อุลตร้าแมนทีก้า & ไดน่า
เหล่านักรบของดวงดาวแห่งแสง
เหล่านักรบของดวงดาวแห่งแสง
ผลงานภาพยนตร์ของ อุลตร้าแมนไดน่า ที่ลงโรงฉายตามโรงภาพยนตร์ในเครือ Shochiku ทั่วประเทศญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 14 มี.ค. 1998 พร้อมกับเรื่อง "อุลตร้าเหมียว 2 กลยุทธ์สร้างความสุข" ซึ่งถือเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกของซีรีส์อุลตร้าแมนยุคเฮเซย์ชุดไตรภาค (*1) และนับเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกที่ลงโรงฉายพร้อมกันกับจังหวะที่ภาคทีวีซีรีส์กำลังออกอากาศอยู่ ( พอมีการกำหนดว่าจะสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ขึ้นมา อุลตร้าแมนเซิร์ทธ์ ภาค 3 จึงได้ถูกระงับการถ่ายทำไป )
เรื่องนี้จะมีเนื้อหาที่เชื่อมโยงกับเนื้อเรื่องในภาคทีวีซีรีส์ปกติ โดยเมื่อดูจากช่วงเวลาที่หนังเรื่องนี้ได้เข้าฉายแล้วคาดว่าน่าจะเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงประมาณตอนที่ 26 ~ 30 ( เพราะหลังจากตอนที่ 31 เป็นต้นไป ไม จะเปลี่ยนมาไว้ทรงผมสั้น ) และถือเป็นภาคที่ เรียว กับ ไม ได้มีบทบาทในฐานะของฮีโร่หญิงคู่กันค่อนข้างมากทีเดียว
ตามแผนที่วางเอาไว้ในตอนแรกทางทีมงานได้วางพล็อตเรื่องให้ อาสึกะ ชิน ได้ไปเจอกับ มาโดกะ ไดโกะ โดยบังเอิญ แล้วให้ทั้งคู่แปลงร่างเป็น อุลตร้าแมนไดน่า กับ อุลตร้าแมนทีก้า พร้อมกัน แต่เนื่องจาก คุณนากาโนะ ฮิโรชิ ผู้รับบทเป็น ไดโกะ มีคิวงานแน่นจึงไม่สามารถสละเวลามาร่วมแสดงด้วยได้ ทางทีมงานเลยจำเป็นต้องมีการปรับเปลี่ยนเนื้อเรื่องในบางส่วน ทว่า,ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้ผลงานเรื่องนี้สามารถสื่อถึง "การเติบโตในฐานะนักรบของอาสึกะ" ได้อย่างเต็มที่ และเป็นการแสดงให้เห็นว่า ทีก้า ก็คือ ยอดมนุษย์ที่ถือกำเนิดขึ้นมาเพื่อเป็นตัวแทนแห่งความหวังที่อยู่ในจิตใจของผู้คน อีกทั้งยังมีส่วนช่วยในการผลักดันไอเดียให้ ไดโกะ ได้ปรากฎตัวออกมาในช่วงสุดท้ายของภาคทีวีซีรีส์ด้วย
นอกจากนี้ทางทีมงานยังได้นำพล็อตเรื่องของ อุลตร้าแมนไดน่า ที่เป็นเรื่องราวในอนาคตอีก 7 ปีให้หลังของอุลตร้าแมนทีก้า ซีรีส์ชุดก่อนมาใช้ให้เป็นประโยชน์ โดยการวางเรื่องให้ อาสึกะ ได้มีโอกาสไปพูดคุยกับ อิรุมะ อดีตหัวหน้าทีม GUTS เพื่อเป็นการปูพื้นให้เขาได้ทราบถึงเรื่องราวของ อุลตร้าแมนทีก้า ก่อนล่วงหน้า ก่อนที่อุลตร้าแมนทีก้าตัวจริงจะปรากฎตัวออกมา นั่นจึงทำให้การดำเนินเนื้อเรื่องเป็นไปได้อย่างราบรื่น และในฉากท้ายๆของเรื่องก็ได้ให้สมาชิกในทีม GUTS ทุกคนยกเว้น ไดโกะ กับ ยาสึมิ มาพบหน้ากันอีกครั้ง เพื่อเป็นฉากแถมเอาใจแฟนๆด้วย
(*1) ซีรีส์อุลตร้าแมนยุคเฮเซย์ชุดไตรภาค หมายถึง ทีวีซีรีส์อุลตร้าแมน 3 ภาคแรกที่ออกอากาศในยุคเฮเซย์
( ค.ศ.1989 ~ ปัจจุบัน ) ซึ่งก็คือ อุลตร้าแมนทีก้า , อุลตร้าแมนไดน่า , อุลตร้าแมนไกอา นั่นเอง
ตัวละครที่ปรากฎ
