็น เซโร่ แบบหัวเด็ดตีนขาด
   ด้วยความรู้สึกที่ไม่อยากจะพึ่งพากำลังของอุลตร้าแมน
   แต่เมื่อได้รู้ความจริงของทีม U เขาจึงตัดสินใจที่จะแปลงร่างเป็นอุลตร้าแมน
   และหลังจากที่การต่อสู้จบลงเขาจึงแยกร่างกับ เซโร่ และเลือกที่จะใช้ชีวิตอยู่ในฟิวเจอร์เอิร์ธ
   โดยที่ไม่ยอมกลับไปยังโลกของตน


อาสึกะ ชิน ( ผู้รับบท : ซึรุโนะ ทาเคชิ )

   เขาคือเจ้าหน้าที่หน่วย SUPER GUTS ที่แปลงร่างเป็น อุลตร้าแมนไดน่า ต่อสู้กับเหล่าสัตว์ประหลาด
   อยู่ในมิติ นีโอฟรอนเทียร์สเปซ เมื่อครั้งอดีต และถือเป็นตัวแสดงนำหลักตัวจริงของเรื่องนี้
   แม้ในปัจจุบันนี้เขาก็ยังคงใส่เครื่องแบบของเจ้าหน้าที่ SUPER GUTS อยู่เหมือนเดิม
   หลังจากที่เขาหายเข้าไปในเวิร์มโฮล ภายหลังจากศึกตัดสินครั้งสุดท้ายกับ แกรนสเฟียร์
   ในตอนสุดท้ายของซีรีส์ "ไดน่า" เขาก็ได้บินท่องไปในอวกาศต่างๆมากมาย
   จนได้เดินทางมาถึงฟิวเจอร์เอิร์ธ
   ในโลกของ "ฟิวเจอร์เอิร์ธ" เขาถือว่าเป็นอุลตร้าแมนคนแรกที่ปรากฎตัวออกมา
   เพื่อปกป้องทีม U กับพวกเด็กๆ จนได้รับการให้ความเคารพและความเชื่อมั่น
   อีกทั้งยังเป็นที่พึ่งพิงทางใจให้แก่พวกเขา แต่อยู่ๆเขาก็หายตัวไปอย่างกะทันหัน
   สำหรับในโลกของ "นีโอฟรอนเทียร์สเปซ" เขาเป็นวีรบรุษในตำนาน
   ที่มีเรื่องราวของเขาลงอยู่ในตำราเรียนวิชาประวัติศาสตร์ด้วย
   และผู้คนต่างพากันยกย่องเชิดชูเขา โดยกำหนดให้วันที่เขาสามารถช่วยระบบสุริยะเอาไว้ได้
   และหายตัวไปเป็น "วันรำลึกถึงอาสึกะ" ซึ่งได้มีการจัดงานมาแล้วเป็นปีที่ 15
   นิสัยของเขาในตอนนี้จะแตกต่างไปจากสมัยก่อนที่เคยเป็นเด็กหนุ่มเลือดร้อนและมุทะลุวู่วาม
   ในส่วนของความใจร้อนนั้นอาจจะยังคงเดิม แต่ว่าเขาจะดูสุขุมเป็นผู้ใหญ่ขึ้น
   ซึ่งนี่เป็นการแสดงให้เห็นถึงความเติบโตของ อาสึกะ ที่ผ่านการเดินทางในห้วงอวกาศมาหลายร้อยปี


ฮารุโนะ มุซาชิ ( ผู้รับบท : ซึงิอุระ ไทโย )

   อดีตสมาชิก TEAM EYES ที่เคยรวมร่างและต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับ อุลตร้าแมนคอสมอส
   ในคอสโม่สเปซ
   ในโลกของ "คอสโม่สเปซ" เขาดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้าทีมบุกเบิกดาวเคราะห์จูรัน
   เพื่อทำให้ความฝันในการย้ายถิ่นฐานพวกสัตว์ประหลาดที่ได้รับการคุ้มครองของเขานั้นเป็นความจริง
   และสามารถที่จะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติ
   เขาได้แต่งงานกับ เจ้าหน้าที่ อายาโนะ และมีลูกชายด้วยกัน 1 คนชื่อ โซระ
   แม้ว่าในเรื่องจะไม่ได้มีการกล่าวถึงอย่างชัดเจน
   แต่ว่าการที่ มุซาชิ ได้กลับมารวมร่างกับ คอสมอส อีกครั้ง และเดินทางมาที่ฟิวเจอร์เอิร์ธได้นั้น
   นั่นก็เพราะการปรากฎตัวของยานบินขนาดใหญ่ของ มนุษย์ดาวแบ็ท บนดาวเคราะห์จูรันนั่นเอง
   หลังจากเสร็จสิ้นการต่อสู้แล้ว เขาจึงแยกทางกับ ไทกะ และ อาสึกะ เพื่อกลับสู่โลกของเขา


ตัวละครที่ปรากฎในฟิวเจอร์เอิร์ธ

ทีม U

   ทีมป้องกันซึ่งมีแต่สมาชิกเป็นผู้หญิงจากหน่วยพิทักษ์โลก ( EDF = Earth Defense Force ) ที่กลายเป็น "ปราการด่านสุดท้าย" ในการปกป้องพวกเด็กๆบนโลกที่กำลังถูก มนุษย์ดาวแบ็ท เข้ารุกราน ที่จริงแล้วพวกเธอเป็นประชาชนทั่วไปที่ไม่ถนัดในด้านการสู้รบซึ่งหลบหนีเอาตัวรอดจากการทำลายล้างมาได้ แต่ว่าบังเอิญไปเจอกับพวกเด็กๆที่หลบหนีเข้ามาใน "โรงงานอุตสาหกรรมยามาดะ" ซึ่งเป็นสถานที่ที่พวกเธอหลบซ่อนตัวอยู่ก่อนแล้ว พวกเด็กๆจึงเข้าใจผิดคิดว่าพวกเธอเป็นหน่วยพิทักษ์โลก อันนะ จึงได้โกหกกับพวกเด็กๆไปและสวมรอยก่อตั้งทีม U ขึ้นมา

สมาชิกหน่วย

อันนะ ( โอซากิ อันนะ ) ( ผู้รับบท : อาคิโมโตะ ซายากะ )

   หัวหน้าทีม U อายุ 22 ปี เธอมีน้องสาวชื่อ รีสะ ซึ่งทำหน้าที่เป็นพยาบาลให้กับทีม
   ในอดีตเธอเคยอยู่ในแก๊งซิ่งมอเตอร์ไซค์มาก่อน
   เธอมีทักษะในการเคลื่อนไหวที่คล่องแคล่ว จึงรับหน้าที่อยู่ในหน่วยต่อสู้ร่วมกับ ซาวะ และ มิซาโตะ
   ด้วยความที่เธอเปรียบเสมือนกับเป็นพี่ใหญ่ในทีม เธอจึงเป็นที่พึ่งของทุกคน
   แต่ว่าเธอกับ ซาวะ จะมีสายสัมพันธ์ที่เหนียวแน่นกว่าคนอื่นๆเป็นพิเศษ
   นอกจากนี้เธอยังมีนิสัยที่กล้าหาญซึ่งไม่หวั่นกลัวแม้จะต้องเผชิญกับสัตว์ประหลาดที่อยู่เบื้องหน้า
   ในเรื่องเทคนิคการบังคับยาน U โหลดเดอร์ แล้ว เธอถือเป็นที่หนึ่งในทีม


มิซาโตะ ( โฮโจ มิซาโตะ ) ( ผู้รับบท : อุเมดะ อายากะ )

   รองหัวหน้าทีม U อายุ 22 ปี ที่ชอบใส่หมวกเปเล่อยู่เป็นประจำ
   เธอเป็นสมาชิกทีม U เพียงคนเดียวที่มีส่วนเกี่ยวของกับหน่วยพิทักษ์โลก ( เป็นเจ้าหน้าที่สำรอง )
   และจะรับหน้าที่เปรียบเสมือนกับเสนาธิการรบให้กับทีม
   โดยเธอจะใช้ความรู้ในการสู้รบซึ่งถือเป็นคนที่รู้เรื่องนี้ดีที่สุดในทีม
   มาช่วยให้เป็นประโยชน์ต่อการรบอยู่บ่อยครั้ง
   เธอเป็นคนที่มีความสุขุมรอบคอบจึงดูมีบุคลิกที่ออกจะนิ่งๆ
   แต่ในมุมกลับกันเธอก็เป็นคนที่รักพวกเด็กๆเป็นอย่างมาก


ซาวะ ( ทาคายามะ ซาวาโกะ ) ( ผู้รับบท : มิยาซาวะ ซาเอะ )

   สมาชิกกลุ่มต่อสู้ของทีม U อายุ 20 ปี ผู้เกลียดความพ่ายแพ้และมีนิสัยลุยๆห้าวๆเหมือนพวกผู้ชาย
   เพราะความที่ชอบบุกตะลุยออกไปเป็นแนวหน้าในเวลาที่มีการสู้รบทุกครั้ง
   เธอจึงตั้งฉายาให้ตัวเองว่าเป็น "หัวหน้ากลุ่มจู่โจมพิเศษ"
   ด้วยการกระทำอันห้าวหาญของเธอที่ไม่หวั่นเกรงต่ออันตราย
   จึงช่วยให้แผนการรบประสบผลสำเร็จมานักต่อนัก
   เธอมักจะใส่เสื้อแจ็คเก็ตสีแดงซึ่งคาดว่าน่าจะเคยใส่เมื่อสมัยที่เธออยู่ในแก๊งซิ่ง
   ทับบนชุดเจ้าหน้าที่อีกทีหนึ่ง และจะคาดผ้าโพกหัวสีม่วงอยู่เป็นประจำ
   เธอสนิทกับ อันนะ มานานตั้งแต่สมัยที่เธอเป็นนักเรียนและอยู่ในแก๊งซิ่งเดียวกัน
   เธอจึงเป็นคนที่รู้ใจ อันนะ เป็นอย่างดี และมักจะเรียกเธอด้วยความเคารพว่า "ลูกพี่"


นอนโกะ ( อาคาโบชิ โนโนโกะ ) ( ผู้รับบท : มาสึดะ ยุกะ )

   เจ้าหน้าที่หน่วยซ่อมบำรุงประจำทีม U อายุ 19 ปี ผู้รับหน้าที่ในการซ่อมแซมอุปกรณ์ทุกชนิด
   เธอเป็นช่างซ่อมบำรุงที่เติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่มีแต่เครื่องจักรรายล้อม
   เพราะที่บ้านของเธอเปิดร้านรับซ่อมนั่นเอง
   เธอมีเอกลักษณ์อยู่ที่การพูดด้วยสำเนียงคันไซ และมีนิสัยที่สดใสร่าเริงเป็นคนมองโลกในแง่บวก
   เธอเป็นทั้งเพื่อนและคู่หูของ มาโอมิ ที่อยู่หน่วยซ่อมบำรุงเดียวกัน
   มาตั้งแต่สมัยที่เรียนมัธยมปลายทางสายช่างมาด้วยกัน
   ถึงแม้ว่าเธอจะหัวเสียกับ ซาวะ ที่ชอบทำยาน U โหลดเดอร์ พังเป็นประจำ แต่ทั้งคู่ก็ไว้ใจกันและกัน

รีสะ ( โอซากิ ริสะ ) ( ผู้รับบท : ซาโต้ สึมิเระ )

   น้องสาวของ อันนะ ที่ทำหน้าที่เป็นพยาบาลประจำทีม U อายุ 18 ปี
   เธอเป็นคนที่จริงจังและเงียบขรึม แถมยังเป็นพวกขี้วิตกกังวล
   ผิดกับพี่สาวของเธอที่เป็นคนใจเด็ดและออกแนวลุยๆ
   แต่เมื่อถึงเวลาคับขันเธอก็ไม่หวั่นกลัวต่ออันตรายและไม่คิดที่จะยอมแพ้ต่ออะไรง่ายๆเช่นกัน
   เธอเป็นคนที่คอยปกป้องดูแลพวกเด็กๆด้วยความอบอุ่นและอ่อนโยน
   โดยอาศัยประสบการณ์จากโรงเรียนพยาบาล โดยตัวเธอเองมีเป้าหมายที่จะเป็นนางพยาบาลในอนาคต
   เธอให้ความเคารพในตัวของ อาสึกะ ที่เคยช่วยเหลือพวกเธอเอาไว้
   เหมือนกับที่พวกเด็กๆให้ความเคารพนับถือเขาเช่นกัน
   ดังนั้นเธอจึงมักจะร้องเพลง "คิมิดาเคะ โอะ มาโมริไต้" ( เธอเพียงคนเดียวที่ฉันต้องการจะปกป้อง )
   ที่เขาเคยร้องให้ฟังเป็นประจำ
   แม้ว่าเธอจะไม่ได้เข้าร่วมในการต่อสู้เหมือนกับฮินะ แต่เธอไม่ได้เป็นโรคกลัวความสูงเหมือนกับฮินะ
   เธอจึงสามารถนั่งยาน U โหลดเดอร์ ได้


มาโอมิ ( โอสึมิ มาโอมิ ) ( ผู้รับบท : โคบายาชิ คานะ )

   เจ้าหน้าที่หน่วยซ่อมบำรุงของทีม U อายุ 19 ปี ที่มีเอกลักษณ์อยู่ที่แว่นตา
   เธอเป็นผู้รับผิดชอบในการซ่อมบำรุงอุปกรณ์ทุกชนิดร่วมกับ นอนโกะ
   แต่สำหรับเจ้าตัวแล้วเธอจะบอกว่าหน้าที่ของเธอคือการออกแบบ
   ก่อนที่จะมารวมตัวกันเป็นทีม U เธอเคยเป็นสาว OL ซึ่งมีนิสัยที่ออกจะมองโลกในแง่ร้ายไปสักนิด
   เธอเกิดมาในครอบครัวที่ค่อนข้างจะมีฐานะเพราะทำธุรกิจเกี่ยวกับเนอสเซอรี่


ฮินะ ( ฮามามัตสึ ฮินะ ) ( ผู้รับบท : ชิมาดะ ฮารุกะ )

   เจ้าหน้าที่ติดต่อสื่อสารของทีม U อายุ 18 ปี
   เธอได้เข้าร่วมกับทีม U โดยปรารถนาที่จะให้พวกเด็กๆได้พบกับพ่อแม่ผู้ปกครองของเขาในสักวันหนึ่ง
   ดังนั้นเธอจึงเฝ้าติดต่อหาผู้คนที่เหลือรอดชีวิตมาโดยตลอด
   เนื่องจากเธอเป็นโรคกลัวความสูงจึงไม่สามารถขึ้นไปนั่งบนยาน U โหลดเดอร์ ได้
   ส่วนใหญ่เธอจึงมักจะทำงานอยู่ภายในเบสแคมป์


พวกเด็กๆที่ยังมีชีวิตเหลือรอดอยู่บนโลก

   พวกเด็กๆส่วนน้อยที่ยังมีชีวิตรอดอยู่บนโลกที่แทบจะไม่มีมนุษย์หลงเหลืออยู่ พวกเขาได้แต่งตั้งตำแหน่งให้ตัวเองว่าเป็น "สมาชิกที่อยู่ใต้สังกัดของทีม U" และจะคอยช่วยเหลือสมาชิกทีม U อยู่เป็นประจำ


ทาเครุ ( ผู้รับบท : ทาคามูระ เรียวมะ )

   เด็กชาย อายุ 9 ขวบ ที่เข้าไปพัวพันในการต่อสู้ระหว่าง อุลตร้าแมนเซโร่ กับ ยานบิน
   ในระหว่างที่เขากำลังปั่นจักรยานออกมาข้างนอก
   จากเหตุการณ์หนึ่งจึงทำให้เขาไม่สามารถที่จะพูดจาได้
   สมาชิกในทีม U เลยไม่มีใครทราบว่าสาเหตุที่เขาต้องการจะออกไปนอกแคมป์นั้นเพื่ออะไร
   แต่แท้ที่จริงแล้วเขาออกมานอกแคมป์ก็เพื่อต้องการที่จะตามหาของที่สำคัญที่สุด
   สำหรับ อุลตร้าแมนไดน่า นั่นเอง


เค็น ( ผู้รับบท : อันโด้ เค็นโกะ )

   เด็กชาย อายุ 6 ขวบ ที่พลัดหลงกับเพื่อนคนอื่นๆอยู่เพียงลำพัง
   ในขณะที่ทีม U ถูกกระสุนเพลิงทมิฬของ ไฮเปอร์เซ็ทต้อน โจมตี
   แต่ ไทกะ ก็เข้ามาช่วยปกป้องเขาเอาไว้ เมื่อไทกะเห็น เค็น ที่กำลังร้องไห้ด้วยความหวาดกลัว
   เขาจึงนึกถึงความทรงจำในอดีตอันแสนขมขื่นของเขา



ตัวละครที่ปรากฎในนีโอฟรอนเทียร์สเปซ

SUPER GUTS

   ทีมสืบสวนพิเศษที่ ไทกะ โนโซมุ สังกัดอยู่ในปัจจุบัน และเป็นทีมที่ อาสึกะ ชิน เคยสังกัดอยู่ในอดีต ซึ่งเป็นหน่วยพิทักษ์ที่อยู่ในมิติของ "นีโอฟรอนเทียร์สเปซ" ปัจจุบันทีม SUPER GUTS นี้ไม่ได้มีอยู่แค่เฉพาะบนโลกเท่านั้น แต่ยังมีสาขาอยู่ที่ดาวอังคารอีกด้วย โดยบรรดาสมาชิกในทีมที่เคยต่อสู้ร่วมกันกับ อาสึกะ เมื่อในอดีต ก็ย้ายมาสังกัดเป็นกองทัพแนวหน้าอยู่บนดาวอังคารและเรียกชื่อทีมใหม่ว่า "SUPER GUTS MARS"


สมาชิกหน่วย

ยูมิมูระ เรียว ( ผู้รับบท : ไซโต้ ริสะ )

   กัปตันทีม SUPER GUTS ซึ่งในอดีตเธอเคยเป็นเจ้าหน้าที่ที่ต่อสู้กับเหล่าสัตว์ประหลาดร่วมกับอาสึกะ
   ถึงแม้ว่าเธอจะต้องคอยรับมือกับ ไทกะ ที่เป็นเด็กใหม่จอมทะเล้น
   แต่เธอก็รู้สึกว่าเขามีเค้าโครงเหมือนกับ อาสึกะ เมื่อสมัยก่อน
   และสัมผัสถึงความเป็นไปได้ว่าเขาจะต้องมีโชคชะตาคล้ายกับอาสึกะ


คาริยะ โคเฮย์ ( ผู้รับบท : คาเซะ ทาคาโอะ )

   รองหัวหน้าทีม SUPER GUTS ซึ่งเคยเป็นเจ้าหน้าที่เช่นเดียวกับ เรียว มาก่อน
   เขาเป็นผู้ชำนาญการในด้านโบราณคดี และมีนิสัยที่สุขุมรอบคอบ
   ดูเหมือนว่าเขาจะยังใช้แก้วกาแฟถ้วยโปรดของ TPC ที่เคยใช้ในสมัยที่เขายังเป็นเจ้าหน้าที่อยู่เหมือนเดิม


นาคาจิมะ สึโตมุ ( ผู้รับบท : โอโนเดระ โจ )