กอนโด้ คิฮาจิ : เสนาธิการของ TPC ผู้มีความคิดที่จะใช้กำลังอาวุธในการปกป้องโลก
เขาได้ร่วมมือกับ ดร.คิซารากิ ในการพัฒนา โพรเมเทอุส ยานรบรุ่นใหม่ขึ้นมา
แต่ทว่า ยานโพรเมเทอุส ก็ถูก มนุษย์ดาวโมเนล่า ดัดแปลงจนกลายเป็น เดธเฟเซอร์ ไป
( ผู้รับบท : คาเมยามะ ชิโนบุ )
คิซารากิ รุย : ผู้รับผิดชอบสูงสุดในการพัฒนา โพรเมเทอุส ยานรบรุ่นใหม่ของ TPC
เธอมีความเชื่อมั่นว่า ยานโพรเมเทอุส ลำนี้จะเป็นความหวังใหม่ของมนุษยชาติ
แต่แท้ที่จริงแล้วเธอได้ถูก อสูรพฤกษาอวกาศ มนุษย์ดาวโมเนล่า ใช้พลังจิตควบคุม
และถูกใช้เป็นเครื่องมือในการช่วงชิง ยานโพรเมเทอุส ซึ่งถือเป็นอาวุธอันทรงอานุภาพ
ของมนุษยชาติไป ในขณะที่มันกำลังถูกพัฒนาอยู่
เธอจะถูกล้างสมองไปจนถึงช่วงกลางๆเรื่อง ( ผู้รับบท : ซึงิโมโตะ อายะ )
สัตว์ประหลาดที่ปรากฎในหนังโรง Ultraman Tiga & Dyna
อสูรพฤกษาอวกาศ ALIEN MONERA
ความสูง : 1.11 เมตร
น้ำหนัก : 44 กิโลกรัม
สถานที่ปรากฎ : ดาวโมเนล่า
อาวุธ : พลังในการควบคุมมนุษย์
ลักษณะพิเศษ : มันเป็นเผ่าพันธุ์พืชที่วิวัฒนาการมาจนถึงขั้นประดิษฐ์วิทยาการชั้นสูงได้
มันต้องการทำลายมนุษย์ชาติด้วยเหตุผลที่ว่า "มนุษย์นั้นเกะกะ"
แผนการของมันคือการควบคุม ดร.คิซารางิ รุย แห่งศูนย์วิจัยวิทยาศาสตร์ของ TPC
เพื่อติดต่อกับมนุษย์ชาติทั้งหมด
มันสามารถรวมร่างกับ ยานโมเนล่าซี้ด เพื่อกลายร่างเป็นสัตว์ประหลาดขนาดยักษ์ได้
ยานแห่งเมล็ดพันธุ์ MONERA SEED
ความยาว : 48 เมตร
ความกว้าง : 30 เมตร
สถานที่ปรากฎ : ดาวโมเนล่า
อาวุธ : ลำแสงสีแดง "SEEDER" , บาเรียสีน้ำเงิน
ลักษณะพิเศษ : ยานอวกาศของมนุษย์ดาวโมเนล่าซึ่งบินมาที่เกาะคลีโอมอส
เพื่อโจมตีศูนย์สถาบันของ TPC
ตัวยานเองก็ถือเป็นสิ่งมีชีวิตเช่นเดียวกัน
โดยสามารถรวมร่างกับ มนุษย์ดาวโมเนล่า เพื่อกลายเป็น ควีนโมเนล่า ได้
อสูรปักษาอวกาศ GERANDA
ความสูง : 54 เมตร
น้ำหนัก : 6 หมื่น 2 พันตัน
สถานที่ปรากฎ : G Land ดาวเคราะห์ แห่งดาวโมเนล่า
อาวุธ : ลำแสงสีแดง จีบีม , ฟันและเล็บอันแหลมคม
ลักษณะพิเศษ : สัตว์ประหลาดที่มนุษย์ดาวโมเนล่าควบคุมอยู่
มันต่อสู้กับอุลตร้าแมนไดน่าบนดวงจันทร์ และสามารถทนทานต่อลำแสงโซลเจนท์
ของไดน่าได้ จนเล่นเอาไดน่าต้องตกอยู่ในขั้นวิกฤติ
แต่แล้วมันกลับถูกปืนใหญ่ NEO MAXIMER ของ โพรเมเทอุส ยานรบลำใหม่ของ TPC
โจมตีจนสลายไปไม่เหลือซาก
เทพมารสมองกล DEATH FACER
ความสูง : 77 เมตร
น้ำหนัก : 9 หมื่น 6 พันตัน
สถานที่ปรากฎ : โลก
อาวุธ : บาเรียสีดำ
ลักษณะพิเศษ : สัตว์ประหลาดสมองกลซึ่งเกิดจากการปรับปรุงยานโพรเมเทอุสขึ้นมาใหม่
ด้วยฝีมือของมนุษย์ดาวโมเนล่า
แขนขวาของมันจะเป็นมือกรรไกรที่เรียกว่า Death Scissor
ส่วนแขนซ้ายจะติดปืน Gathering Gun เอาไว้
ส่วนตรงหน้าอกก็จะเป็นปืนใหญ่ Neo Maximer
ตอนที่สู้กันบน เกาะคลีโอมอส มันเคยเอาชนะไดน่าได้
แต่พอสู้กันอีกครั้งมันก็ถูก ไดน่า สตรองไทป์ ชกตรงอกจนทะลุ
แล้วใช้ท่า Space Dynamite เหวี่ยงให้มันไประเบิดกลางอากาศ
อสูรพฤกษาขนาดยักษ์ QUEEN MONERA
ความสูง : 208 เมตร
น้ำหนัก : 1 ล้าน 8 หมื่นตัน
สถานที่ปรากฎ : Metropolice เขต K 3
อาวุธ : หนวดที่ยืดได้
ลักษณะพิเศษ : มันสามารถยิงลำแสง คลาวน์บีม จากบนหัวได้
โดยมีพลังทำลายกินรัศมีเป็นวงกว้างออกไป 3 กิโลเมตร
ทั้งยังสามารถปล่อย Tentacle Bomb จากหนวดของมันได้
ส่วนภายในกรงที่ใช้ขังไดน่าก็สามารถปล่อยกระแสไฟฟ้าแรงสูงที่เรียกว่า QM Buster ได้
สุดท้ายถูก TD Special (ท่าปล่อยลำแสงพร้อมกัน) ของทีก้าและไดน่ายิงจนม่องไป
*********************************************************************
*********************************************************************
อุลตร้าแมนทีก้า & ไดน่า & ไกอา
ศึกครั้งใหญ่ข้ามห้วงมิติกาลเวลา
ผลงานที่นำเอา อุลตร้าแมนไกอา ภาคทีวีซีรีส์มาทำเป็นภาพยนตร์จอเงินซึ่งได้ลงฉายตามโรงภาพยนตร์ในเครือ Shochiku ทั่วประเทศญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 6 มี.ค. 1999 พร้อมกับเรื่อง "อุลตร้าแมน M78 เวอร์ชั่นภาพยนตร์ Love & Peace" โดยได้กำหนดพล็อตเรื่องให้ ทาคายามะ กามุ พระเอกในละครทีวีซีรีส์ อุลตร้าแมนไกอา เดินทางมายังโลกคู่ขนานซึ่งเป็นโลกที่มีรายการโทรทัศน์ อุลตร้าแมนไกอา ออกอากาศอยู่ ซึ่งเหมือนกับโลกในความเป็นจริงของเรา แต่ทีวีซีรีส์ อุลตร้าแมนไกอา ที่ฉายอยู่ในภาพยนตร์เรื่องนี้จะไม่ได้เป็นฉากที่ตัดมาจากทีวีซีรีส์ที่ฉายอยู่จริง แต่เป็นฉากที่ถ่ายทำขึ้นมาใหม่เพื่อภาพยนตร์เรื่องนี้โดยเฉพาะ นอกจากนี้ยังได้ให้ สุพรีมเวอร์ชั่น ซึ่งเป็นร่างที่แข็งแกร่งที่สุดของ อุลตร้าแมนไกอา ออกมาปรากฎตัวก่อนที่ภาคทีวีซีรีส์จะฉายอีกด้วย
แม้ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะเป็นเนื้อเรื่องที่สร้างขึ้นมาใหม่โดยไม่มีความเกี่ยวโยงกับภาคทีวีซีรีส์แต่อย่างใด แต่เมื่อดูจากท่ายิง โฟตอนสตรีม ซึ่งเป็นท่าไม้ตายของ ไกอาสุพรีมเวอร์ชั่น ที่ยังไม่สมบูรณ์แล้ว คาดว่าน่าจะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างตอนที่ 26 กับ 27 ( เพราะไกอาจะใช้ท่ายิงที่สมบูรณ์แบบได้จริงๆตั้งแต่ตอนที่ 27 เป็นต้นไป )
ตัวละครที่ปรากฎ
นิอิโบชิ ซึโตมุ : เด็กชายผู้ไม่เก่งทั้งในด้านการเรียนและกีฬา
แถมยังดูเหมือนจะไม่ค่อยชอบสุงสิงกับใครสักเท่าไรนัก
เขาชื่นชอบ อุลตร้าแมน มากจนถึงขนาดดูวีดีโออุลตร้าแมนซ้ำไปซ้ำมาตั้งไม่รู้กี่รอบ
และยังมีสินค้าของอุลตร้าแมนมากมายวางเอาไว้อยู่เต็มห้อง
จากการที่เขาได้พบกับ กามุ จึงทำให้เขาเติบโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้น
และได้มีบทบาทในการช่วยเหลือ ไกอา ที่กำลังตกอยู่ในสภาวะวิกฤติ
จากการรุมเล่นงานของสัตว์ประหลาดทั้ง 3
สุดท้ายถึงแม้ว่าเขาจะทำใจลำบากที่จะต้องทำให้ลูกแก้วสีแดงหายไป
แต่เขาก็ตัดใจได้ในที่สุด ( ผู้รับบท : ฮามาดะ งาคุ )
นานาเซะ ริสะ : เด็กหญิงที่จู่ๆก็ย้ายโรงเรียนมาอยู่ในชั้นเดียวกับซึโตมุ