   หัวหน้าหน่วยวิทยาศาสตร์ของทีม SUPER GUTS ซึ่งเคยเป็นลูกทีมเหมือนกับ เรียว และ คาริยะ มาก่อน
   เขาได้ทำการศึกษาค้นคว้าสิ่งต่างๆมากมายใฐานะของ "นักวิทยาศาสตร์ที่ผู้คนยอมรับ"
   เหมือนอย่างที่ อาสึกะ เคยบอกกับเขาไว้ในภาคทีวีซีรีส์ตอนสุดท้าย
   ซึ่งปัจจุบันเขาก็กำลังพัฒนายานนีโอแม็กซิม่ารุ่นใหม่ที่สามารถเดินทางข้ามห้วงมิติกาลเวลาได้อยู่
   ราวกับว่าต้องการจะตามหาตัว อาสึกะ ที่หายตัวไปในความมืด


สมาพันธ์สันติภาพโลก TPC

   องค์กรหน่วยเหนือของทีม SUPER GUTS ที่ก่อตั้งขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์ในการธำรงรักษาสภาพแวดล้อมของโลกให้น่าอยู่ิควบคู่ไปกับการพัฒนาอวกาศ แม้ว่า มิโดริคาวะ ไม จะไม่ได้ปรากฎตัวในเรื่อง แต่ปัจจุบันเธอรับหน้าที่เป็นครูฝึกในศูนย์ฝึก ZERO ซึ่งสังกัดอยู่ในองค์กร TPC


สมาชิกหน่วย

ฮิบิคิ โกสุเกะ ( ผู้รับบท : คิโนโมโตะ เรียว )

   ผู้บัญชาการสูงสุดแห่ง TPC อดีตกัปตันทีม SUPER GUTS ซึ่งเป็นคนใจกว้างและไม่ยึดอคติ
   ในสมัยที่เขายังเป็นกัปตันทีม แม้ว่าเขาจะเข้มงวดกับสมาชิกในทีม SUPER GUTS
   ทั้ง อาสึกะ , โคดะ , เรียว , คาริยะ , นาคาจิมะ และ ไม
   แต่ในขณะเดียวกันเขาก็คอยอบรมสั่งสอนและดูแลลูกทีมทุกคนอย่างอบอุ่น
   ซึ่งแม้ในปัจจุบันนี้เขาก็ยังคงดูแลเหล่าสมาชิกในทีม SUPER GUTS อย่างอบอุ่น
   ในฐานะของผู้บัญชาการสูงสุดแห่ง TPC อยู่เช่นเคย
   แถมเขายังเป็นผู้จัดงานเฉลิมฉลอง "วันรำลึกถึงอาสึกะ" ในวันที่ อาสึกะ วีรบรุษแห่งตำนาน
   หายตัวไปในความมืดด้วยตนเองอีกด้วย
   ซึ่งในเรื่องนี้ได้มีการจัดงาน "วันรำลึกถึงอาสึกะ" ครบรอบปีที่ 15 พอดี


โคดะ โทชิยูกิ ( ผู้รับบท : ฟุคาวะ โทชิคาซึ )

   เสนาธิการฝ่ายพัฒนาอวกาศของ TPC ซึ่งเคยเป็นอดีตรองกัปตันทีม SUPER GUTS
   ในช่วงแรกของซีรีส์ "ไดน่า" เขาเป็นแค่หนึ่งในลูกทีมคนนึง
   แต่พอถึงช่วงกลางๆเรื่องเขาก็ได้ถูกเลื่อนตำแหน่งให้เป็นรองกัปตัน
   เขาเป็นคนที่ใจร้อนเอาการถึงขนาดที่บางครั้ง อาสึกะ เองก็ยังบอกว่าการกระทำของเขานั้นเสี่ยงเกินไป
   และในปัจจุบันนี้แม้ว่าเขาจะดำรงตำแหน่งเป็นเสนาธิการฝ่ายพัฒนาอวกาศ
   ซึ่งมีหน้าที่ในการควบคุมดูแลระบบสุริยะทั้งหมดแล้วก็ตาม
   แต่นิสัยของเขาก็ยังคงไม่เปลี่ยนไปจากแต่ก่อน


ตัวละครที่ปรากฎในคอสโม่สเปซ

ฮารุโนะ อายาโนะ ( ผู้รับบท : ซูซูกิ มายูกะ )

   อดีตเจ้าหน้าที่ TEAM EYES นามสกุลเดิมของเธอ คือ โมริโมโตะ
   ปัจจุบันเธอได้แต่งงานกับ มุซาชิ และย้ายไปอาศัยอยู่บนดาวเคราะห์จูรันพร้อมกันกับเขา

ฮารุโนะ โซระ ( ผู้รับบท : ฮาชิสึเมะ ริว )

   ลูกชายของ มุซาชิ กับ อายาโนะ



ตัวละครที่ปรากฎในอาณาจักรแห่งแสง

ฮายาตะ ชิน ( ผู้รับบท : คุโรเบะ ซึซึมุ )

   ร่างมนุษย์ที่ อุลตร้าแมน ใช้ในเวลาที่จะเปลี่ยนร่างกลับมา
   โดยเขาได้นำต้นแบบมาจาก ฮายาตะ เจ้าหน้าที่จากทีมสืบสวนพิเศษทางวิทยาศาสตร์
   ซึ่งเป็นชาวโลกที่ อุลตร้าแมน เคยช่วยชีวิตของเขาเอาไว้ด้วยการรวมร่างเมื่อในอดีต


โมโรโบชิ แดน ( ผู้รับบท : โมริซึงุ โคจิ )

   ร่างมนุษย์ที่ อุลตร้าเซเว่น ใช้ในเวลาที่จะเปลี่ยนร่างกลับมา
   โดยนำต้นแบบมาจาก ซัทสึมะ จิโร่ ชาวโลกผู้กล้าหาญ
   อุลตร้าเซเว่น ได้อาศัยร่างนี้ในการปฏิบัติหน้าที่กอบกู้โลก
   ในฐานะของสมาชิกหน่วยพิทักษ์อุลตร้ามาแล้ว


โก ฮิเดกิ ( ผู้รับบท : แดน จิโร่ )

   ชาวโลกที่รวมร่างเป็นหนึ่งเดียวกับ อุลตร้าแมนแจ็ค
   ซึ่งเคยปฏิบัติหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่ของทีม MAT อยู่บนโลกเมื่อในอดีต


โฮคุโตะ เซย์จิ ( ผู้รับบท : ทาคามิเนะ เคย์จิ )

   ชาวโลกที่รวมร่างเป็นหนึ่งเดียวกับ อุลตร้าแมนเอส
   ซึ่งเคยปฏิบัติหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่ของทีม TAC อยู่บนโลกเมื่อในอดีต


โอโทริ เก็น ( ผู้รับบท : มานัทสึ ริว )

   ร่างมนุษย์ที่ อุลตร้าแมนเลโอ ใช้ในเวลาที่จะเปลี่ยนร่างกลับมา
   เขาเคยปฏิบัติหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่ของทีม MAC
   พร้อมกับได้รับการสั่งสอนอย่างเข้มงวดจาก โมโรโบชิ แดน ขณะที่อยู่บนโลก
   ทั้งคู่จึงมีความสัมพันธ์ฉันท์ศิษย์กับอาจารย์




***********************************************************************************

อุลตร้าเซโร่ไฟท์


   เรื่องราวตอนต่อของ อุลตร้าแมนเซโร่ ภายหลังจากเหตุการณ์ในภาพยนตร์ "อุลตร้าแมนซาก้า" ซึ่งเป็นตอนใหม่ที่ฉายใน "อุลตร้าแมนเร็ตสึเด็น ( รวมชีวประวัติอุลตร้าแมน )" ตั้งแต่ตอนที่ 57 เป็นต้นไป โดยเริ่มแพร่ภาพตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. 2012 และมีระยะเวลาฉายเพียงแค่ 3 นาที ต่อ 1 ตอนเท่านั้น โดยในปัจจุบันจะแบ่งออกเป็น 2 ภาค คือ ภาค 1 "พลังใหม่" ที่เริ่มฉายตั้งแต่เดือน ส.ค.~ก.ย. 2012 เป็นจำนวนรวมทั้งสิ้น 8 ตอน ( ตอนที่ 57~64 ) และภาค 2 "เซโร่ส่องประกาย" ซึ่งฉายมาตั้งแต่เดือน ธ.ค. 2012 จนถึงปัจจุบัน ( กำหนดการว่าจะมีทั้งหมด 15 ตอน ) โดยในเรื่องนี้เราจะได้เห็น อุลตร้าแมนเซโร่ เปลี่ยนโหมดใหม่อีก 3 ร่าง เป็นครั้งแรก
   เราสามารถติดตามดูหนังสั้นเรื่องนี้ผ่านทาง Youtube ได้ทุกตอนหลังจากที่มีการแพร่ภาพที่ญี่ปุ่นเป็นระยะเวลา 1 สัปดาห์

ภาคที่ 1 "พลังใหม่"

   ภายหลังจากที่ อุลตร้าแมนเซโร่ , อุลตร้าแมนไดน่า และ อุลตร้าแมนคอสมอส ได้นำสันติสุขกลับคืนมาสู่ฟิวเจอร์เอิร์ธแล้ว เขาก็ได้เดินทางไปที่สุสานสัตว์ประหลาด พร้อมกับกำลังครุ่นคิดถึงพลังใหม่ที่ได้รับมาจาก ไดน่า และ คอสมอส ในตอนนั้น แล้วจู่ๆ มนุษย์ดาวแบ็ท กราเซียร์ ซึ่งเป็นพวกเดียวกับ มนุษย์ดาวแบ็ท ที่ถูกพวกเซโร่กำจัดไปเมื่อก่อนหน้านี้ ก็ได้ปลุกเหล่าสัตว์ประหลาดจำนวนมากให้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาจากสุสานสัตว์ประหลาดเพื่อหมายจะกำจัดเซโร่

ตัวละครหลักที่ปรากฎในซีรีส์ Ultra Zero Fight Part 1

ULTRAMAN ZERO
ความสูง : 49 เมตร
น้ำหนัก : 3 หมื่น 5 พันตัน
ลักษณะพิเศษ : หลังจาก อุลตร้าแมนเซโร่ ได้ผ่านการต่อสู้ต่างๆมามากมาย
                          ในห้วงอวกาศอันหลากหลาย
                          และได้ร่วมแรงร่วมใจเป็นหนึ่งเดียวกับ อุลตร้าแมนไดน่า และ อุลตร้าแมนคอสมอส
                          จนเกิดการกลายร่างเป็น อุลตร้าแมนซาก้า ได้อย่างปาฎิหาริย์
                          และสามารถเอาชนะในการต่อสู้กับ มนุษย์ดาวแบ็ท บนโลกได้แล้ว
                          เขาก็ได้รับพลังใหม่จาก ไดน่า และ คอสมอส มาในช่วงเวลานั้น
                          จนทำให้มีพลังเพิ่มมากขึ้นไปอีกขั้น

 


STRONG COLONA ZERO
ความสูง : 49 เมตร
น้ำหนัก : 3 หมื่น 5 พันตัน
ลักษณะพิเศษ : ร่างสีแดงโฉมใหม่ของเซโร่ซึ่งจะดึงเอาพลังความสามารถ
                          ของ อุลตร้าแมนไดน่า สตรองไทป์
                          และ อุลตร้าแมนคอสมอส โคโลน่าโหมด ออกมาจนถึงขีดสุดเพื่อใช้ในการต่อสู้
                          เมื่อเปลี่ยนร่างเป็น สตรองโคโลน่าเซโร่ แล้ว
                          ทั้งพละกำลังและพลังโจมตีของเซโร่จะเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ
                          โดยจะมีท่า กัลเนทบัสเตอร์ ซึ่งเป็นท่าไม้ตายที่ยิงออกมาจากหมัดขวา
                          เป็นอาวุธในการพิฆาตศัตรูด้วยกระสุนพลังงานความร้อนสูงเพียงนัดเดียว



LUNA MIRACLE ZERO

ความสูง : 49 เมตร
น้ำหนัก : 3 หมื่น 5 พันตัน
ลักษณะพิเศษ : ร่างสีน้ำเงินโฉมใหม่ของเซโร่ซึ่งจะดึงเอาพลังความสามารถของ อุลตร้าแมนคอสมอส

                          ลูน่าโหมด และ อุลตร้าแมนไดน่า มิราเคิลไทป์ ออกมาจนถึงขีดสุดเพื่อใช้ในการต่อสู้
                          เมื่อเปลี่ยนร่างเป็น ลูน่ามิราเคิลเซโร่ แล้ว
                          เซโร่ก็จะสามารถเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงและใช้พลังจิตได้
                          โดยจะมีท่า มิราเคิลเซโร่สลักเกอร์ ซึ่งเป็นท่าไม้ตายที่ปล่อยออกมาจากเซโร่สลักเกอร์
                          เป็นอาวุธในการฟันศัตรูให้แหลกเป็นเสี่ยงๆด้วยดาบแสงจำนวนนับไม่ถ้วนจากทั่วทุกสารทิศ



ULTIMATE ZERO
ความสูง : 49 เมตร
น้ำหนัก : 5 หมื่น 5 พันตัน
ลักษณะพิเศษ : ร่างที่เซโร่สวมใส่ "อัลติเมทอีจีส" เกราะสีเงินที่ส่องประกายแสงอันเจิดจรัส

                          ซึ่งมีแต่ผู้ที่ถูกเลือกเท่านั้นจึงจะได้มันมาไว้ในครอบครอง
                          เมื่ออยู่ในร่างนี้ทั้งพลังโจมตีและพลังป้องกันของเซโร่ก็จะมีพลังเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล
                     โดยจะมี "อัลติเมทเซโร่ซอร์ด" ดาบที่ติดอยู่ตรงแขนขวาเป็นอาวุธ
                     ในการพิชิตศัตรูสุดแกร่งด้วยเพลงดาบอันทรงอานุภาพ
                     เมื่อแสงสว่างที่อยู่ภายในจิตใจของเหล่านักรบจำนวนมาก
                     อย่างพวกเพื่อนๆในทีมอัลติเมทฟอร์ซไหลมารวมกันอยู่ที่ "โล่แห่งบาลาจ"
                     ในตำนานที่ถูกเล่าขานสืบต่อกันมาบนดาวเคราะห์อานูร์
                     จึงทำให้ "โล่แห่งบาลาจ" เกิดการเปลี่ยนรูปร่างจนกลายมาเป็นเกราะแห่งแสงชุดนี้
                     ในระหว่างที่เซโร่กำลังเปิดศึกกับกองทัพเบเรียล


ULTRAMAN DYNA
ความสูง : 55 เมตร
น้ำหนัก : 4 หมื่น 5 พันตัน
ลักษณะพิเศษ : ในภาค "อุลตร้าแมนซาก้า" เขาคือผู้ที่เผชิญหน้ากับ มนุษย์ดาวแบ็ท 
ผู้วางแผนรุกราน
                          โดยพยายามจะทำให้ชาวโลกทุกคนหายไป เป็นคนแรก
                          และได้พ่ายแพ้จนต้องสูญเสียแสงสว่างไปครั้งหนึ่ง
                          แต่หลังจากนั้นเขาก็ได้รับเอาความรู้สึกที่ไม่ยอมถอดใจของชาวโลกมา
                          จนทำให้ได้แสงสว่างกลับคืนมาอีกครั้ง และได้รวมใจเป็นหนึ่งเดียวกับ เซโร่ และ คอสมอส
                          จนสามารถกลายร่างเป็น อุลตร้าแมนซาก้า แล้วเอาชนะ มนุษย์ดาวแบ็ท ลงได้ในที่สุด
                          และเขาก็ได้มอบพลังใหม่ให้กับ เซโร่ ผ่านการต่อสู้ครั้งนั้น



ULTRAMAN COSMOS

ความสูง : 47 เมตร
น้ำหนัก : 4 หมื่น 2 พันตัน
ลักษณะพิเศษ : เขาได้รับข้อความขอความช่วยเหลือจาก อุลตร้าแมนไดน่า ที่มาแจ้งถึงหายนะของโลก

                          เลยได้มุ่งหน้ามายังโลกที่ตกอยู่ในเงื้อมมือของ มนุษย์ดาวแบ็ท ไปเสียแล้ว
                          จากนั้นเขาก็ได้ต่อสู้ร่วมกับ เซโร่ ที่เดินทางมาถึงโลกเช่นกัน
                          และได้รวมใจเป็นหนึ่งเดียวกับ เซโร่ และ ไดน่า ที่ฟื้นคืนชีพขึ้นมา
                          จนสามารถกลายร่างเป็น อุลตร้าแมนซาก้า แล้วเอาชนะ มนุษย์ดาวแบ็ท ลงได้ในที่สุด
                          และเขาก็ได้มอบพลังใหม่ให้กับ เซโร่ ผ่านการต่อสู้ครั้งนั้น



อสูรกายที่เป็นมิตร PIGMON
ความสูง : 1 เมตร
น้ำหนัก : 10 กิโลกรัม
ลักษณะพิเศษ : อสูรกายที่เป็นมิตร พิกม่อน ที่ มนุษย์ดาวแบ็ท กราเซียร์ พลาดไปฟื้นคืนชีพให้มันเข้า

                          ในตอนที่ปลุกเหล่าสัตว์ประหลาดให้ออกมาเล่นงานเซโร่
                          มันเป็นสัตว์ประหลาดผู้น่ารักที่ถือกำเนิดอยู่บนโลก
                          ในอดีตมันถือเป็นเจ้าหน้าที่พิเศษของหน่วยวิทยะ
                          ที่มาคอยบอกถึงการปรากฎตัวของสัตว์ประหลาดก่อนล่วงหน้า
                          และยอมพลีชีพตัวเองเพื่อปกป้องเจ้าหน้าที่หน่วยวิทยะจากการโจมตีของสัตว์ประหลาด
                          ในสมัยที่หน่วยวิทยะเคยช่วยปกป้องโลกใบนี้ร่วมกับอุลตร้าแมน
                      

มนุษย์ต่างดาวหนวดสัมผัส ALIEN BAT GRACIER
ความสูง : 2.3 เมตร
น้ำหนัก : 80 กิโลกรัม
ลักษณะพิเศษ : พรรคพวกของ มนุษย์ดาวแบ็ท ที่พาตัว ไฮเปอร์เซ็ทต้อน มาเพื่อใช้ในการรุกรานโลก

                          แต่ก็ต้องมาพลาดท่าเสียทีให้กับ เซโร่ , ไดน่า , คอสมอส
                     และพลังของมนุษย์ที่มีชีวิตเหลือรอดอยู่เพียงไม่กี่หยิบมือ
                     จนถูก อุลตร้าแมนซาก้า กำจัดลงไปได้ในที่สุด
                     มันได้ใช้พลังคำสาปปลุกเหล่าสัตว์ประหลาดที่หลับไหลอยู่ในสุสานสัตว์ประหลาด
                     ให้ฟื้นคืนชีพขึ้นมา เพื่อหมายจะกำจัด อุลตร้าแมนเซโร่
                     เพื่อล้างแค้นให้กับเพื่อนพ้องที่ถูก ซาก้า จัดการไป และเพื่อความปรารถนาของตัวมันเอง
                         