เธอมีพฤติกรรมที่แตกต่างออกไปจากเด็กคนอื่นๆทั่วไป
และมีรูปร่างหน้าตาเหมือนกับเด็กผู้หญิงลึกลับที่ ซึโตมุ ได้พบเห็นในตอนต้นเรื่อง
ซึ่งแท้จริงแล้วเธอคือร่างจำแลงของลูกแก้วสีแดงนั่นเอง
แต่พอพลังงานแห่งความปรารถนาที่อัดแน่นอยู่ในลูกแก้วหมดลงจนเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงิน
เธอก็สลายหายไป แต่ทว่าในตอนสุดท้ายของเรื่อง นานาเซะ ริสะ ตัวจริง
ก็เพิ่งจะย้ายโรงเรียนเข้ามาอยู่ในชั้นเรียนเดียวกับซึโตมุ
อนึ่ง,ร่างจำแลงของลูกแก้วสีแดงนั้นเป็นนิสัยในด้านมืดส่วนหนึ่งของตัวจริง
( ผู้รับบท : ไซโต้ มาอิ )
ฮิรามะ ยู : เพื่อนของซึโตมุที่มักจะแสดงท่าทีเบื่อหน่ายกับเรื่องที่ ซึโตมุ ชอบมาเล่าให้ฟัง
หลังจากที่เขาถูกลูกแก้วสีแดงเข้าครอบงำจิตใจแทนพวกฮิโรชิแล้ว
เขาก็ได้เรียก สคิวล่าร์ กับ บาซิลลิส ออกมาเพื่อไล่ต้อน ไกอา ให้ตกอยู่ในสภาวะคับขัน
( ผู้รับบท : อิริโนะ มิยุ )
คาชิมาดะ ฮิโรชิ : เด็กนิสัยเสียที่ชอบคุยโตโอ้อวดกับ ซึโตมุ เป็นประจำ และมีนิสัยชอบแย่งของๆคนอื่น
ถึงแม้เขาจะพูดล้อ ซึโตมุ ว่าให้เลิกบ้าอุลตร้าแมนสักที
แต่พอ ซาตานบิซาร์ ปรากฎตัวขึ้นมา
เจ้าตัวกลับบอกส่วนสูงกับน้ำหนักของมันได้อย่างแม่นยำซะงั้น
นั่นจึงเป็นการแสดงให้เห็นว่าเขาเองก็เป็นแฟนพันธุ์แท้ตัวยงเรื่องสัตว์ประหลาดไม่แพ้กัน
ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ค่อยชอบอุลตร้าแมนสักเท่าไหร่นัก
โดยสังเกตุเห็นได้จากตอนที่ ซาตานบิซาร์ ถูก ไกอา กำจัดลงไปแล้ว
เขาก็พูดในทำนองเจ็บใจว่า "อีกนิดเดียวแท้ๆ"
หรือในตอนที่เขาถูกลูกแก้วสีแดงเข้าครอบงำจิตใจแล้ว
เขาก็แสดงความเป็นปฏิปักษ์ต่ออุลตร้าแมนที่เก็บซ่อนอยู่ภายในจิตใจออกมาอย่างชัดเจน
และคิดว่านี่อาจจะเป็นแรงจูงใจที่ทำให้เขารู้สึกไม่พอใจ ซึโตมุ ที่ชื่นชอบอุลตร้าแมนนัก
แต่เขาก็พอจะรู้จักชื่อของอุลตร้าแมนบ้าง
ความฝันของเขาคือการได้เป็นนักปั้นโมเดลอันดับหนึ่งของญี่ปุ่น
ตอนที่เขาถูกลูกแก้วสีแดงครอบงำจิตใจอยู่นั้น ซึโตมุ ได้ใช้ตัวพุ่งเข้าชน
เพื่อให้เขาหลุดจากการครอบงำได้สำเร็จ
และทำให้พวก โคเฮย์ กับ วาตารุ ได้สติกลับคืนมาด้วย
แล้วสุดท้ายเขาก็ได้หันมาช่วยให้กำลังใจ ซึโตมุ ที่เกือบจะถอดใจ
ว่า "อย่ายอมแพ้จนถึงนาทีสุดท้ายนะ" ( ผู้รับบท : ซาโต้ ยูตะ )
นากาฮาระ โคเฮย์ : เพื่อนของฮิโรชิที่มักจะคอยติดสอยห้อยตามเขาอยู่ข้างหลังตลอด
ปกติพวกเขาจะชอบรวมกลุ่มกันเป็นทีม 3 คน ซึ่งเขาจะเป็นคนที่มีแรงเยอะที่สุดในทีม
( ผู้รับบท : ทาคิโมโตะ ฮิโรโตะ )
โคซึงิ วาตารุ : เพื่อนอีกคนหนึ่งในกลุ่มของ ฮิโรชิ ที่มักจะคอยพูดทวนคำพูดของฮิโรชิ
ในเวลาที่เขาคุยกับ ซึโตมุ เป็นประจำ ( ผู้รับบท : ซึงิตะ ยูคิ )
สัตว์ประหลาดที่ปรากฎในหนังโรง Ultraman Tiga & Dyna & Gaia
อสูรร่างพิศดาร SATAN BIZARRE
ความสูง : 67 เมตร
น้ำหนัก : 5 หมื่นตัน
สถานที่ปรากฎ : โลกมาร ZARRE LAND
อาวุธ : ลำแสงทำลายพันองศา , กรงเล็บอันแหลมคม