สัตว์ประหลาดโครงกระโหลก REDKING
ความสูง : 45 เมตร
น้ำหนัก : 2 หมื่นตัน
ลักษณะพิเศษ : สัตว์ประหลาดโครงกระโหลก เรดคิง หนึ่งใน "4 นักรบอสูรโลกันตร์" ที่ฟื้นคืนชีพขึ้นมา

                          ด้วยคำสาปของ มนุษย์ดาวแบ็ท กราเซียร์
                          หลังจากที่มันถูก อุลตร้าแมน กำจัดลงไปในอดีต
                          มันก็ปรากฎตัวออกมาเล่นงานเหล่านักรบอุลตร้าด้วยพละกำลังอันน่าทึ่ง
                          และความดุร้ายที่จัดอยู่ในอันดับต้นๆของเหล่าสัตว์ประหลาดทั้งมวลอีกหลายต่อหลายครั้ง
                          มันจะถนัดในการต่อสู้ด้วยพละกำลังซึ่งจะอาศัยพลังแขนให้เป็นประโยชน์
                          โดยเฉพาะการโจมตีด้วยท่าเฮดบัดซึ่งถือเป็นท่าที่มีพลังทำลายอันเหนือชั้น



สัตว์ประหลาดโครงกระโหลก EX REDKING
ความสูง : 49 เมตร
น้ำหนัก : 2 หมื่น 4 พันตัน
ลักษณะพิเศษ : ร่างที่แข็งแกร่งที่สุดของ เรดคิง ซึ่งเกิดจากการวิวัฒนาการ
ด้วยพลังขั้นสุดยอด
                          ที่เรียกว่า EX พาวเว่อร์
                          ในสมัยที่ผู้ใช้สัตว์ประหลาดซึ่งเรียกขานกันว่า เรโอนิกส์ บงการเหล่าสัตว์ประหลาด
                          ให้มาต่อสู้กันเองเพื่อแสดงอำนาจของตนอยู่นั้น
                          เรดคิง จะกลายร่างเป็น EX เรดคิง ได้ก็ต่อเมื่อจิตของ เรโอนิกส์ ผู้ใช้งานมัน
                          ตื่นขึ้นจนถึงขีดสุดเท่านั้น
                          ท่าชกเพลิงปะทุด้วยกำปั้นอันมหึมาของมันนั้นมีพลังทำลายที่ร้ายกาจยากจะหาใครมาเทียบ



FINDISH TYPE BEAST GALBEROS

ความสูง : 52 เมตร
น้ำหนัก : 3 หมื่น 9 พันตัน
ลักษณะพิเศษ : ฟินดิชไทป์บีสต์ กัลเบรอส หนึ่งใน "4 นักรบอสูรโลกันตร์" ที่ฟื้นคืนชีพขึ้นมา

                          ด้วยคำสาปของ มนุษย์ดาวแบ็ท กราเซียร์
                          มันมีพลังชีวิตที่กล้าแข็งซึ่งถึงแม้ว่ามันจะถูก อุลตร้าแมนเน็กซัส กำจัดลงไปได้
                          แต่หลังจากนั้นมันก็ฟื้นคืนชีพขึ้นมาเล่นงานเหล่านักรบอุลตร้าอีกหลายต่อหลายครั้ง
                          โดยมันสามารถใช้คลื่นสะกดจิตที่ปล่อยออกมาจากดวงตา
                          ในการสะกดคู่ต่อสู้ให้ตกอยู่ในภวังค์เพื่อทำให้เห็นภาพหลอน
                          จนมันสามารถที่จะควบคุมร่างกายและจิตใจได้ตามใจชอบ



สัตว์ประหลาดยักษ์แห่งอวกาศ BEMSTAR
ความสูง : 46 เมตร
น้ำหนัก : 6 หมื่น 1 พันตัน
ลักษณะพิเศษ : สัตว์ประหลาดยักษ์แห่งอวกาศ เบมสตาร์ หนึ่งใน "4 นักรบอสูรโลกันตร์" ที่ฟื้นคืนชีพขึ้นมา

                          ด้วยคำสาปของ มนุษย์ดาวแบ็ท กราเซียร์
                          สัตว์ประหลาดที่ถือกำเนิดมาจากเนบิวล่าราศีกรกฎตัวนี้
                          จะใช้ปากสีแดงที่อยู่ตรงท้องของมันดูดกลืนพลังงานจากการโจมตีของคู่ต่อสู้ทุกชนิด
                          โดยในตอนที่มันเดินทางมาที่โลกเป็นครั้งแรก
                          มันก็ดูดกลืนแม้กระทั่ง ลำแสงสเปเซี่ยม ของ อุลตร้าแมนแจ็ค ไปเหมือนกัน


อสูรพิศดาร GAN Q
ความสูง : 55 เมตร
น้ำหนัก : 5 หมื่น 5 พันตัน
ลักษณะพิเศษ : อสูรพิศดาร กัง Q หนึ่งใน "4 นักรบอสูรโลกันตร์" ที่ฟื้นคืนชีพขึ้นมา

                     ด้วยคำสาปของ มนุษย์ดาวแบ็ท กราเซียร์
                     ซึ่งเคยถูก อุลตร้าแมนไกอา กำจัดลงไปในอดีต
                     ดวงตาอันใหญ่โตที่เปรียบเสมือนกับเป็นร่างกายของมัน
                     สามารถปล่อยลำแสงดูดกลืนและดูดซับพลังงานกับการโจมตีของคู่ต่อสู้ได้
                     และไม่เพียงแต่มันจะยิงพลังงานที่ดูดซับมาสวนกลับไปหาคู่ต่อสู้เท่านั้น
                     แต่มันยังสามารถยิงลำแสงทำลายล้างอันรุนแรงออกมาได้อีกด้วย


สัตว์ประหลาดอวกาศ BEMLAR
ความสูง : 50 เมตร
น้ำหนัก : 2 หมื่น 5 พันตัน
ลักษณะพิเศษ : สัตว์ประหลาดที่ฟื้นคืนชีพขึ้นมาด้วยคำสาปของ มนุษย์ดาวแบ็ท กราเซียร์

                          ในอดีตขณะที่ อุลตร้าแมน กำลังพาตัวมันไปยังสุสานสัตว์ประหลาด
                          มันได้ฉวยโอกาสกลายร่างเป็นลูกบอลสีน้ำเงินแล้วหลบหนีออกมา
                          อุลตร้าแมนจึงต้องไล่ตามมันมาจนถึงโลกเพื่อจะกำจัดมัน
                          แต่หลังจากนั้นมันก็ยังปรากฎตัวออกมาเล่นงานเหล่านักรบอุลตร้า
                          ด้วยท่าฟาดหางและลำแสงความร้อนที่พ่นออกมาจากปากอีกหลายต่อหลายครั้ง


สัตว์ประหลาดใต้พิภพ TERRESDON
ความสูง : 60 เมตร
น้ำหนัก : 1 แสน 2 หมื่นตัน
ลักษณะพิเศษ : สัตว์ประหลาดที่ฟื้นคืนชีพขึ้นมาด้วยคำสาปของ มนุษย์ดาวแบ็ท กราเซียร์

                          มันสามารถใช้จมูกปลายแหลมของมันในการขุดเจาะมุดลงไปในดิน
                          และสามารถเคลื่อนไหวอยู่ใต้ดินได้อย่างคล่องแคล่วว่องไว
                          อีกทั้งยังมีผิวหนังที่แข็งแกร่งถึงขนาดต่อให้เจอการโจมตีของคู่ต่อสู้ก็ยังไม่รู้สึกสะทกสะท้าน
                          นอกจากนั้นมันยังสามารถพ่นลำแสงลาวาอันทรงพลังออกมาจากปาก
                          และว่ากันว่าพลังในการฟาดหางของมันนั้นมีพลังเทียบเท่ากับ
                          รถแทรกเตอร์ 1 แสนคัน เลยทีเดียว


สัตว์ประหลาดใต้พิภพ GUDON
ความสูง : 50 เมตร
น้ำหนัก : 2 หมื่น 5 พันตัน
ลักษณะพิเศษ : สัตว์ประหลาดที่ฟื้นคืนชีพขึ้นมาด้วยคำสาปของ มนุษย์ดาวแบ็ท กราเซียร์

                      มันเป็นสัตว์ประหลาดจอมอาละวาดที่ชอบใช้แขนที่เหมือนกับแส้ฟาดรัวใส่คู่ต่อสู้แบบไม่ยั้ง
                      และมีฟันอันแหลมคมซึ่งสามารถฉีกผิวหนังแข็งๆของทวินเทลล์
                      สัตว์ประหลาดยุคดึกดำบรรพ์ ที่เป็นอาหารโปรดของมันให้ขาดออกจากกันได้อย่างง่ายดาย
                      กับเขาอันแข็งแกร่งและแหลมคมถึงขนาดเหวี่ยงนักรบอุลตร้า
                      ให้ลอยกระเด็นไปได้อย่างสบายๆเป็นอาวุธ
                      แถมยังมีหนามที่อยู่ตรงหลังที่ว่ากันว่ามีความแข็งมากกว่าเพชรถึง 20 เท่า


สัตว์ประหลาดศิลา SADOLAR
ความสูง : 60 เมตร
น้ำหนัก : 2 หมื่น 4 พันตัน
ลักษณะพิเศษ : สัตว์ประหลาดที่ฟื้นคืนชีพขึ้นมาด้วยคำสาปของ มนุษย์ดาวแบ็ท กราเซียร์
                          มันเป็นสัตว์ประหลาดกินเนื้อที่เคยอาศัยอยู่บนภูเขาในประเทศญี่ปุ่น
                          และใช้มือทั้งสองข้างที่คล้ายกับกรรไกรขนาดใหญ่จู่โจมนักปีนเขามาแล้ว
                          หลายต่อรายหลายราย
                          หลังจากที่มันถูก อุลตร้าแมนแจ็ค กำจัดลงไปแล้ว
                          มันก็ยังคงปรากฎตัวออกมาคุกคามสันติสุขของอวกาศอีกหลายครั้ง
                          นอกจากนี้มันยังสามารถยืดแขนทั้งสองข้างได้ตามใจชอบ
                          และมีจุดอ่อนอยู่ที่หูแหลมๆของมัน