ลักษณะพิเศษ : สัตว์ประหลาดที่ปรากฎใน อุลตร้าแมนไกอา ตอนที่ 13 "สัตว์ประหลาดปีศาจ"
( ในโลกของซึโตมุ ในซีรีส์จริงๆจะปรากฎตัวในตอนที่ 42 )
มันปรากฎตัวขึ้นมาจากความต้องการของ ฮิโรชิ ที่หมายจะกลั่นแกล้งซึโตมุ
เด็กชายผู้เก็บลูกแก้วสีแดงได้
แต่สุดท้ายก็ถูกไกอา V2 จัดการลงด้วยท่า "โฟตอน เอดจ์"
อสูรสมุทรกรามยักษ์ SCULLA
ความสูง : 73 เมตร
น้ำหนัก : 5 หมื่น 6 พันตัน
สถานที่ปรากฎ : Brain World โลกในจินตนาการของ นากาฮาระ โคเฮย์
อาวุธ : ซีเคร็ทจอว์ , สคิวรัช
ลักษณะพิเศษ : ตุ๊กตาสัตว์ประหลาดที่ นากาฮาระ โคเฮย์ หนึ่งในลูกน้องของฮิโรชิ เป็นคนปั้นขึ้นมา
และถูกสร้างให้มีตัวตนขึ้นจริงจากลูกแก้วสีแดง พร้อมกับสัตว์ประหลาดอีกตัวหนึ่ง บาซิลลิส
( สคิวล่าร์ เกิดออกมาจากช่วงท้องของ คิงส์ออฟมอนส์ ส่วน บาซิลลิส เกิดมาจากส่วนปีก )
มันต่อสู้กับ ทีก้า ใต้น้ำและถูก ลำแสงเซเปเรี่ยน จัดการลง
จอมอสูรปักษา BASILISS
ความสูง : 69 เมตร
น้ำหนัก : 4 หมื่น 5 พันตัน
สถานที่ปรากฎ : Brain World โลกในจินตนาการของ โคซึงิ วาตารุ
อาวุธ : อาร์มคลิปเปอร์ , บิลสแมช , บารุบาริบอล
ลักษณะพิเศษ : สัตว์ประหลาดที่แยกร่างออกมาจาก คิงส์ออฟมอนส์ พร้อมกับ สคิวล่าร์
เป็นตุ๊กตาที่ โคซึงิ ปั้นขึ้น เพื่อมาต่อสู้กับ ไดน่า ในอวกาศ และพ่ายแพ้ให้กับลำแสงโซลเจนท์
สุดยอดอสูรรวมร่าง KING OF MONS
ความสูง : 83 เมตร
น้ำหนัก : 8 หมื่น 2 พันตัน
สถานที่ปรากฎ : Brain World โลกในจินตนาการของ คาชิมาดะ ฮิโรชิ
อาวุธ : เคลเมทบีม , โบนชิลด์ , ชาร์คแฟงก์
ลักษณะพิเศษ : สัตว์ประหลาดที่ คาชิมาดะ ฮิโรชิ ปั้นขึ้นมาและกลายร่างมีชีวิตจริงได้ด้วยลูกแก้วสีแดง
ที่เขาชิงมาจาก ซึโตมุ
ปีกและเขี้ยวที่ท้องนั้น เขาเอาความคิดมาจาก โคซึงิ และ โคเฮย์ มารวมกัน
สุดท้ายมันต้องพ่ายแพ้ให้กับท่า โฟตอนสตรีม ของไกอาสุพรีมเวอร์ชั่น
*********************************************************************
*********************************************************************
อุลตร้าแมนทีก้า
THE FINAL ODYSSEY
ภาพยนตร์ภาคปิดตำนานของ อุลตร้าแมนทีก้า ภาคทีวีซีรีส์ ซึ่งถือเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนเหตุการณ์ในซีรีส์อุลตร้าแมนไดน่า และมีการกล่าวถึงที่มาที่ไปของ "โครงการ F" ที่พูดถึงในซีรีส์ อุลตร้าแมนไดน่า ตอนที่ 49 ด้วยว่าเหตุใดโครงการนี้จึงต้องถูกปิดผนึกเอาไว้
เหตุผลที่ผลงานเรื่องนี้เพิ่งจะถูกถ่ายทำและลงโรงฉายภายหลังจากที่ทีวีซีรีส์ อุลตร้าแมนไดน่า และ อุลตร้าแมนไกอา ฉายจบลงไปแล้วนั้นเป็นเพราะว่า อุลตร้าแมนทีก้า เป็นซีรีส์ที่ได้รับความนิยมมากแม้ว่าจะมีการออกอากาศจบลงไปแล้ว ประกอบกับ คุณนางาโนะ ฮิโรชิ นักแสดงนำมีคิวงานแน่นมาตั้งแต่ตอนที่ทีวีซีรีส์ อุลตร้าแมนทีก้า กำลังออกอากาศอยู่ จึงไม่สามารถถ่ายทำภาพยนตร์ที่มี ทีก้า เป็นตัวแสดงนำหลักควบคู่ไปกับตอนที่กำลังแพร่ภาพทีวีซีรีส์ได้ ซึ่งนี่เป็นคำบอกเล่าของประธาน ซึบุรายะ คาสึโอะ ในขณะที่ไปออกรายการวิทยุที่มีศิลปินกลุ่ม V6 เป็นผู้ดำเนินรายการ นั่นจึงทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้กลายเป็นผลงานภาพยนตร์เรื่องแรกของซีรีส์อุลตร้าแมนยุคเฮเซย์ที่ไม่ได้ลงโรงฉายพร้อมกับทีวีซีรีส์
อีกทั้งเสียงของ ทีก้า ในเรื่องนี้ยังได้ให้ คุณนางาโนะ ฮิโรชิ นักแสดงนำเป็นผู้ให้เสียงพากย์แทน คุณมาจิ ยูจิ ซึ่งเคยรับหน้าที่เป็นผู้พากย์เสียงของ ทีก้า ในทีวีซีรีส์มาก่อน ( ซีรีส์ไตรภาคอุลตร้าแมนยุคเฮเซย์ที่เหลือไม่ว่าจะเป็นไดน่า , ไกอา ต่างก็ให้นักแสดงนำเป็นผู้พากย์เสียงอุลตร้าแมนเองทั้งหมด ) และอย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้นแล้วว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อน ไดน่า ดังนั้นจึงได้มีการให้ตัวละครที่จะกลายมาเป็นสมาชิกทีม SUPER GUTS ในภายหลังมาปรากฎตัวในเรื่องนี้เพื่อเป็นการเกริ่นนำด้วย
อุลตร้าแมนทีก้า The Final Odyssey ได้ลงโรงฉายตามโรงภาพยนตร์ในเครือ Shouchiku ทั่วประเทศญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 11 มี.ค. 2000
ตัวละครที่ปรากฏ
ยูซาเร : หัวหน้ากลุ่มพิทักษ์โลกเมื่อ 30 ล้านปีก่อน คงเพราะยีนพันธุกรรมของเธอ
ที่สืบทอดไปยัง อิรุมะ มีเชื้อแรง เลยทำให้รูปร่างหน้าตาของเธอเหมือนกับอิรุมะ
( ผู้รับบท : ทาคาคิ มิโอะ )
ฮิบิคิ โกสุเกะ : ผู้ที่เคยผ่านการเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของ TPC
จนได้มาดำรงตำแหน่งเป็นครูฝึกแห่งศูนย์ฝึกเจ้าหน้าที่ ZERO
และคอยปฏิบัติหน้าที่สนับสนุนการรบให้กับทีม GUTS ( ผู้รับบท : คิโนะโมโตะ เรียว )
โคดะ โทชิยูกิ : เจ้าหน้าที่ฝึกหัดจากศูนย์ฝึก ZERO ผู้มีบุคลิกสุขุมเยือกเย็น
และปฏิบัติงานตามคำสั่งของครูฝึก ฮิบิคิ ได้อย่างถูกต้อง ( ผู้รับบท : ฟุคาวะ โทชิคาซึ )
คาริยะ โคเฮย์ : หนึ่งในเจ้าหน้าที่ฝึกหัดผู้โจมตีฝูง ซีบิตซอยเกอร์ ที่กำลังรุมเล่นงานยานอาร์ทเดซเซย์
ตามคำสั่งของครูฝึกฮิบิคิ ( ผู้รับบท : คาเซะ ทาคาโอะ )
ยูมิมูระ เรียว : เจ้าหน้าที่ฝึกหัดหญิงผู้มีทักษะในการบินที่ดีเลิศและสามารถโจมตีเข้าเป้าได้ทุกนัด
( ผู้รับบท : ไซโต้ ริสะ )
นากาจิมะ ซึโตมุ : นักวิทยาศาสตร์ที่สังกัดอยู่ในฐานทัพใหญ่ของ TPC
ผู้ตื่นตระหนกกับความมืดที่กำลังแผ่ขยายออกไปเป็นวงกว้าง ( ผู้รับบท : โอโนเดระ โจ )
มิโดริคาวะ ไม : เด็กสาวชั้นมัธยมปลายที่บังเอิญไปพบเห็นท้องฟ้าที่ถูกความมืดมิดปกคลุม
พร้อมกับพวกเพื่อนๆ ( ผู้รับบท : ยามาดะ มารียะ )
อาสึกะ ชิน : เจ้าหน้าที่ของ TPC ซึ่งยังไม่รู้ว่าตนคือ "ผู้สืบทอดแห่งแสง" ( ผู้รับบท : ซึรุโนะ ทาเคชิ )
TIGA DARK
ความสูง : 55 เมตร ( สามารถย่อร่างได้ในระดับไมโคร )
น้ำหนัก : 4 หมื่น 5 พันตัน
สถานที่กำเนิด : ไม่ปรากฎแน่ชัด
ความเร็วในการบิน : 2.5 มัค
ความเร็วในการวิ่ง : 900 กม./ชม.
ความเร็วเมื่ออยู่ในน้ำ : 900 กม./ชม.