ภาคที่ 2 "เซโร่ส่องประกาย"

   หลังจากการต่อสู้ระหว่าง มนุษย์ดาวแบ็ท กราเซียร์ จบสิ้นลง ในที่สุด เซโร่ ก็ค้นพบคำตอบของพลังใหม่ที่ตนได้รับมา แต่ทว่า,เขากำลังถูก ดาร์คเนสไฟว์ กลุ่มมนุษย์ต่างดาวทั้ง 5 คน จ้องเล่นงานอยู่ และแล้ว ดาร์คเนสไฟว์ ก็เริ่มเคลื่อนไหวเพื่อนำชีวิตของเซโร่ไปมอบให้กับใครบางคนที่พวกมันเรียกว่า "ท่านผู้นั้น" ซึ่ง มนุษย์ดาวแบ็ท กราเซียร์ เองก็เคยทำงานรับใช้เขามาก่อน

ตัวละครหลักที่ปรากฎในซีรีส์ Ultra Zero Fight Part 2

SHINING ULTRAMAN ZERO
ความสูง : 45 เมตร
น้ำหนัก : 3 หมื่น 5 พันตัน
ลักษณะพิเศษ : ร่างขั้นสุดยอดของ อุลตร้าแมนเซโร่ ที่เปล่งประกายแสงอันเจิดจรัสไปทั่วทั้งร่าง

                          เมื่อเจตจำนงค์อันมุ่งมั่นในฐานะของอุลตร้าแมนที่ว่า "เรามีสิ่งที่จะต้องปกป้อง !"
                          ซึ่งอยู่ในส่วนลึกของจิตใต้สำนึกของเซโร่ตื่นขึ้นมา
                          เมื่อนั้น อัลติเมทเบรสเล็ท ไอเท็มแห่งแสง ก็จะรวมเป็นหนึ่งเดียวกับร่างกายของเขา
                          และปรากฎ ไชน์นิ่งเอเนอจี้คอร์ ที่ส่องประกายอย่างเจิดจ้าขึ้นมาบนอก
                          แม้แต่ตัวของเซโร่เองก็ยังไม่รู้ว่าร่างนี้มีพลังความสามารถพิเศษอันเร้นลับแอบแฝงอยู่



ท่าไม้ตาย และ ความสามารถพิเศษ

เซโร่ทวินชู้ต : ลำแสงอันทรงพลังที่เกิดจากการนำ เซโร่สลักเกอร์ 
                       ไปประกบกับ คัลเลอร์ไทม์เมอร์ ทั้งด้านซ้ายและขวา
                       แล้วเปลี่ยนพลังงานจาก ดาบแสง ให้กลายเป็น ลำแสงทำลายล้าง ที่ยิงออกมาเป็นวงกว้าง
                       ท่านี้ถือเป็นท่าที่มีอานุภาพรุนแรงมากที่สุดในบรรดาท่าลำแสงของ อุลตร้าแมนเซโร่ ร่างปกติ
                       และในเวลาที่ยิงลำแสงนี้ออกมาก็จะเกิดแรงถีบ จนทำให้ อุลตร้าแมนเซโร่ ต้องถอยไปข้างหลัง
                       หรือไม่ก็ใช้เท้ายันพื้นเอาไว้จนพื้นดินแตกร้าวเป็นวงกว้าง


พลาสม่าสปาร์คสแลช : ท่าไม้ตายอันร้ายกาจอีกท่าหนึ่งของ อุลตร้าแมนเซโร่ 
                                      ที่จะใช้ดาบ เซโร่ทวินซอร์ด ฟาดฟันศัตรู ด้วยพลังงานแสงจาก พลาสม่าสปาร์ค
                                      จึงทำให้ตัวดาบส่องประกายแสงเป็นสีเขียวมรกต


 ซอร์ดเรย์ อัลติเมทเซโร่ : ดาบแสงที่ปรากฎออกมาจาก อัลติเมทเซโร่ซอร์ด เพื่อฟาดฟันศัตรู 
                                         และสามารถสร้างคลื่นพลังอัดกระแทกได้
                                         ถ้าหาก อัลติเมทเซโร่ ไม่ระงับยับยั้งพลังเอาไว้ 
                                         เขาก็จะสามารถสร้างดาบแสงขนาดมหึมา
                                         ที่สามารถผ่า มาเลบรันเดส  ซึ่งมีขนาดใหญ่เท่าดาวเคราะห์ 
                                         ให้ขาดเป็นสองซีกได้ด้วยการตวัดดาบเพียงครั้งเดียว
                                         ในตอนที่สู้กับ เอทัลก้า บนโลก เขาได้ใช้ท่านี้ปล่อยคลื่นกระแทกออกไปโจมตีมัน
                                         โดยออมพลังเอาไว้ จึงถูกมันปัดออกไปได้


ไฟนอล อัลติเมท เซโร่ : ท่าไม้ตายที่ อัลติเมทเซโร่ จะยิง อัลติเมทอีจิส ที่สวมอยู่ที่แขนซ้ายออกไป
                                       และพอยิงโดนเป้าหมายมันก็จะหมุนด้วยความเร็วสูง จนพุ่งทะลุร่างของศัตรูไป
                                       แม้ว่ามันจะมีอานุภาพมากถึงขนาดกำจัดศัตรูร่างมหึมาได้เพียงแค่นัดเดียว
                                       แต่ก็มีจุดอ่อนอยู่ที่ต้องใช้เวลาในการเล็งเป้าและชาร์จพลังงานนาน
                                       หลังจากที่ใช้ท่านี้แล้ว อัลติเมทอีจิส ก็จะกลับมาอยู่ที่แขนซ้าย 
                                       โดยเหลือเพียงเกราะตรงบริเวณหน้าอกเท่านั้น
                                       และจะกลับไปเป็นกำไล อัลติเมทเบรสเล็ท อีกครั้ง


กัลเนทบัสเตอร์ : ลำแสงเพลิงความร้อนสูงที่ สตรองโคโลน่าเซโร่ จะปล่อยออกมา 
                           พร้อมกับตะโกนชื่อท่าไปด้วย
                           ปกติ สตรองโคโลน่าเซโร่ จะปล่อยท่านี้ออกมาจากหมัดขวา
                           แต่ก็สามารถใช้หมัดซ้ายปล่อยท่านี้ออกมาได้เช่นเดียวกัน
                           โดยก่อนที่จะใช้ท่านี้ เขาจะทำท่าเหมือนกับทุบไปที่กำไล อัลติเมทเบรสเล็ท ด้วย
                           อนึ่ง,ชื่อท่านี้มาจาก กัลเนทบอมเบอร์ ของ อุลตร้าแมนไดน่า สตรองไทป์
                           บวกกับ ลำแสงเนย์บัสเตอร์ ของ อุลตร้าแมนคอสมอส โคโลน่าโหมด


อุลตร้าเฮอร์ริเคน : ท่าที่ สตรองโคโลน่าเซโร่ จะจับหัวของคู่ต่อสู้ 
                              แล้วหมุนตัวเหวี่ยงด้วยความเร็วสูงราวกับพายุ พร้อมกับตะโกนชื่อท่าไปด้วย
                              ก่อนที่จะปล่อยคู่ต่อสู้ให้ลอยอยู่บนฟ้า แล้วค่อยใช้ท่าไม้ตายอื่นๆจัดการปิดฉาก
                              อุลตร้าแมนแจ็ค คือ เจ้าของต้นตำรับท่านี้


ฟูลมูนเวฟ : ท่าที่ ลูน่ามิราเคิลเซโร่ จะหมุนตัวด้วยความเร็วสูงรอบๆคู่ต่อสู้ 
                   แล้วสร้างลำแสงฟองอากาศเข้าห่อหุ้มร่างของคู่ต่อสู้เอาไว้
                   เพื่อบรรเทาจิตใจให้ผ่อนคลายลง พร้อมกับตะโกนชื่อท่าไปด้วย
                   อนึ่ง,ชื่อท่านี้มาจาก ฟูลมูนเลคท์ ของ อุลตร้าแมนคอสมอส ลูน่าโหมด 
                   บวกกับ เรโวเลี่ยมเวฟ ของ อุลตร้าแมนไดน่า มิราเคิลไทป์


เรโวเลี่ยมสแมช : ท่าที่ ลูน่ามิราเคิลเซโร่ จะปล่อยคลื่นอัดกระแทกออกมาจากฝ่ามือข้างขวา
                            เพื่ออัดศัตรูให้ปลิวกระเด็นไป พร้อมกับตะโกนชื่อท่าไปด้วย
                            อนึ่ง,ชื่อท่านี้มาจาก เรโวเลี่ยมเวฟ ของ อุลตร้าแมนไดน่า มิราเคิลไทป์ 
                            บวกกับ มูนไลท์สแมช ของ อุลตร้าแมนคอสมอส ลูน่าโหมด


ไชน์นิ่งสตาร์ไดร์ฟ : ท่าที่ ไชน์นิ่งอุลตร้าแมนเซโร่ จะสร้างบอลแสงขนาดมหึมา
                                ให้ลอยอยู่เหนือหัวคล้ายกับดวงอาทิตย์
                                เพื่อควบคุมการเคลื่อนไหวของวัตถุต่างๆที่อยู่ในอวกาศ 
                                อีกทั้งยังสามารถย้อนเวลากลับได้ภายในพื้นที่จำกัด