พลังกระโดด : 400 เมตร
ลักษณะพิเศษ : ร่างของทีก้าในสมัยที่ยังเป็นมนุษย์ยักษ์แห่งความมืดที่แข็งแกร่งที่สุดเมื่อ 30 ล้านปีก่อน
ซึ่งมีพลังแห่งความมืดซ่อนเร้นอยู่
ทว่า ไดโกะ กลับปฏิเสธพลังนั้นจึงทำให้เขาต้องต่อสู้กับเหล่ามนุษย์ยักษ์แห่งความมืด
อย่างยากลำบาก โดยที่ไม่สามารถแสดงพลังนั้นออกมาได้อย่างเต็มที่
แต่สุดท้าย ไดโกะ ก็สามารถพิชิตมนุษย์ยักษ์แห่งความมืด
และนำแสงสว่างกลับคืนมาได้อีกครั้งเหมือนเช่นในอดีต
ที่ ทีก้า ได้สัมผัสถึงจิตใจของ ยูซาเร และตัดสินใจละทิ้งความมืดไป
TIGA TORNEDO
ความสูง : 55 เมตร ( สามารถย่อร่างได้ในระดับไมโคร )
น้ำหนัก : 4 หมื่น 5 พันตัน
สถานที่กำเนิด : ไม่ปรากฎแน่ชัด
ความเร็วในการบิน : 3 มัค
ความเร็วในการวิ่ง : 1 มัค
ความเร็วเมื่ออยู่ในน้ำ : 1 มัค
พลังกระโดด : 450 เมตร
ลักษณะพิเศษ : ร่างที่เกิดจากการรับเอาพลังงานของ มนุษย์ยักษ์แห่งความมืด ดารัม
มาแปรเปลี่ยนให้เป็นแสงสว่าง
ร่างนี้เทียบได้กับ พาวเวอร์ไทป์ ซึ่งจะใช้พละกำลังอันมหาศาลและท่าต่อสู้ระยะประชิด
ในการไล่ต้อนศัตรูให้จนมุม แต่เสียที่เคลื่อนไหวได้เชื่องช้า
สุดท้ายเขาได้ใช้ท่าธารแสง เดราเซี่ยม ซึ่งเปี่ยมด้วยพลังความร้อนมหาศาลจัดการ ดารัม
จนแหลกเป็นผุยผง
TIGA BLAST
ความสูง : 55 เมตร ( สามารถย่อร่างได้ในระดับไมโคร )
น้ำหนัก : 4 หมื่น 5 พันตัน
สถานที่กำเนิด : ไม่ปรากฎแน่ชัด
ความเร็วในการบิน : 7 มัค
ความเร็วในการวิ่ง : 1.5 มัค
ความเร็วเมื่ออยู่ในน้ำ : 1 มัค
พลังกระโดด : 900 เมตร
ลักษณะพิเศษ : ร่างที่ 3 ของ ทีก้า ซึ่งพัฒนาการมาจากการเปลี่ยนพลังท่าไม้ตายของ ฮิวดร้า
ให้กลายเป็นแสงสว่าง
เมื่อดูจากโทนสีแล้วร่างนี้จะมีความใกล้เคียงกับ มัลติไทป์
แต่ถ้าเทียบจากความสามารถแล้วจะเหมือนกับ สกายไทป์
ซึ่งจะใช้กระสุนแสง รันบัลทต์ กำจัดความชั่วร้ายให้พินาศสิ้นไปอย่างรวดเร็ว
สุดยอดนักรบยุคโบราณ
เดิมทีพวกเขาเคยเป็นมนุษย์ยักษ์แห่งแสงที่คอยปกป้องโลกเมื่อครั้งอดีตกาล แต่ต่อมากลับเกิดความขัดแย้งขึ้นในหมู่พวกเขาแล้วหันมาสู้รบกันเองจนบาดเจ็บล้มตายกันไป แล้วกลายมาเป็นรูปปั้นหินที่ผุพังอยู่ในซากโบราณสถานลูลูอิเอะ แต่หลังจากนั้นพวกเขาก็ได้ปลดปล่อยแสงสว่างที่คาดว่า ทีก้า น่าจะใช้หมดไปในขณะที่กำลังเผชิญกับวิกฤติออกมาเพื่อมอบพลังให้กับทีก้า นั่นจึงแสดงให้เห็นว่าแท้ที่จริงแล้วพวกเขายังคงอยู่ฝ่ายธรรมะ
สัตว์ประหลาดที่ปรากฎในหนังโรง Ultraman Tiga The Final Odyssey
นักรบจอมพลัง DARRAMB
ความสูง : 62 เมตร
น้ำหนัก : 6 หมื่น 8 พันตัน
สถานที่ปรากฎ : ซากโบราณสถาน ลูลูอิเอะ
อาวุธ : ไฟเยอร์ แม็กนั่ม
ลักษณะพิเศษ : มนุษย์ยักษ์แห่งความมืด ผู้มีความภาคภูมิใจในพละกำลังของตน
และจู่โจมด้วยท่วงท่าที่เปี่ยมไปด้วยพลัง
ร่างกายของมันจะมีเกราะเหล็กกล้าคอยคุ้มกันอยู่จึงสามารถโจมตีศัตรูได้โดยไม่หวั่นเกรง
ต่อการโจมตีอันรุนแรงของอีกฝ่าย
ท่าไม้ตายทีเด็ดของมันคือ ไฟเออร์แมกนั่ม ซึ่งเป็น คลื่นเพลิงกระแทก ที่เข้าจู่โจมศัตรู
โดยการปล่อยพลังให้ไหลไปตามพื้นสู่เป้าหมาย
แม้จะเป็นตอนที่อยู่ในร่างมนุษย์ มันก็ยังคงใช้พละกำลังอันมหาศาลเข้าเล่นงาน ไดโกะ
เสียจนสะบักสะบอม และติดนิสัยชอบเรียกอีกฝ่ายว่า "มาย เฟรนด์"
นักรบแห่งความปราดเปรียว HUDRA
ความสูง : 57 เมตร
น้ำหนัก : 5 หมื่น 2 พันตัน
สถานที่ปรากฎ : ซากโบราณสถาน ลูลูอิเอะ
อาวุธ : ฮิวกัสต์
ลักษณะพิเศษ : มนุษย์ยักษ์แห่งความมืด ผู้มีนิสัยโหดเหี้ยม
และมักจะชอบพูดว่า "ข้าอยากจะทำให้มันต้องหวีดร้องด้วยความหวาดกลัว"
มันได้อาศัยความคล่องตัวและความเร็วในการบินกลางอากาศถึง 7 มัค
ลากศัตรูให้เข้าสู่ มิติมายา ลูเมชั่น จากนั้นมันจะสวมอาวุธที่แขนขวา
แล้วใช้ลมกรรโชกอันรุนแรงและท่า ฮิวกัซต์ เข้าเล่นงานศัตรู
คาดว่าตัวละครนี้ผู้ออกแบบคงจะวาดขึ้นมาเพื่อให้ดูได้ความรู้สึกคล้ายกับสิ่งมีชีวิต
จำพวกสัตว์เลื้อยคลาน
นักรบแห่งความรักและเกลียดชัง CAMEARRA
ความสูง : 49 เมตร
น้ำหนัก : 3 หมื่น 9 พันตัน
สถานที่ปรากฎ : ซากโบราณสถาน ลูลูอิเอะ
อาวุธ : คามีล่า วีป , ไอซอร์ด , โปรเคอาเทค
ลักษณะพิเศษ : ผู้นำของมนุษย์ยักษ์แห่งความมืดซึ่งเคยเป็นคนรักของ ทีก้าดาร์ค ในยุคโบราณกาล
เธอยังคงต้องการจะให้มนุษยชาติสูญสิ้นเหมือนเช่นในอดีต
เธอจึงได้พยายามที่จะชักชวน ไดโกะ ให้เข้ามาเป็นพวกแต่กลับถูกเขาปฏิเสธ
ดังนั้นเธอจึงเปิดฉากต่อสู้กับ ทีก้า ด้วยแรงแค้นแรงริษยาแบบแทบคลั่ง
โดยมี คามิล่าวีป และ ไอซอร์ด เป็นอาวุธ
จอมอสูรมารทมิฬ DEMONZOUR
ความสูง : 888 เมตร
น้ำหนัก : 8 แสน 8 หมื่นตัน
สถานที่ปรากฎ : ซากโบราณสถาน ลูลูอิเอะ
อาวุธ : จาบรัช
ลักษณะพิเศษ : เมื่อ คามีล่า ได้เห็นถึงสายสัมพันธ์อันลึกซึ้งระหว่าง ไดโกะ กับ เรนะ
จึงบังเกิดจิตอำมหิตจนถึงขีดสุด แล้วเข้ารวมร่างกับความมืดที่อยู่โดยรอบ
จนเกิดเป็น ร่างอวตารแห่งความมืด ขึ้นมา
ตรงส่วนหัวของมันสามารถเผยให้เห็นร่างของ คามีล่า ได้
มันจะจู่โจมใส่ ทีก้า = ไดโกะ โดยใช้ จาร์บรัช หอกน้ำแข็งที่พ่นออกมาจากปาก
จำนวนนับไม่ถ้วนด้วยความอาฆาตแค้น
อสูรปักษาวิญญาณแค้นแห่งยุคดึกดำบรรพ์ CIBIT ZOIGER
ความสูง : 222 เซนติเมตร
น้ำหนัก : 111 กิโลกรัม
ลักษณะพิเศษ : อสูรปักษาที่ชั่วร้ายซึ่งถือกำเนิดออกมาเป็นจำนวนนับไม่ถ้วนจากซากโบราณสถาน ลูลูอิเอะ
มันสามารถบินได้ด้วยความเร็วสูงถึง 5.5 มัค
และบุกเข้าไปยังเตาพลังงานของ ยานอาร์ทเดซเซย์ จากทางช่องลม
เพื่อลดกำลังขับเคลื่อนของยานลง โดยอาศัยจำนวนที่มากกว่าเข้ากดดัน
มันจะเก็บกักความเคียดแค้นชิงชังของมนุษย์ที่มันกินเข้าไป
แล้วปรากฎเป็นกระรูปใบหน้ามนุษย์ขึ้นที่ผิวหนัง
Translated by : grandking
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น