ไชน์นิ่ง ฟีลด์ : มิติพิเศษที่ ไชน์นิ่งอุลตร้าแมนเซโร่ สร้างขึ้น
                       โดยที่เวลาในนั้นจะแตกต่างจากเวลาบนโลกภายนอก
                       ซึ่งแม้จะผ่านเวลาไปนานเมื่ออยู่ในนั้น แต่เวลาของโลกภายนอกกลับผ่านไปเพียงแป๊บเดียว
                       อุลตร้าแมนออร์บ เองก็ได้รับการฝึกพิเศษจาก อุลตร้าเซเว่น และ อุลตร้าแมนเซโร่ ในห้วงมิตินี้
                       จนสามารถเปลี่ยนเป็นร่าง เอเมเรี่ยมสลักเกอร์ ได้
                       แต่ผู้ที่ข้ามกาลเวลามายังมิตินี้จะมองเห็นภาพของตนในมิติดังกล่าว 
                       ในลักษณะของนิมิตก่อนล่วงหน้า


GLENFIRE
ความสูง : 48 เมตร
น้ำหนัก : 4 หมื่น 8 พันตัน
ลักษณะพิเศษ : นักรบอัคคีผู้มีจิตวิญญาณของแม็กม่าอันลุกโชนและรักความเป็นอิสระเสรี

                          เขาได้เที่ยวตระเวนไปตามอวกาศอันไร้ขอบเขต
                          จนมาพบกับ อุลตร้าแมนเซโร่ เป็นครั้งแรก
                          ในช่วงที่กำลังเปิดฉากทำสงครามกับกองทัพของไคเซอร์เบเรียล อุลตร้าแมนผู้ชั่วร้าย
                          และได้เข้าพรรคพวกเป็นหนึ่งในทีม อัลติเมทฟอร์ซเซโร่ หน่วยรบพิเศษอันไร้เทียมทาน
                          ที่ เซโร่ เป็นคนคิดก่อตั้งขึ้นมา โดยใช้พลังอัคคีต่อสู้ผ่านศึกสงครามมานักต่อนัก


MIRROR KNIGHT
ความสูง : 47 เมตร
น้ำหนัก : 3 หมื่น 5 พันตัน
ลักษณะพิเศษ : อัศวินในโลกกระจกผู้เคยทำหน้าที่ปกป้องดาวเคราะห์ เอสเมรัลด้า เมื่อในอดีต

                          เขาได้พบกับ อุลตร้าแมนเซโร่ เป็นครั้งแรก
                          ในช่วงที่กำลังเปิดฉากทำสงครามกับกองทัพของไคเซอร์เบเรียล อุลตร้าแมนผู้ชั่วร้าย
                          และได้เข้าพรรคพวกเป็นหนึ่งในทีม อัลติเมทฟอร์ซเซโร่ หน่วยรบพิเศษอันไร้เทียมทาน
                          ที่ เซโร่ เป็นคนคิดก่อตั้งขึ้นมา โดยใช้วิชาสะท้อนแสงที่สามารถควบคุมได้ดั่งใจนึก
                          มาใช้ในการต่อสู้


JEAN-BOT
ความสูง : 50 เมตร
น้ำหนัก : 3 หมื่นตัน
ลักษณะพิเศษ : หุ่นรบเหล็กที่คอยรับใช้ราชวงศ์เอสเมรัลด้า ผู้มีความแข็งแกร่งและมีจิตใจอันจงรักภักดี

                          เขาได้พบกับ อุลตร้าแมนเซโร่ เป็นครั้งแรก
                          ในช่วงที่กำลังเปิดฉากทำสงครามกับกองทัพของไคเซอร์เบเรียล อุลตร้าแมนผู้ชั่วร้าย
                          และได้เข้าพรรคพวกเป็นหนึ่งในทีม อัลติเมทฟอร์ซเซโร่ หน่วยรบพิเศษอันไร้เทียมทาน
                          ที่ เซโร่ เป็นคนคิดก่อตั้งขึ้นมา
                          เขาสามารถแปลงร่างเป็นยานอวกาศ แจนเบิร์ด ได้ด้วย


JEAN NINE
ความสูง : 50 เมตร
น้ำหนัก : 3 หมื่นตัน
ลักษณะพิเศษ : แจนคิลเล่อร์ เมกะโรบ็อตที่แข็งแกร่งที่สุด ที่ทรงกลมฟ้าจำลองบีทสตาร์

                          ซึ่งถูกโปรแกรมมาให้กวาดล้างสิ่งมีชีวิตทางธรรมชาติออกไปจากอวกาศทั้งหมด
                          เป็นผู้สร้างขึ้น แต่ในที่สุดเขาก็หันมาอยู่ข้างความยุติธรรม
                          ด้วยคำพูดเกลี้ยกล่อมของกลุ่ม อัลติเมทฟอร์ซเซโร่ อย่างมุมานะ
                          จนได้เข้าร่วมเป็นพรรคพวกที่พึ่งพาได้อีกคนหนึ่ง โดยใช้ชื่อใหม่ว่า "แจนไนน์"
                          ทั้งปัญญาประดิษฐ์และความสามารถในการต่อสู้ของเขา
                          ล้วนได้มาจากการก๊อปปี้ข้อมูลของ แจนบ็อต ที่เปรียบเสมือนกับพี่ชายของเขา


ALIEN FANEGON

ความสูง : ไม่ปรากฎแน่ชัด
น้ำหนัก : ไม่ปรากฎแน่ชัด
ลักษณะพิเศษ : พลเมืองที่อาศัยอยู่บน ดาวเคราะห์ฟาเนก้อน 
ซึ่งเป็นดาวดวงหนึ่งที่อยู่ในอนาเธอร์สเปซ
                          ซึ่งเป็นมิติอวกาศที่ อัลติเมทฟอรซเซโร่ อยู่



ULTRAMAN BELIAL

ความสูง : 55 เมตร
น้ำหนัก : 6 หมื่นตัน

ลักษณะพิเศษ : จ้าวผู้ปกครองความมืดที่สุดแสนจะร้ายกาจและชั่วร้าย
                          ซึ่งเฝ้ารอคอยโอกาสที่จะฟื้นคืนชีพกลับมาอีกครั้ง
                          พวก ดาร์คเนสไฟว์ และ มนุษย์ดาวแบ็ท กราเซียร์
                          ต่างเรียกมันด้วยความยกย่องว่า "ท่านผู้นั้น"
                          แม้ว่าเขาจะเคยเป็น อุลตร้าแมน ที่มีถิ่นกำเนิดมาจากเนบิวล่า M78
                          แต่เขาก็กลับกลายมาเป็นนักรบอุลตร้าด้านมืด
                          เพราะพ่ายแพ้ต่อเสียงชักชวนแห่งความชั่วร้าย
                          และปรารถนาที่จะได้พลังอันยิ่งใหญ่มาไว้ในครอบครอง
                          จึงต้องถูกเนรเทศออกมาจากอาณาจักรแห่งแสง
                          มันเคยบุกอาณาจักรแห่งแสง 
และเกือบจะทำให้อาณาจักรแห่งแสงต้องล่มสลายมาแล้ว
                          หลังจากนั้นมันก็ได้สถาปนาตนเองเป็นจักรพรรดิ
                          และสร้างจักรวรรดิของตนขึ้นมา เพื่อหมายจะปกครองอวกาศทั้งปวง
                          แต่ในที่สุดมันก็ถูก เซโร่ กับ พรรคพวก กำจัดลงไป
                          จนอยู่ในสภาพของวิญญาณอาฆาต




ZERO DARKNESS

ความสูง : 49 เมตร
น้ำหนัก : 3 หมื่น 5 พันตัน

ลักษณะพิเศษ : อุลตร้าแมนเซโร่ในร่างที่ถูกความเคียดแค้นของ เบเรียล อุลตร้าแมนผู้ชั่วร้ายเข้าสิง
                          เนื่องจากเขาถูกจิตอันชั่วร้ายครอบงำไปทั่วทั้งร่าง
                          แสงสว่างที่เคยส่องประกายจาก อัลติเมทเบรสเล็ท จึงสูญหายไป
                          แถมเขายังใช้ท่าลำแสงอันน่าสะพรึงกลัวอย่าง "เดสเซี่ยมช็อต" และ "ดาร์คเซโร่ทวินชู้ต"
                          ที่ก่อเกิดจากพลังความมืดมาเล่นงานนักรบแห่งแสงให้พ่ายแพ้อย่างราบคาบ
                          ได้เพียงนัดเดียว




KAISER DARKNESS
ความสูง : 55 เมตร
น้ำหนัก : ไม่ปรากฎแน่ชัด

ลักษณะพิเศษ : อาร์มเมิร์ดดาร์คเนส เกราะปีศาจแห่งรัตติกาล ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อ มนุษย์ดาวเอ็มเพอร์เร่อร์
                          ผู้ถูกยกย่องให้เป็น จอมราชันย์แห่งห้วงอวกาศรัตติกาล ด้วยความเกรงกลัว
                          ผู้ที่ได้สวมเกราะแห่งรัตติกาลนี้ซึ่งว่ากันว่าใครที่ได้สวมใส่มันจะได้รับพลังอันมหาศาล
                          ที่สามารถปกครองอวกาศทั้งปวงได้นั้นก็คือ อุลตร้าแมนเบเรียล ศัตรูคู่อาฆาต
                          ผู้ร้ายกาจและชั่วร้ายที่สุดซึ่งเคยถูกพวก เซโร่ จัดการไปเมื่อในอดีตนี่เอง
                          มันคือจ้าวผู้ปกครองความมืดที่รวบรวมพวก ดาร์คเนสไฟว์ มาเป็นลูกสมุน
                          และได้รับการยกย่องจากพวกมันว่า "ท่านผู้นั้น"




SURAI
ความสูง : 60 เมตร
น้ำหนัก : 2 หมื่น 5 พันตัน

ลักษณะพิเศษ : กลุ่มมนุษย์ต่างดาวตัวฉกาจที่เคยเล่นงานเหล่านักรบอุลตร้ารุ่นก่อนๆ
                          เสียจนสะบักสะบอมมาแล้ว
                          มนุษย์ดาวเมฟีราส ซึไลย์แห่งมนตรา คือ 1 ในผู้รับใช้ จ้าวผู้ปกครองความมืด
                          เช่นเดียวกับ จาทาร์ลแห่งโลกันตร์ , วิลาเนียสจอมหฤโหด , เดสโร้กแห่งเพลิงโหม
                          และ กร็อคเค็นแห่งเยือกแข็ง
                          มันจะใช้สติปัญญาที่เป็นเลิศในการเล่นงาน อุลตร้าแมนเซโร่ ให้เข้าตาจน
                          ในฐานะของเสนาธิการแห่งกลุ่มดาร์คเนสไฟว์
                          นอกจากมันจะเป็นจอมวางแผนผู้ชาญฉลาดเหมือนกับพวกพ้องของมันแล้ว
                          มันยังมีพลังโจมตีที่สูงเอาการ และมีดาบเมฟีราสเบลดที่อยู่ตรงแขนขวาเป็นอาวุธอีกด้วย




DEATHROGUE
ความสูง : 55 เมตร
น้ำหนัก : 1 หมื่น 5 พันตัน

ลักษณะพิเศษ : มนุษย์ดาวเนบิวล่าเดสเร่ เดสโร้กแห่งเพลิงโหม
                          นักรบผู้เงียบขรึมที่ใช้เพลิงโลกันตร์อันร้อนระอุเป็นอาวุธ
                          เขาคือ 1 ในกลุ่มมนุษย์ต่างดาวตัวฉกาจ "ดาร์คเนสไฟว์"
                          และเป็นหนึ่งในพรรคพวกของ มนุษย์ต่างดาวจอมวางแผน
                          ที่คอยรับใช้ มนุษย์ดาวเอ็มเพอร์เร่อร์ จอมราชันย์แห่งห้วงอวกาศรัตติกาล
                          ซึ่งเคยพ่ายแพ้ให้กับหน่วยอวกาศที่มี เจ้าพ่ออุลตร้า เป็นผู้นำทัพ
                          ใน "มหาสงครามอุลตร้า" เมื่อ 3 หมื่นปีก่อน
                          จนทำให้มันมีความแค้นต่อตระกูลอุลตร้าอย่างฝังรากลึกนับแต่นั้นมา
                          ในซีรีส์ของ "เมบิอุส" เดสเรม ที่เป็นพวกเดียวกับมันได้ปรากฎตัวออกมาต่อสู้กับนักรบอุลตร้า
                          ในฐานะของ "สี่จตุรเทพทมิฬ" ที่ มนุษย์ดาวเอ็มเพอร์เร่อร์ เป็นผู้นำ




GROKKEN
ความสูง : 52 เมตร
น้ำหนัก : 2 หมื่นตัน

ลักษณะพิเศษ : มนุษย์จากระบบดาวโกรซ่า กร็อคเค็นแห่งเยือกแข็ง
                          มนุษย์ต่างดาวจอมอำมหิตผู้ใช้ไอเย็นสุดขั้วเป็นอาวุธ
                          1 ในกลุ่มมนุษย์ต่างดาวตัวฉกาจ "ดาร์คเนสไฟว์" ผู้รับใช้จ้าวผู้ปกครองความมืด
                          ทั้ง 5 คนซึ่งมีดวงตาอันแดงก่ำ
                          มันคือหนึ่งในพรรคพวกของ มนุษย์ดาวเยือกแข็ง
                          ที่คอยรับใช้ มนุษย์ดาวเอ็มเพอร์เร่อร์ จอมราชันย์แห่งห้วงอวกาศรัตติกาล
                          มาตั้งแต่สมัย "มหาสงครามอุลตร้า" ซึ่งเป็นสงครามในตำนาน
                          ที่เกิดขึ้นบนอาณาจักรแห่งแสงเมื่อ 3 หมื่นปีก่อน
                          ในซีรีส์ของ "เมบิอุส" โกรแซม ที่เป็นพวกเดียวกับมันเคยบุกมาโจมตีโลก
                          ในฐานะของ "สี่จตุรเทพทมิฬ" ตามคำสั่งของ มนุษย์ดาวเอ็มเพอร์เร่อร์




JATARL
ความสูง : 60 เมตร
น้ำหนัก : 6 หมื่น 5 พันตัน

ลักษณะพิเศษ : จาทาร์ล หนึ่งในพรรคพวกของ มนุษย์ดาวฮิปโปริโต้
                          ที่เคยเล่นงานเหล่านักรบอุลตร้ารุ่นก่อนๆให้เข้าตาจนมาแล้ว
                          และเป็น 1 ในกลุ่มมนุษย์ต่างดาวตัวฉกาจ "ดาร์คเนสไฟว์" ทั้ง 5
                          ที่คอยรับใช้จ้าวผู้ปกครองความมืด ซึ่งมีดวงตาอันแดงก่ำเหมือนกับอีก 4 คนที่เหลือ
                          นอกจากสีของดวงตาที่แตกต่างออกไปจาก มนุย์ดาวฮิปโปริโต้ รุ่นก่อนๆที่เคยปรากฎตัวแล้ว
                          มันยังเป็นมือสังหารที่สามารถเปลี่ยนทุกสิ่งที่มันสัมผัสให้กลายเป็นรูปปั้นบรอนซ์ได้
                          อีกทั้งยังสามารถแปลงโฉมเป็นคนอื่นได้ด้วย




VIRANIAS
ความสูง : 54 เมตร
น้ำหนัก : 3 หมื่น 9 พันตัน
ลักษณะพิเศษ : วิลาเนียส หนึ่งในพรรคพวกของ มนุษย์ดาวเท็มเพอร์เร่อร์
                          ที่เคยเล่นงานเหล่านักรบอุลตร้ารุ่นก่อนๆให้เข้าตาจนมาแล้ว
                          และเป็น 1 ในกลุ่มมนุษย์ต่างดาวตัวฉกาจ "ดาร์คเนสไฟว์" ทั้ง 5
                          ที่คอยรับใช้จ้าวผู้ปกครองความมืด
                          มันได้พาตัว ไทแรนท์ สัตว์ประหลาดจอมเกรี้ยวกราด มาจับคู่แท็กทีมกับมัน
                          จนกลายเป็น "คู่หูสุดโหด" เพื่อหวังจะกำจัด เซโร่ ด้วยพลังที่เหนือกว่า
                          และ ลำแสงพิฆาตพี่น้องอุลตร้า ซึ่งเป็นท่าไม้ตายอันร้ายกาจที่สุดของมัน
                          ซึ่งเคยทำให้ 6 พี่น้องอุลตร้า ต้องลำบากมาแล้ว




สัตว์ประหลาดจอมเกรี้ยวกราด TYRANT

ความสูง : 62 เมตร
น้ำหนัก : 5 หมื่น 7 พันตัน

ลักษณะพิเศษ : สัตว์ประหลาดจอมเกรี้ยวกราด ไทแรนท์ ที่ครั้งหนึ่งเคยปรากฎตัวขึ้นมา
                      จากจิตอาฆาตของเหล่าสัตว์ประหลาดที่ถูกพี่น้องอุลตร้ากำจัดลงไปในอดีต
                      มารวมตัวกันจนกลายเป็นสัตว์ประหลาดตนนี้
                      ส่วนหัวของมันมาจากซีโกราธ , หูมาจากมนุษย์ดาวอิคารุส , แขนมาจากวาราว่า ,
                      ท้องมาจากเบมสตาร์ , หลังมาจากแฮนเซอร์กีรัน , ขามาจากเรดคิง และ หางมาจากคิงแคร็บ
                      มนุษย์ดาวเท็มเพอร์เร่อร์ วิลาเนียสจอมหฤโหด ได้พาพวกพ้องของสัตว์ประหลาดอวกาศ
                      จอมดุร้ายที่รวบรวมเอาจุดเด่นของสัตว์ประหลาดแต่ละตัวมารวมกันนี้
                      มาเล่นงาน เซโร่ พร้อมกับ ดาร์คเนสไฟว์ คนอื่นๆ


สัตว์ประหลาดจอมพลัง SILVERGON
ความสูง : 70 เมตร
น้ำหนัก : 7 หมื่น 9 พันตัน

ลักษณะพิเศษ : สัตว์ประหลาดจอมพลัง คิงซิลเวอร์กอน ที่ข้ามมิติกาลเวลา
                      มาจากโลกต่างมิติที่ชื่อ "โลกแห่งมิติเวลา" มายังดาวเคราะห์ฟาเนก้อน
                      ซึ่งอยู่ในอวกาศที่พวก อัลติเมทฟอร์ซเซโร่ อยู่
                      มนุษย์ดาวซุปเปอร์ฮิปโปริโต้ ได้จับ ซิลเวอร์กอน
                      ซึ่งเป็นสายพันธุ์เดียวกับที่ ทีก้า เคยกำจัดไปในอดีตมาทำการดัดแปลงเพิ่มพลังให้มัน
                      จนกลายเป็นสัตว์ประหลาดที่มีพละกำลังอันมหาศาลถึง 4 ล้าน 7 แสนแรงม้า
                      แล้วหลังจากนั้นมันก็จัดเป็น 1 ในสัตว์ประหลาดทั้ง 100 ตัว ที่ฟื้นคืนชีพขึ้นมา
                      จากสุสานสัตว์ประหลาดด้วยพลังของเบเรียล
                      เพื่อให้พวกมันไปจัดการกับเหล่านักรบอุลตร้า




Credit : http://blog.m-78.jp/zerofight
Translated by : grandking


ไม่มีความคิดเห็น: