วันอาทิตย์ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2555

Ultraman Cosmos & Ultraman The Movie

อุลตร้าแมนคอสมอส
THE FIRST CONTACT


   หนังโรงภาคแรกของ อุลตร้าแมนคอสมอส ซึ่งจะกล่าวถึงเรื่องราวเมื่อ 8 ปีก่อน ตอนที่ มุซาชิ ได้พบเจอกับอุลตร้าแมนคอสมอส เป็นครั้งแรก ก่อนที่เรื่องราวในภาคทีวีซีรีส์จะเริ่มต้นขึ้น ในเรื่องนี้ผู้คนทั่วไปจะมองว่า "อุลตร้าแมน" ก็เป็นเพียงแค่เรื่องในนิทานหลอกเด็กเหมือนกับ "ซานตาคลอส" เท่านั้น แต่ มุซาชิ เป็นเด็กเพียงคนเดียวที่เชื่อว่า อุลตร้าแมน นั้นมีอยู่จริง และไม่มีใครยอมเชื่อว่าเขาได้ไปพบกับ อุลตร้าแมนคอสมอส มา
   อุลตร้าแมนคอสมอส THE FIRST CONTACT ได้ฤกษ์ลงโรงฉายไปเมื่อวันที่ 20 ก.ค. 2001 โดยมีบริษัท Shochiku Co.,Ltd. เป็นผู้จัดจำหน่ายภาพยนตร์ หลังจากนั้นจึงได้มีการออกวางจำหน่ายในรูปแบบของ DVD เมื่อวันที่ 25 เม.ย. 2002

ตัวละครหลัก


ฮารุโนะ มุซาชิ : เด็กนักเรียนชั้นประถมปีที่ 5 ผู้มีความใฝ่ฝันว่าอยากจะเป็นนักบินอวกาศ
                      เขาได้พบกับ อุลตร้าแมนคอสมอส ในขณะที่เขากำลังออกไปสังเกตดูดวงดาว
                      ( ผู้รับบท : โตไค โคโนะสุเกะ )



มาริ : เพื่อนร่วมชั้นเรียนเดียวกันกับมุซาชิที่ถูก ชายล์บัลตั้น ซิลบี้ เข้าสิง
        ( ผู้รับบท : อูโนะ อายูมิ )


องค์กรพิทักษ์โลก


SRC ( Scientific Research Circle )

   องค์กรอันไร้พรมแดนระหว่างประเทศซึ่งมีหน้าที่ในการตรวจสอบวิจัยตลอดจนช่วยเหลือและคุ้มครองสัตว์ประหลาดกับมนุษย์ต่างดาว ในภาคหนังโรง อุลตร้าแมนคอสมอส THE FIRST CONTACT นั้น องค์กรนี้ยังเป็นแค่เพียงหน่วยงานอาสาสมัครภาคเอกชนเท่านั้น แต่หลังจากผ่านเหตุการณ์การบุกจู่โจมของมนุษย์ดาวบัลตั้นแล้ว องค์กรสหประชาชาติจึงได้อนุมัติให้หน่วยงานนี้เป็นองค์กรนานาชาติ จนสามารถขยายรากฐานขององค์กรออกไปให้มีขนาดใหญ่ขึ้นได้ โดยมีสาขาอยู่ที่ อเมริกาเหนือ , อลาสก้า , อเมริกาใต้ , ยุโรป , แอฟริกา , เอเชียทางตอนเหนือและใต้ , ออสเตรเลีย และ ภาคพื้นแปซิฟิกใต้ นอกจากนี้ยังมีหน่วยงานอื่นๆอาทิเช่น ศูนย์พัฒนาอวกาศ และ ศูนย์ควบคุมอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ประหลาดในหมู่เกาะคาบุรายะ ฯลฯ ตั้งอยู่ในแต่ละเขตพื้นที่ด้วย


ตราสัญลักษณ์ของหน่วย SRC




สมาชิกหน่วย

คิโมโตะ เคนซาคุ : หนึ่งในผู้ก่อตั้งของ MITI ( สถาบันวิจัยเทคโนโลยีด้านอุตสาหกรรมมินาซึคิ )

                          ผู้ดำรงตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาของ SRC และเป็นผู้รับผิดชอบในการพัฒนาเครื่องยนต์
                          กลไกต่างๆ ปกติเขาจะทำหน้าที่ในตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาลของเด็กเล่น
                          ซึ่งเขาเป็นผู้ที่สนิทสนมคุ้นเคยกับ มุซาชิ เป็นอย่างดี
                          เขาจะไม่เรียกยานยนต์และอุปกรณ์ต่างๆของ SRC ว่าเป็น "อาวุธ"
                          แต่จะเรียกว่าเป็น "ของเล่น" ซะมากกว่า ( ผู้รับบท : ฟูจิมูระ ชุนจิ )


อาคาซึกิ โนโบรุ : หัวหน้าหน่วย SRC ซึ่งอยู่ในรุ่นเดียวกับ เสนาธิการ ชิเงมูระ ของหน่วยชาร์ค
                         เมื่อสมัยที่เขายังเป็นเจ้าหน้าที่ของกองกำลังป้องกันอยู่
                         พาสเวิร์ดของเขาที่เป็นสัญญาณในกองกำลังป้องกัน คือ "ปะป๋านอนกลิ้งโคโร่"
                         ( ผู้รับบท : คาวาโนะ ทาโร่ )


คิโดะ : ผู้รับผิดชอบงานด้านเครื่องยนต์กลไกของ SRC และเป็นผู้ที่บังคับยานทรอย A
           ปกติเขาจะทำงานอยู่ในศูนย์วิจัยด้านยนตกรรม
           เขาเป็นคนที่มีนิสัยร่าเริงและมักจะเป็นผู้เรียกเสียงฮาให้กับทีมได้เป็นอย่างดี
           ในหนังโรง อุลตร้าแมนคอสมอส ภาค 2 THE BLUE PLANET
           เขาได้กลายมาเป็นหัวหน้าของทีม SEA ไปแทน ( ผู้รับบท : คาซามิ ชินโกะ )


ไรเด็น : เจ้าหน้าที่ผู้เปี่ยมไปด้วยพละกำลัง ด้วยรูปร่างภายนอกและพละกำลังอันมหาศาลของเขาแล้ว
            จึงทำให้คนอื่นๆตั้งฉายาให้เขาว่า "ไรเด็น" ซึ่งเป็นชื่อของ ไรเด็น ทาเมเอม่อน นักซูโม่ในสมัยเอโดะ
            แต่ที่จริงแล้วเขามีชื่อจริงว่า คาโอรุ ซึ่งปกติจะทำหน้าที่เป็นพ่อครัวในร้านทำขนมเค้ก
            และเจ้าตัวเองก็เป็นคนที่ชอบขนมหวานเป็นชีวิตจิตใจ ( ผู้รับบท : ไมโนะอุมิ ชูเฮย์ )


ซาคางุจิ : เจ้าหน้าที่ประจำหน่วย SRC ผู้มีความรอบรู้เรื่องทางวิชาดาราศาสตร์เป็นอย่างดี
              หน้าที่ประจำของเขาคือการเป็นกองหนุนอยู่เบื้องหลัง
              แต่ที่จริงแล้วเขาเองก็ชำนาญงานที่จำเป็นต้องใช้กำลังเหมือนกัน ( ผู้รับบท : คามาจิ ฮิโรชิ )


วาตานาเบะ เคียวโกะ : ผู้รับผิดชอบทางด้านคอมพิวเตอร์ของหน่วย SRC
                               ในยามปกติเธอจะทำหน้าที่เป็นครูสอนวิชาดนตรีในโรงเรียนประถมที่ มุซาชิ เรียนอยู่
                               ซึ่งเธอจะสวมแว่นอยู่เป็นประจำ ( ผู้รับบท : นาคายามะ เอมิลิ )


อิจิโนเซะ : เจ้าหน้าที่ประจำหน่วย SRC ซึ่งเป็นคนที่มีนิสัยนิ่งๆ
                ปกติเธอจะทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยทางด้านระบบเครื่องยนต์กลไก ( ผู้รับบท : มัตสึโมโตะ จิโยมิ )


สัตว์ประหลาดที่ปรากฎในหนังโรง Ultraman Cosmos The First Contact


ซุปเปอร์ไฮเทคโรบอต CLEVERGON
ความสูง : 60 เซนติเมตร
น้ำหนัก : 9 กิโลกรัม
สถานที่ปรากฎ : โลก
อาวุธ : ไม่มี
ลักษณะพิเศษ : มันคือหุ่นยนต์ที่ถูกมุซาชิเก็บมาจากที่ทิ้งขยะแล้วนำไปให้ ศจ.คิโมโตะ ซ่อมแซมให้
                      มันสามารถจับสัญญาณอันตรายได้อย่างรวดเร็วด้วยเสาอากาศพาลาโบร่า
                      ทั้งยังสามารถยิงลำแสงออกจากดวงตาเพื่อทำให้มองเห็นตัวจริงของ CHILD BALTAN ได้
                      นอกจากนั้น มันยังสามารถบินบนอากาศและสามารถยืดขาให้สูงขึ้นได้ถึง 130 ซม.


อสูรแห่งเวชศาสตร์ในตำนาน DONRON
ความสูง : 67 เมตร
น้ำหนัก : 6 หมื่น 7 พันตัน
สถานที่ปรากฎ : สวนสาธารณะซากโบราณ ในเขต K นิวทาวน์
อาวุธ : ยิงเปลวเพลิงออกจากปาก
ลักษณะพิเศษ : สัตว์ประหลาดในตำนานซึ่งถือเป็นผู้รับใช้ของเทพแห่งเวชศาสตร์
                      มันกลายเป็นรูปปั้นหินที่ตั้งอยู่ในสวนสาธารณะแห่งซากโบราณ
                      เดิมมันมีนิสัยที่รักสงบ แต่เพราะถูกมนุษย์ดาวบัลตั้นควบคุมจึงทำให้มันออกอาละวาด
                      มันมีพลังในการกระโดดเป็นเลิศ จนถึงกับทำให้อาคารบ้านเรือนในละแวกใกล้เคียง
                      ถูกเหยียบจนป่นปี้
                      มีคำบอกเล่ามาแต่โบราณว่าเกล็ดของมันสามารถนำมาต้มน้ำดื่มเพื่อใช้เป็นยารักษาโรคได้


CHILD BALTAN
ความสูง : 120 เซนติเมตร
น้ำหนัก : 15 กิโลกรัม
สถานที่ปรากฎ : ดาวบัลตั้น
อาวุธ : ไม่มี
ลักษณะพิเศษ : มันมาที่โลกเพื่อต้องการจะย้ายถิ่นฐานจากดาวบัลตั้นที่พังพินาศไปจนสูญสิ้น
                      โดยอาศัยเรือที่มีชื่อว่า "จันทร์ร้าง" เดินทางมา
                      มันเข้าควบคุมร่างของมาริเพื่อหวังจะช่วงชิงแร่ไพร็อกซีน
                      CHILD BALTAN ที่ปรากฎในเรื่องมีนามว่า "ซิลบี้"


นินจาอวกาศ ALIEN BALTAN
ความสูง : 50 เมตร
น้ำหนัก : 3 หมื่น 5 พันตัน
สถานที่ปรากฎ : ดาวบัลตั้น
อาวุธ : ยิงลำแสงหลากหลายชนิดออกมาจากก้ามปู , วิชาแยกร่าง
ลักษณะพิเศษ : บัลตั้นในร่างปกติจะเรียกกันว่า "BASICAL VERSION"
                      มันได้ประกาศเตือนพวกมนุษย์ว่า "โลกกำลังจะก้าวเดินสู่หนทางแห่งความหายนะ
                      เช่นเดียวกับดาวบัลตั้น"
                      เวลาบินครีบที่ด้านหลังของมันจะกลายเป็นปีก และช่วงขาของมันจะกลายเป็นอาวุธที่แหลมคม


NEO BALTAN
ความสูง : 51 เมตร
น้ำหนัก : 4 หมื่น 5 พันตัน
สถานที่ปรากฎ : ดาวบัลตั้น
อาวุธ : แส้ลำแสงจากมือซ้าย , ดาบแสงจากมือขวา
ลักษณะพิเศษ : ร่างเพิ่มประสิทธิภาพในการรบของมนุษย์ดาวบัลตั้น
                      มันสามารถเปลี่ยนมือขวาของมันให้กลายเป็นดาบเหล็กไหล
                      และเปลี่ยนมือซ้ายให้กลายเป็นหอกเพื่อใช้ในการโจมตีได้
                      นอกจากนั้นมันยังสามารถเปลี่ยนมือทั้งสองข้างให้เป็นกงเล็บตะขอได้
                      หลังจากที่มันถูกท่า BRAZING WAVE ของ คอสมอส โคโลน่าโหมด เข้าไป
                      มันจึงตัดใจจากความคิดที่จะยึดครองโลก
                      แล้วปลดปล่อยพลังงานที่มีอยู่ภายในระเบิดตนเองตายไปในที่สุด

 


*********************************************************************
*********************************************************************

อุลตร้าแมนคอสมอส
THE BLUE PLANET



   ผลงานภาพยนตร์จอเงินชุดที่ 2 ของ อุลตร้าแมนคอสมอส ซึ่งจะกล่าวถึงเรื่องราวในอีก 2 ปีให้หลังนับจากภาคทีวีซีรีส์ได้อวสานลงไป โดยสถานที่ถ่ายทำของภาคนี้หลักๆจะถ่ายทำกันบนเกาะไซปัน ความพิเศษของภาคนี้จะอยู่ที่การปรากฎตัวเป็นครั้งแรกของ อุลตร้าแมนจัสติส ซึ่งเป็นอุลตร้าแมนอีกคนหนึ่งที่ไม่ได้ไปปรากฎโฉมในทีวีซีรีส์ของคอสมอส และสิ่งที่ถือเป็นจุดเด่นอีกอย่างหนึ่งก็คือการนำเอาเหล่าดารานักแสดงที่เคยรับบทเป็น หัวหน้า , รองหัวหน้า และ ลูกทีม ในซีรีส์อุลตร้าแมนทีก้า , อุลตร้าแมนไดน่า , อุลตร้าแมนไกอา และ อุลตร้าแมนเนออส มาร่วมแสดงสมทบด้วยนั่นเอง
   อุลตร้าแมนคอสมอส 2 The Blue Planet ได้ลงโรงฉายไปเมื่อวันที่ 3 ส.ค. 2002 ซึ่งฉายควบกับ "ตำนานอุลตร้าแมนแห่งศตวรรษใหม่" ภายใต้การสนับสนุนและจัดจำหน่ายภาพยนตร์ของบริษัท Shochiku Co.,Ltd. จากนั้นจึงได้มีการจัดทำเป็น DVD ออกมาวางจำหน่ายในวันที่ 25 เม.ย. 2003
   นอกจากนี้ยังมี อุลตร้าแมนคอสมอส 2 The Blue Planet ภาคมุซาชิในวัยเด็ก ( อายุ 13 ปี ) ซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่มี มุซาชิ ในวัยเด็กเป็นตัวดำเนินเรื่องอีกด้วย โดยได้ลงโรงฉายไปเมื่อวันที่ 7 ก.ย. 2002 เฉพาะในโรงภาพยนตร์บางแห่งเท่านั้น

ULTRAMAN COSMOS SPACE COLONA MODE


ความสูง : 47 เมตร
น้ำหนัก : 4 หมื่น 2 พันตัน
สถานที่ปรากฏ : อวกาศ
ความเร็วในการบิน : ไม่สามารถวัดค่าได้เมื่ออยู่ภายนอกชั้นบรรยากาศ
ความเร็วในการวิ่ง : 3 มัค
ความเร็วเมื่ออยู่ในน้ำ : 2 มัค
พลังกระโดด : 1800 เมตร
ลักษณะพิเศษ : ร่างนี้เป็นร่าง Colona Mode ที่ใช้ในอวกาศ
                      เขาบินมาช่วยมุซาชิให้รอดพ้นจากการจู่โจมของสคอร์พิซได้ทันท่วงที
                      ถือเป็นร่างที่มีพลังความสามารถหลากหลายอีกร่างหนึ่ง


ท่าไม้ตาย และ ความสามารถพิเศษ

ลำแสงโอเว่อร์ลูป : ลำแสงท่าไม้ตายของ สเปซโคโลน่าโหมด ที่จะรวบรวมพลังงานในอวกาศเอาไว้ที่แขน
                           ทั้งสองข้าง ก่อนที่จะปล่อยออกไปหาศัตรู ซึ่งท่านี้เป็นท่าที่เขาใช้ในการกำจัดสคอร์พิซ


สเปซโคโลน่า สตรัค : ลำแสงอัดกระแทกที่ คอสมอส ยิงออกมา
                              เพื่อหักล้างกับกระสุนแสงของ โกรเคอร์ บอร์น


สเปซโคโลน่า รีเซปท์ : ท่าที่ใช้มือปัดป้องการโจมตีของคู่ต่อสู้
                                ซึ่ง คอสมอส จะใช้ท่านี้ในการปัดกระสุนแสงของ โกรเคอร์ บอร์น


สเปซโคโลน่า คิก : ท่าเตะที่จะมีอยู่หลากหลายรูปแบบด้วยกัน

                           อาทิเช่น เทนเดอร์คิก ซึ่งเป็นท่าที่จะกระโดดพุ่งเข้าถีบอย่างรวดเร็ว
                           และ ซัคเซสชั่นคิก ที่เป็นท่าเตะต่อเนื่อง และยังมีท่าอื่นๆอีกมากมาย


ULTRAMAN COSMOS SKELTON COLONA MODE


ความสูง : 47 เมตร
น้ำหนัก : 4 หมื่น 2 พันตัน
สถานที่ปรากฏ : อวกาศ
อาวุธ : ไม่มี
ลักษณะพิเศษ : ร่างของคอสมอสในภาพลวงตาที่มุซาชิเห็นเพียงชั่วเสี้ยววินาทีบนเกาะไซปัน
                      เป็นร่างที่ปรากฏขึ้นในจิตใจของมุซาชิที่ได้แต่ทนยืนดู เรย์จา ต่อสู้กับ สคอร์พิซ
                      อย่างยากลำบาก


ULTRAMAN JUSTICE STANDARD MODE

ความสูง : 46 เมตร
น้ำหนัก : 4 หมื่น 1 พันตัน
สถานที่ปรากฏ : อวกาศ
ความเร็วในการบิน : 13 มัค
ความเร็วในการวิ่ง : 3.5 มัค
ความเร็วเมื่ออยู่ในน้ำ : 2 มัค
พลังกระโดด : 1600 เมตร
ลักษณะพิเศษ : เขาคืออุลตร้าแมนที่ช่วยยานอวกาศของพวกเชาว์ให้รอดพ้นจากการตามล่าของฝูงสคอร์พิซ
                      และมีเรื่องของเขาถูกเล่าขานเป็นตำนานบนดาวแกซี่ว่า
                      "ในอวกาศมีเทพผู้เปล่งประกายแสงอันเจิดจรัสอยู่"
                      เขาได้บินลงมาร่วมต่อสู้และแบ่งพลังให้แก่คอสมอส ในขณะที่คอสมอสกำลังได้รับบาดเจ็บ
                      จากการต่อสู้กับแซนด์ลอส
                      ร่างนี้ถือเป็นร่างที่ถนัดในการต่อสู้แบบระยะประชิด


ท่าไม้ตาย และ ความสามารถพิเศษ

ลำแสงวิคตอเรี่ยม : ลำแสงอัดกระแทกซึ่งเป็นท่าไม้ตายของ จัสติส สแตนดาร์ดโหมด
                           โดย จัสติส จะยื่นแขนทั้งสองข้างมาไว้ข้างหน้า ก่อนที่จะปล่อยท่าไม้ตายนี้ออกไป
                           ท่านี้เป็นท่าที่เขาใช้กำจัด แซนด์ลอส โดยการยิงออกไปพร้อมกับ ลำแสงคอสเมี่ยม
                           ของคอสมอส


ไลท์เอฟเฟคเตอร์ : คลื่นพลังงานแสงที่สามารถทำให้ศัตรูสลายกลายเป็นไอได้ในชั่วพริบตา
                           จัสติสได้ใช้ท่านี้ในการกำจัด สคอร์พิซ 2 ตัวไปในอวกาศ
                           เพื่อช่วยเหลือ ชาวดาวแกซี่ ที่กำลังโดนพวกมันไล่กวด


ดาร์จริ่ง แอโร่ว์ : ศรแสงที่ จัสติส จะเล็งไปที่จุดตายของคู่ต่อสู้
                       ซึ่งเป็นท่าที่เขาใช้โจมตี แซนด์ลอส เพื่อช่วยเหลือคอสมอส


จัสติสสแมช : กระสุนแสงที่จะโจมตีใส่ช่องโหว่ของคู่ต่อสู้โดยการยิงออกมาจากหมัดขวา
                    ท่านี้เป็นท่าที่เขาใช้ในตอนที่สู้กับคอสมอส



จัสติส รีมูฟเวอร์ : ลำแสงที่ยิงออกมาจากแขนซ้ายของ จัสติส
                        เพื่อช่วยในการปลดผนึกหรือบาเรียของอีกฝ่ายหนึ่ง
                        ซึ่ง จัสติส ได้ใช้ท่านี้ในการทำให้ โกรเคอร์ บอร์น ที่โดน ลำแสงซัสเพนต์ช็อต
                        ของ คอสมอส จนหยุดชะงักไปกลับมาทำงานได้อีกครั้ง



ตัวละครหลัก

ฮารุโนะ มุซาชิ : หลังจากที่เขาได้ลาจาก คอสมอส ไปในภาคทีวีซีรีส์แล้ว เขาก็ได้ลาออกจากทีม EYES

                      แล้วย้ายไปสังกัดอยู่ที่ศูนย์พัฒนาอวกาศของ SRC แทน จนเขาได้กลายนักบินอวกาศ
                      สมดังความปรารถนา เขาได้พบกับ คิโดะ อดีตเจ้าหน้าที่ของ SRC อีกครั้งบนเกาะไซปัน
                      ที่เขาได้เดินทางไปร่วมพิธีวิวาห์ของซึโตมุ จนได้กลายมาเป็นเจ้าหน้าที่ชั่วคราวของทีม SEA
                      แล้วหลังจากนั้นเขาก็ได้พบกับ คอสมอส และรวมร่างกันอีกครั้ง
                      ในขณะที่ สคอร์พิซ ไปปรากฎตัวขึ้นที่คิวชู
                      ภาคนี้ มุซาชิ จะมีอายุ 22 ปี ( ผู้รับบท : ซึงิอุระ ไทโย )


คาวาเซะ มาริ : เพื่อนร่วมชั้นเรียนเดียวกันกับ มุซาชิ ในสมัยที่อยู่ชั้นประถม
                     เธอได้กลายเป็นเพื่อนทางเมลล์กับ ซิลบี้ มนุษย์ดาวบัลตั้น ที่รู้จักกัน
                     ในภาค THE FIRST CONTACT ซึ่งเธอก็ได้รู้จักกับ ชาวดาวแกซี่ ผ่านทางเขา
                     ( ผู้รับบท : นิชิมูระ มิโฮะ )


องค์กรพิทักษ์โลก

TEAM SEA


   หน่วยสำรวจและคุ้มครองสัตว์ประหลาดที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านสมุทรศาสตร์ซึ่งมี คิโดะ หนึ่งในออริจินัลเซเว่นของ SRC เป็นผู้นำทีม โดยมีศูนย์บัญชาการอยู่ที่ เกาะโรต้า ในหมู่เกาะมารีอาน่า สมาชิกทุกคนในทีมนี้จะใส่ชุดฟอร์มแขนสั้นเพื่อให้เหมาะกับสภาวะอากาศของประเทศทางตอนใต้ และจะใช้ปืน ราวน์เดอร์ช็อต เหมือนกับ TEAM EYES เป็นอาวุธ


ตราสัญลักษณ์ของ TEAM SEA


สมาชิกหน่วย

คิโดะ : อดีตหนึ่งในสมาชิกของ SRC ซึ่งดูเหมือนว่าเขาจะเป็นคนที่สุขุมขึ้น
           กว่าตอนสมัยที่เขายังเป็นเจ้าหน้าที่ของ SRC
           แต่ฝีมือทางด้านเครื่องยนต์กลไกของเขาก็ยังไม่ได้ด้อยลงไปจากเดิมเลย
           โดยเขาได้เป็นผู้พัฒนายาน ทรอย S ขึ้นมา ( ผู้รับบท : คาซามิ ชินโกะ )


ฮิวงะ : เจ้าหน้าที่หญิงเพียงคนเดียวของทีมซึ่งรับหน้าที่ในการบังคับยานต่างๆให้กับทีม SEA
          เธอไม่ได้เก่งแต่เพียงการบังคับ ยานมารีนไดเวอร์ เท่านั้น
          แต่แม้แต่ยานทรอย AS เองเธอก็สามารถบังคับได้อย่างไม่รู้สึกยากเย็นอะไร ( ผู้รับบท : ไซโต้ ริสะ )


คะโน : ผู้เชี่ยวชาญทางด้านชีววิทยาในมหาสมุทร เขาเป็นผู้ชายมาดนิ่งที่ถนัดในด้านการใช้คอมพิวเตอร์
          ( ผู้รับบท : คาเซะ ทาคาโอะ )


มาคาเบะ : เจ้าหน้าที่ผู้รับหน้าที่ในการเชื่อมต่อข้อมูล เขาออกจะเป็นคนที่มีนิสัยเซ่อซ่าซุ่มซ่าม
                และเป็นคนที่ขี้กลัวอีกต่างหาก ( ผู้รับบท : นาคามูระ โคจิ )


สัตว์ประหลาดที่ปรากฎในหนังโรง Ultraman Cosmos The Blue Planet


สัตว์ประหลาดใต้สมุทร RAYJA
ความสูง : 72 เมตร
น้ำหนัก : 4 หมื่นตัน
สถานที่ปรากฏ : ใต้ทะเลในอ่าวไซปัน
อาวุธ : คลื่นกระสุนทียิงออกจากปาก , โอชาไรเซอร์
ลักษณะพิเศษ : สัตว์ประหลาดที่อาศัยอยู่บนโลกซึ่งมีลักษณะรูปร่างคล้ายปลากระเบน
                      มันจะแหวกว่ายอยู่ในมหาสมุทรบริเวณใกล้กับเกาะไซปัน
                      มันสามารถรวมร่างกับชาวดาวแกซี่เพื่อเปลี่ยนเป็นร่างสำหรับใช้ในการต่อสู้ได้
                      ตัวที่รวมร่างกับ เชาว์ ตรงส่วนหัวเป็นสีแดง ส่วน จีน จะเป็นสีน้ำเงิน
                      ออกมาปรากฏตัวเพื่อต่อสู้กับฝูงสคอร์พิซ

เรย์จา ( เชาว์ )


เรย์จา ( จีน )


สัตว์ประหลาดสรรพาวุธ SCORPIS
ความสูง : 54 เมตร
น้ำหนัก : 6 หมื่น 1 พันตัน
สถานที่ปรากฏ : มิติเวลา
อาวุธ : Flazyred Bomb
ลักษณะพิเศษ : สัตว์ประหลาดที่ถูกแซนด์ลอสสร้างขึ้นเป็นจำนวนมากเพื่อใช้ในการบุกโลก
                      พวกมันได้บินผ่านและเข้าทำลายดวงดาวต่างๆมามากมายจนบุกมาถึงโลกได้สำเร็จ
                      มันสามารถยิงกระสุนแสง Poizonic ซึ่งทำให้ป่าอันเขียวขจีกลายเป็นทะเลทรายที่แห้งแล้งได้
                      ทั้งยังสามารถสะบัดหางที่มีพิษรุนแรงพุ่งเสียบศัตรูได้
                      กลุ่มของพวกมันราว 20 ตัว ใช้วิธีระเบิดตัวเองเพื่อทำลายบาเรียสนามแม่เหล็กบุกลงมายังโลก


สิ่งมีชีวิตพิศดาร SANDLOSS
ความสูง : 67 เมตร
น้ำหนัก : 8 หมื่น 5 พันตัน
สถานที่ปรากฏ : มิติเวลา
อาวุธ : กระสุนแสงทำลายที่ยิงออกจากปาก , คลื่นพลังอันรุนแรงที่ยิงจากมือ
ลักษณะพิเศษ : จอมมารอสูรแห่งความหายนะที่ชื่นชอบสภาพแวดล้อมที่เป็นทะเลทราย
                      มันได้ทำลายดวงดาวต่างๆมานับไม่ถ้วน
                      ปกติแล้วมันจะหลบซ่อนตัวอยู่ในมิติเวลาในรูปแบบของพลังงานที่เป็นกลุ่มก๊าซจำนวนมาก
                      มันสามารถใช้ความมืดปกคลุมบริเวณโดยรอบแล้วใช้ดาบทมิฬ Black Roubel ลอบจู่โจม
                      อุลตร้าแมนทั้งสอง


CHILD BALTAN
   มนุษย์ดาวบัลตั้นที่ในภาคก่อนเคยเข้าสิงร่างของมาริ แต่มาในภาคนี้เขาได้กลายมาเป็นเพื่อนทางเมลล์ของมาริ



*********************************************************************
*********************************************************************

อุลตร้าแมนคอสมอส
VS
อุลตร้าแมนจัสติส
THE FINAL BATTLE



   ผลงานไตรภาคชุดสุดท้ายของ อุลตร้าแมนคอสมอส เรียกได้ว่าในบรรดาซีรีส์อุลตร้าแมนที่ผ่านๆมามีเพียง อุลตร้าแมนคอสมอส เพียงเรื่องเดียวที่มีการสร้างเป็นหนังโรงถึง 3 ภาคด้วยกัน มาในภาคนี้ อุลตร้าแมนจัสติส ที่เคยปรากฎโฉมเมื่อภาคที่แล้วก็ได้กลายมาเป็นตัวนำหลักของเรื่องอีกคนหนึ่งซึ่งจะเปิดเผยให้เห็นทั้งในร่างของมนุษย์และ ครัชเชอร์โหมด ที่เป็นร่างใหม่อีกร่างหนึ่ง
   อุลตร้าแมนคอสมอส VS อุลตร้าแมนจัสติส The Final Battle ได้ลงโรงฉายไปเมื่อวันที่ 2 ส.ค. 2003 พร้อมกับ "ตำนานอุลตร้าแมนแห่งศตวรรษใหม่ปี 2003 The King’S Jubilee" โดยมีบริษัท Shochiku Co.,Ltd. เป็นผู้จัดจำหน่ายภาพยนตร์ จากนั้นจึงได้ออกวางจำหน่ายในรูปแบบของ DVD ในวันที่ 21 ธ.ค. ของปีเดียวกันนั้น

ULTRAMAN COSMOS FUTURE MODE


ความสูง : 47 เมตร
น้ำหนัก : 4 หมื่น 2 พันตัน
สถานที่ปรากฎ : อวกาศ
ความเร็วในการบิน : 18 มัค
ความเร็วในการวิ่ง : 4.5 มัค
ความเร็วเมื่ออยู่ในน้ำ : 3 มัค
พลังกระโดด : 2500 เมตร
ลักษณะพิเศษ : ร่างที่คอสมอสได้รับ "ฟิวเจอร์เอเนอจี้" ซึ่งเป็นพลังงานใหม่มา
                      ภายหลังจากที่ มุซาชิ ซึ่งถูกขังอยู่ในมิติอนุภาคแสงได้ฟื้นคืนชีพขึ้นมา
                      ด้วย "จิตใจที่เชื่อมั่นในความฝันและความเป็นไปได้ในอนาคต" ของพวกเพื่อนๆ
                      ร่างนี้จะปรากฎกายออกมาในตอนต่อสู้กับ โกรเคอร์ เป็นครั้งสุดท้าย
                      ซึ่งเปรียบดั่ง "มนุษย์ยักษ์แห่งความหวังผู้เชื่อมั่นในอนาคต"
                      และถือเป็นร่างที่แข็งแกร่งที่สุดของคอสมอส



ท่าไม้ตาย และ ความสามารถพิเศษ

คอสโม่สไตร์ค : ท่าไม้ตายของ ฟิวเจอร์โหมด ซึ่งเป็นลำแสงอันทรงพลังที่สุดของ คอสมอส
                      โดยเกิดขึ้นมาจากการที่ ลำแสงคอสเมี่ยม ได้รับการเพิ่มพลังจาก ฟิวเจอร์เอเนอจี้
                      จนทำให้มีพลังเพิ่มขึ้นหลายเท่า
                      คอสมอสได้ใช้ท่านี้ในการทำลายแขนของ โกรเคอร์ บิช๊อป ไปข้างหนึ่ง


ฟิวเจอร์ฟอร์ซ : ท่าที่จะถ่ายเทพลังงานของตนเองไปให้กับอีกฝ่ายหนึ่ง
                      ซึ่ง คอสมอส ได้ใช้ท่านี้ในการช่วยฟื้นฟูพลังให้แก่ จัสติส

                      ที่กำลังถูก โกรเคอร์ บิช๊อป เล่นงาน


โกลเด้นเอ็กซ์ตร้าบาเรีย : กำแพงแสงทรงกลมที่คอสมอสจะปล่อยพลัง คอสมิกเอเนอจี้ กับ ฟิวเจอร์เอเนอจี้
                                   ออกมาจากปลายนิ้วให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
                                   ท่านี้ถือเป็นบาเรียที่ทรงพลังที่สุดของ คอสมอส
                                   ซึ่งช่วยป้องกันลำแสงของ โกรเคอร์ บิช๊อป ได้
                                   แต่มิอาจต้านทาน อิเลเซอร์บอล ของ กิก้าเอนดร้า เอาไว้ได้



ครอสเพอร์เฟคชั่น : ท่าประสานลำแสงไม้ตายระหว่าง คอสมอส ฟิวเจอร์โหมด กับ จัสติส ครัชเชอร์โหมด
                           ที่สามารถทำให้ศัตรูสูญสลายไปได้ในพริบตาด้วยคลื่นพลังอันรุนแรง
                           ท่านี้เป็นท่าที่คอสมอสจะยิงลำแสงออกมาจากมือขวา
                           ส่วนจัสติสจะยิงลำแสงออกมาจากมือซ้าย
                           แล้วมาผสานรวมกันยิงใส่ โกรเคอร์ บิช๊อป จนสามารถพิชิตมันลงได้
                           แต่ก็ใช้กับ กิก้าเอนดร้า ไม่ได้ผล



ULTRAMAN JUSTICE CRUSHER MODE


ความสูง : 46 เมตร
น้ำหนัก : 4 หมื่น 1 พันตัน
สถานที่ปรากฏ : อวกาศ
ความเร็วในการบิน : 15 มัค
ความเร็วในการวิ่ง : 4.5 มัค
ความเร็วเมื่ออยู่ในน้ำ : 3 มัค
พลังกระโดด : 1800 เมตร
ลักษณะพิเศษ : ร่างต่อสู้ของ อุลตร้าแมนจัสติส ซึ่งใช้เพื่อต่อกรกับเหล่า Groker Rook
                      นับเป็นร่างที่มีพลังการโจมตีอยู่ในระดับที่รุนแรง ทั้งท่าทางการเตะและต่อยที่ดูมีพลัง
                      กำลังขาและพลังลำแสงต่างๆที่มีพลังเพิ่มขึ้นมหาศาล


อุปกรณ์แปลงร่าง

จัสทรานเซอร์ : อุปกรณ์แปลงร่างที่ จูริ จะใช้ในเวลาที่ต้องการจะกลับไปเป็น อุลตร้าแมนจัสติส




ท่าไม้ตาย และ ความสามารถพิเศษ

ลำแสงดั๊กเรี่ยม : ลำแสงพลังงานขั้นสุดยอดซึ่งมีอานุภาพในการทำลายล้างที่น่าทึ่ง
                       ทว่า,จัสติสจะต้องสูญเสียพลังงานไปกับท่านี้เป็นอย่างมาก
                       ดังนั้นถ้าหากเขาใช้ท่านี้บ่อยครั้งก็มีสิทธิ์ถึงแก่ชีวิตได้
                       แม้ว่าท่านี้จะมีความรุนแรงถึงขนาดพิชิต โกรเคอร์ รู้ก ลงได้
                       แต่กลับสร้างความเสียหายให้กับ กิก้าเอนดร้า ไม่ได้เลย


ดับเบิ้ลโรลลิ่งแอทแท็ค : ท่าประสานงานกับ คอสมอส ฟิวเจอร์โหมด
                                  โดย คอสมอส กับ จัสติส จะกระโดดขึ้นไปพร้อมกันแล้วหมุนตัวกลางอากาศ
                                  ก่อนที่จะพุ่งกระโดดถีบลงมาตรงส่วนหัวของ โกรเคอร์ บิช๊อป
                                  จนทำให้มันได้รับความเสียหายไปมากทีเดียว


ครัชเชอร์ ไฮคิก : ท่าเตะอันทรงพลังที่สุดของ จัสติส ครัชเชอร์โหมด
                        ที่สามารถถีบคู่ต่อสู้ร่างยักษ์ให้กระเด็นลอยไปได้


ครัชเชอร์ โบรม : ท่าที่ จัสติส จะรวบรวมพลังงานทั่วทั้งร่างกายเพื่อใช้ในการฉีกกระฉากเหล็กกล้า
                        ให้ขาดกระจุยได้อย่างง่ายดาย
                        ท่านี้เป็นท่าที่ทำให้ โกรเคอร์ รู้ก ได้รับความเสียหายไปไม่น้อย


แบทเทร็คช็อต : ลำแสงความร้อนที่ จัสติส จะรวบรวมพลังภายในเอาไว้ที่หมัดก่อนที่จะปล่อยออกมา
                       ท่านี้เป็นท่าที่สามารถยิงออกมาได้อย่างต่อเนื่อง


ULTRAMAN LEGEND


ความสูง : 50 เมตร
น้ำหนัก : 5 หมื่นตัน
สถานที่ปรากฏ : อวกาศ
ความเร็วในการบิน : 35 มัค
ความเร็วในการวิ่ง : 12 มัค
ความเร็วเมื่ออยู่ในน้ำ : 9 มัค
พลังกระโดด : 4000 เมตร
ลักษณะพิเศษ : สุดยอดนักรบที่กล่าวขานกันจนเป็นตำนานในอวกาศว่า
                      "ยามใดที่พลังอันยิ่งใหญ่ทั้งสองมาบรรจบ เมื่อนั้นเขาก็จะปรากฎกายออกมา"
                      ด้วยจิตวิญญาณอันเร่าร้อนของ คอสมอส และ จัสติส บวกกับความประสงค์แห่งอวกาศ
                      จึงทำให้ทั้งสองรวมร่างกันจนถือกำเนิดร่างนี้ขึ้นมา
                      พลังของเขามีมากมายมหาศาลจนเกินประมาณ โดยเฉพาะความสามารถ
                      หรือวิชาที่ต้องใช้พลังจิตนั้นเขามีระดับเหนือชั้นกว่า คอสมอส และ จัสติส มาก
                      เขามองเห็นว่าสิ่งมีชีวิตทั้งมวลในอวกาศต่างมีคุณค่าเท่าเทียมกัน
                      และเพื่อปกป้องสิ่งนั้นเขาจึงได้ปรากฏกายออกมา


ท่าไม้ตาย และ ความสามารถพิเศษ

ออโรรัล พาวเว่อร์ : พลังความสามารถอันน่าทึ่งที่จะซึมซับพลังงานของคู่ต่อสู้ที่โจมตีเข้ามา

                           แล้วนำพลังงานนั้นมาขยายให้มีอานุภาพรุนแรงยิ่งขึ้นก่อนที่จะผลักกลับไป
                           อุลตร้าแมนเลเจนด์ได้ใช้ท่านี้ผลัก อิเลเซอร์บอล ของ กิก้าเอนดร้า
                           ให้กลับไปหาตัวมันเอง


สปาร์ค เลเจนด์ : สุดยอดท่าไม้ตายที่ได้ชื่อว่าเป็นท่าที่มีอานุภาพมากที่สุดในจักรวาล
                        โดย อุลตร้าแมนเลเจนด์ จะหมุนตัวไปพร้อมกับปลดปล่อยพลังงานที่มีอยู่ในร่าง
                        ทั้งหมดออกมา เพื่อตอบโต้ อิเลเซอร์บอล ของ กิก้าเอนดร้า
                        จนสามารถพิชิตมันลงได้อย่างง่ายดาย
 


ตัวละครหลัก

ฮารุโนะ มุซาชิ : เขายังคงทำงานเป็นนักบินอวกาศให้กับศูนย์พัฒนาอวกาศอยู่เหมือนกับภาคที่แล้ว

                       เขาเป็นผู้ดำเนินโครงการ นีโอยูโทเปีย ซึ่งเป็นแผนการที่จะย้ายพวกสัตว์ประหลาด
                       ให้ไปอาศัยอยู่บนดาวเคราะห์จูรันแทน
                       เมื่อเปรียบเทียบกับ จูริ แล้วในภาคนี้เขาจะดูมีบทบาทน้อยกว่า
                       เขาได้กลับไปรวมร่างกับ คอสมอส อีกครั้งหนึ่งเพื่อที่จะปกป้องยานขนส่งอวกาศ
                       แต่กลับต้องมาเผชิญหน้ากับ จัสติส แล้วเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไป
                       จนต้องถูกขังไว้ในโลกอีกมิติหนึ่ง
                       แต่สุดท้ายเขาก็ฟื้นคืนชีวิตได้อีกครั้งหนึ่งด้วยพลัง ฟิวเจอร์เอเนอจี้ จากพวกเพื่อนๆ
                       ( ผู้รับบท : ซึงิอุระ ไทโย )


จูริ : ร่างของ อุลตร้าแมนจัสติส ในขณะที่อยู่บนโลก
       เขาได้เดินทางมาเพื่อถ่ายทอดคำตัดสินตามความถูกต้องของจักรวาล
       ตอนแรกเขาไม่เชื่อมั่นในปาฏิหาริย์ของมนุษย์ แต่หลังจากนั้นเขาก็เริ่มเชื่อในคำพูดของคอสมอส
       และเริ่มที่จะรู้จักกับคำว่าความหวัง ( ผู้รับบท : ฟุคิอิชิ คาสึเอะ )


องค์กรพิทักษ์โลก

TEAM EYES รุ่นใหม่

   ทีม EYES รุ่นใหม่ซึ่งจะประกอบไปด้วยสมาชิกทีมรุ่นที่สอง โดยมี ฟุบุกิ เป็นหัวหน้าผู้นำทีม ทั้งอุปกรณ์เครื่องมือและห้องบัญชาการล้วนถูกสร้างขึ้นมาใหม่หมด



ตราสัญลักษณ์ของ TEAM EYES

 
สมาชิกหน่วย

ฟุบุกิ เคย์สึเกะ : เขาเป็นสมาชิกทีม EYES รุ่นใหม่เพียงคนเดียวที่อยู่มาตั้งแต่รุ่นแรก
                       ฉะนั้นเรื่องประสบการณ์ของเขาจึงเป็นที่ยอมรับจนได้รับการเลื่อนตำแหน่งให้เป็นหัวหน้า
                       ( ผู้รับบท : อิจิโนเซะ ฮิเดคาซึ )


คาชิมะ เอย์อิจิ : รองหัวหน้าซึ่งเป็นสมาชิกทีมชุดที่สอง เขาเป็นคนที่มีไฟในการทำงานไม่แพ้ฟุบุกิ
                       และเป็นบุคคลที่นำทีมให้เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวได้ ( ผู้รับบท : ชิมิซึ เคย์ )


คุราโมโตะ นัตสึกิ : สมาชิกรุ่นที่สองซึ่งเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวในทีม
                          ที่มักจะออกไปปฏิบัติภารกิจพร้อมกับ หัวหน้าฟุบุกิ ค่อนข้างบ่อย
                          แม้ว่าเธอจะเป็นคนที่มีความสุขุมรอบคอบ แต่เมื่อ เดราเชี่ยน มาบุกกดดัน
                          เธอก็รู้สึกหมดกำลังใจที่จะต่อสู้ไปเหมือนกัน ( ผู้รับบท : อาซาดะ ยูริกะ )


วาตาไร คาสึโอมิ : เจ้าหน้าที่ผู้ดูแลรับผิดชอบงานทางด้านการวิเคราะห์ข้อมูล
                          เขามักจะนั่งทำงานอยู่ที่หน้าจอคอมฯในห้องบัญชาการเป็นหลัก
                          และเป็นผู้ที่พยายามติดต่อกับ เดราเชี่ยน จนถึงวินาทีสุดท้าย ( ผู้รับบท : โทโจ ได )


โชดะ เรียวจิโร่ : นักบินมือหนึ่งของทีมซึ่งเป็นคนที่เก่งทั้งในด้านการออกไปปฏิบัติภารกิจนอกสนาม
                       และการวิเคราะห์ข้อมูล แต่ติดที่ออกจะเป็นคนใจร้อนไปหน่อย ( ผู้รับบท : นิชินะ มาซากิ )
 


สัตว์ประหลาดที่ปรากฎในหนังโรง Ultraman Cosmos The Final Battle


SPACE RESETTER ( จอมทำลายล้างอวกาศ ) GROKER BORN
ความสูง : 45 เมตร
น้ำหนัก : 3 หมื่น 5 พันตัน
อาวุธ : Born Canon ที่ยิงจากมือทั้งสองข้าง , กระสุนแสง Press Valve
ลักษณะพิเศษ : โกรเคอร์ร่างแรกที่ถูก เดราเชี่ยน ส่งมาเพื่อทำลายล้างสิ่งมีชีวิตบนโลก
                      เพื่อสร้างขึ้นมาใหม่ ( รีเซ็ท )
                      จุดประสงค์ของมันคือการสอดแนมและกวาดล้างโลกใบนี้
                      มันไม่มีความคิดเป็นของตัวเองและจะคอยทำตามคำสั่งของเดราเชี่ยนเท่านั้น
                      ถนัดในการต่อสู้ร่วมกันเป็นกลุ่ม
                      เนื่องจากได้ อุลตร้าแมนจัสติส มาช่วยเสริมอีกแรง จึงสามารถเอาชนะคอสมอสลงได้ครั้งหนึ่ง


SPACE RESETTER ( จอมทำลายล้างอวกาศ ) GROKER ROOK
ความสูง : 55 เมตร
น้ำหนัก : 7 หมื่นตัน
อาวุธ : Rook Canon ซึ่งยิงออกจากไหล่ทั้งสองข้าง , กระสุนแสงขั้นรุนแรง
Rook's Edge มีดปลายแหลมที่สามารถยืดหดได้
ลักษณะพิเศษ : โกรเคอร์ร่างที่ 2 ซึ่งถือกำเนิดจาก Groker Born 2 ตัวรวมร่างกัน
                      มันมีทั้งพลังและความสามารถในการต่อสู้มากกว่า Groker Born หลายเท่า
                      มิหนำซ้ำมันยังมีตาหลังจึงทำให้ไร้ซึ่งจุดบอด แม้แต่เหล่าสัตว์ประหลาดบนโลกรวมตัวกัน
                      หรือกระทั่ง จัสติส เองก็ไม่สามารถเอาชนะมันได้ง่ายๆ


SPACE RESETTER ( จอมทำลายล้างอวกาศ ) GROKER BISHOP
ความสูง : 65 เมตร ( ตอนเป็น GROKER MOTHER : 200 เมตร )
น้ำหนัก : 9 หมื่นตัน ( ตอนเป็น GROKER MOTHER : 2 แสน 5 หมื่นตัน )
อาวุธ : Gillsades Beam ซึ่งยิงจากมือทั้งสอง เป็นต้น
ลักษณะพิเศษ : โกรเคอร์ที่แข็งแกร่งที่สุด ซึ่งถือกำเนิดจากการแปลงร่างจากยานบิน Groker Mother
                      มาเป็น Groker Bishop พลังในการต่อสู้ของมันจัดอยู่ในระดับสุดยอด
                      แต่สุดท้ายก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับ คอสมอส และ จัสติส ด้วยท่าประสานพลัง Cross Perfection


โกรเคอร์ มาเธอร์


FINAL RESETTER ( จอมทำลายล้างขั้นสุดท้าย ) GIGAENDRA
ความสูง : 1600 เมตร
น้ำหนัก : 1,600,000 ตัน
อาวุธ : Eraser Ball ซึ่งมีพลังความร้อนสูงถึง 10 ล้านองศา
ลักษณะพิเศษ : เดราเชี่ยนสร้างมันขึ้นมาเพื่อธำรงความสมดุลในอวกาศและทำลายสิ่งที่ไร้ประโยชน์ทิ้ง
                      มันถูกส่งมาเพื่อกำจัดสิ่งมีชีวิตทั้งมวลบนดาวเคราะห์ดวงนั้นๆ
                      แล้วเริ่มต้นสร้างวิวัฒนาการชีวิตขึ้นมาใหม่
                      มันถูก อุลตร้าแมนเลเจนด์ ที่ปรากฏตัวขึ้นในช่วงที่ คอสมอส และ จัสติส กำลังตก
                      อยู่ในสภาวะคับขันทำลายลง


DERASIAN
ความสูง : ไม่ปรากฏแน่ชัด
น้ำหนัก : ไม่ปรากฏแน่ชัด
ลักษณะพิเศษ : สิ่งมีชีวิตปริศนาที่เป็นผู้ดูแลความยุติธรรมในอวกาศ
                      รอบกายเขาจะล้อมรอบไปด้วยแสงที่เรียกว่า อินฟินี่
                      และไม่เคยมีผู้ใดที่ได้เห็นร่างที่แท้จริงของเขา
                      เขาได้พยากรณ์ไว้ว่าอีก 2,000 ปี ให้หลัง โลกจะกลายเป็นดาวที่เป็นภัยต่ออวกาศ
                      ดังนั้นเขาจึงได้สั่งให้ โกรเคอร์ ลงมาเพื่อทำลายสิ่งมีชีวิตทั้งมวลบนโลก
                      แต่ด้วยเหตุที่อุลตร้าแมนทั้ง 2 กล่าวว่า "มนุษย์ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่โง่เขลา"
                      จึงทำให้เขายอมถอยทัพกลับไปโดยพูดทิ้งท้ายคำพูดไว้สองคำ คือ "ความหวัง"




*********************************************************************
*********************************************************************

อุลตร้าแมน


   ผลงานภาพยนตร์อีกชุดหนึ่งของซีรีส์อุลตร้าแมนที่ลงโรงฉายที่ประเทศญี่ปุ่นไปเมื่อวันที่ 18 ธ.ค. 2004 ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการ Ultra N Project และยังได้เป็นผลงานรับเชิญพิเศษในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติโตเกียวอีกด้วย
   เรื่องนี้ถือเป็นผลงานที่นำเอาเรื่องราวที่เกิดขึ้นในทีวีซีรีส์ อุลตร้าแมน ตอนที่ 1 มาทำการรีเมคใหม่โดยสมมติให้เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในสังคมยุคปัจจุบัน ซึ่งถือเป็นโลกที่มีความเกี่ยวโยงกับทีวีซีรีส์ของ อุลตร้าแมนเน็กซัส ที่ได้มีการออกอากาศไปก่อนหน้าที่ภาพยนตร์เรื่องนี้จะถูกโปรโมทออกมา โดยทางทีมงานมีความต้องการที่อยากจะทดลองทำอะไรที่แปลกใหม่หลายๆอย่างในการแสดงถึงรูปลักษณ์ของอุลตร้าแมนออกมา เช่น การออกแบบที่แหวกแนวไปจากภาพลักษณ์เดิมๆ และการกำหนดให้อุลตร้าแมนมีความสูง 10 เมตร ซึ่งถือเป็นเรื่องยากในการถ่ายทำออกมาให้ได้อัตราส่วนที่แตกต่างกัน
   จุดที่น่าติดตามของเรื่องนี้ก็คือการนำเอา CG มาใช้ในหลายๆฉากโดยเฉพาะฉากต่อสู้กันกลางเวหาซึ่งถือเป็นช่วงไคลแมกซ์ของเรื่อง นอกจากนี้ทางทีมงานยังได้รับความร่วมมือจากกระทรวงกลาโหมอย่างเต็มที่ในการถ่ายทำฉากต่างๆอย่าง ฉากที่เครื่องบินรบ F-15 พุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า เป็นต้น
   จุดริเริ่มในการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้เกิดจากการที่ภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดได้จับเอาฮีโร่ในการ์ตูนมาทำเป็นภาพยนตร์คนแสดงที่แม้แต่ผู้ใหญ่เองก็สามารถสนุกสนานเพลิดเพลินไปกับมันได้อย่าง "แบทแมน" และ "สไปเดอร์แมน" แล้วประสบความสำเร็จจนโด่งดังนั่นเอง ทางทีมงานจึงต้องการจะสร้างภาพยนตร์แนวฮีโร่ในแบบฉบับของประเทศญี่ปุ่นขึ้นมาโดยมุ่งเป้าหมายว่าจะทำให้เป็นที่นิยมถึงขั้นนั้น แต่ด้วยเหตุที่หนังโรงของซีรีส์อุลตร้าแมนมักจะได้รับการโปรโมทน้อย ประกอบกับมีจำนวนโรงหนังที่เข้าฉายอยู่ไม่กี่แห่ง จึงทำให้มีรายได้จากการเข้าฉายอยู่ที่ประมาณ 150 ล้านเยน ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่ไม่สูงมากนัก
   นอกจากนั้นยังได้มีการกำหนดว่าจะสร้าง "ULTRAMAN 2 requiem" ซึ่งเป็นผลงานภาคต่อ และมีการปล่อยโฆษณาพิเศษออกมาโปรโมทหลังจากนั้นด้วยว่าจะลงโรงฉายในช่วงฤดูหนาวปี 2005 แต่หลังจากนั้นเรื่องก็หายเข้ากลีบเมฆไปโดยที่ไม่ได้มีการประกาศออกมาอย่างเป็นทางการอีกเลย แถมยังมีเสียงเล่าลือกันด้วยว่าผลงานเรื่องนี้เป็นสาเหตุที่ทำให้ อุลตร้าแมนเน็กซัส ไม่ค่อยได้รับความนิยมจนต้องถูกตัดจบลงไปกลางครัน แต่ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรกันแน่นั้นกลับไม่ปรากฎหลักฐานเป็นที่แน่ชัด
   แม้ว่ารายได้จากการเข้าฉายจะไม่ค่อยดีนัก แต่การประเมินค่าของผลงานชิ้นนี้ก็ไม่ได้ต่ำกว่าที่คาดการณ์กันไว้เพราะยอดขายของ DVD ที่ออกวางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 22 ก.ค. 2005 กลับทำรายได้อย่างเป็นที่น่าพอใจ

   อุลตร้าแมนเดอะเน็กซ์ มนุษย์ยักษ์สีเงินที่ถือกำเนิดขึ้นมาจากการที่ วัตถุเรืองแสงสีแดง ได้ไล่ตาม วัตถุเรืองแสงสีน้ำเงิน ( บีสต์ เดอะวัน ) มาที่โลก แล้วได้ไปรวมร่างกับ มาคิ ชุนอิจิ นักบินแห่งกองทัพอากาศยาน
เนื่องจากเขาเป็นสิ่งมีชีวิตนอกโลกตัวที่ 2 ที่บินลงมาที่ประเทศญี่ปุ่น ตอนแรกเขาเลยถูกมองว่าเป็นตัวอันตรายและโดนตั้งโค้ดเนมให้ว่า "เดอะ เน็กซ์" แต่จากการที่เขาได้ต่อสู้กับ เดอะวัน และสามารถช่วยปกป้องผู้คนให้รอดพ้นจากอันตรายในครั้งนี้ได้ ผู้คนจึงเปลี่ยนไปเรียกเขาด้วยความหลงใหลว่า "อุลตร้าแมน" แทน
   อนึ่ง,การตั้งชื่อนี้ขึ้นมาก็เพื่อต้องการจะสื่อความหมายแฝงเอาไว้อีกนัยหนึ่งว่า "อุลตร้าแมน" ตนนี้ก็คือ อุลตร้าแมนแห่งอนาคตยุคถัดไป นั่นเอง
   ในด้านการออกแบบ อุลตร้าแมน เดอะ เน็กซ์ นั้น ทางผู้ออกแบบเองได้พยายามที่จะสร้างอุลตร้าแมนตัวนี้ให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวมากที่สุดในบรรดาอุลตร้าแมนที่ผ่านๆมา ทั้งการออกแบบ เอเนอจี้คอร์ รูปตัว Y สีแดงที่อยู่ตรงอกเหมือนกับ อุลตร้าแมนโนอาห์ และ อุลตร้าแมนเน็กซัส และบริเวณที่เป็นลวดลาย สีดำของอังฟองซ์ กับ สีแดงของจูเนส ซึ่งชวนให้นึกถึงลายเส้นของกล้ามเนื้อและเส้นเลือดที่มีเกราะสีเงินห่อหุ้มอยู่อีกชั้นหนึ่ง อีกทั้งยังได้พยายามนำเอาดีไซน์ของ อุลตร้าแมนไทป์ A , B กับ อุลตร้าแมนเน็กซัส ทั้งร่างอังฟองซ์และจูเนส มาผสมผสานรวมกันเป็น อุลตร้าแมน เดอะ เน็กซ์ ตัวนี้ขึ้นมา เฉกเช่นเดียวกัน บีสต์เดอะวัน ที่มีต้นแบบมาจากเบมล่าร์ โดยเฉพาะร่างกายอันขรุขระของ อังฟองซ์ นั้นก็มีที่มาจากดีไซน์ของ อุลตร้าแมนไทป์ A นั่นเอง



ULTRAMAN THE NEXT ANPHANS

ความสูง : 10 เมตร
น้ำหนัก : 2.5 ตัน
สถานที่กำเนิด : ไม่ปรากฎแน่ชัด
ลักษณะพิเศษ : ร่างที่ยังไม่สมบูรณ์ของ เดอะ เน็กซ์ ที่ปรากฎตัวขึ้นมาในช่วงแรก
                      เนื่องจากร่างกายในแต่ละส่วนของเขายังพัฒนาไม่สมบูรณ์ดี
                      จึงยังไม่สามารถแสดงพลังความสามารถที่แท้จริงออกมาได้ 
                      ดังนั้นเขาจึงใช้ได้แค่เพียง คมมีดที่อยู่ตรงแขน กับ ดาบแสง เป็นอาวุธ
                      แต่จะมีพลังทำลายที่ไม่รุนแรงนัก การต่อสู้ในร่างนี้จึงมักเป็นการต่อสู้ด้วยมือเปล่า
                      ที่ใช้เพียงความสามารถทางร่างกายที่มีพลังเพิ่มขึ้นเท่านั้น


ULTRAMAN THE NEXT JUNIS

ความสูง : 40 เมตร
น้ำหนัก : 2 หมื่น 6 พันตัน
สถานที่กำเนิด : ไม่ปรากฎแน่ชัด
ลักษณะพิเศษ : ร่างสมบูรณ์ของ เดอะเน็กซ์ ที่ปรากฎตัวออกมาในตอนต่อสู้กับ เดอะวัน เป็นครั้งสุดท้าย
                      ซึ่งจะมีความสูงเพิ่มขึ้นเป็น 40 เมตร และสามารถเหาะได้ด้วยความเร็วเหนือเสียง
                      ลายเส้นสีแดงที่ปรากฎอยู่ตามร่างกายของเขาจะสื่อถึงเส้นเลือดที่ปูดโปนออกมา
                      แขนของเขาสามารถใช้เป็นอาวุธที่มีคมได้ 
                      อีกทั้งยังมี สตราโทสเอดจ์ ซึ่งเป็นคมมีดที่อยู่ตรงข้อศอกเป็นตัวช่วยในการบินให้ราบรื่นขึ้น
                      และถือเป็นแหล่งกำเนิดพลังงานในเวลาที่จะยิงลำแสงอีกด้วย
                      นอกจากนี้ยังมี ฟิน ( ครีบ ) สำหรับเอาไว้ใช้ควบคุมลักษณะการทำงาน
                      ของหลังและน่องอีกต่างหาก

 

การรวมร่างกับมาคิ

   เนื่องจากในเรื่องไม่ได้มีการอธิบายเอาไว้ว่า เดอะเน็กซ์ เป็นใครมาจากไหน จึงทำให้เรารู้แค่ว่า เดอะวัน กับ เดอะเน็กซ์ มีส่วนเกี่ยวข้องกันในฐานะของศัตรู เดอะเน็กซ์ จึงได้เดินทางมาที่โลกเพื่อมากำจัดเดอะวัน ให้สิ้นซาก โดยในขณะที่ เดอะวัน ได้ครอบครองความทรงจำและความสามารถของ อุโด้ ทาคาฟุมิ เจ้าหน้าที่แห่งกองกำลังป้องกันภาคพื้นสมุทรมาเป็นของตน และได้ดูดกลืนความสามารถกับพลังชีวิตของสิ่งมีชีวิตบนโลกที่ได้รวมร่างกับมันอย่างไร้ที่สิ้นสุดแล้ว อีกด้านหนึ่ง เดอะเน็กซ์ ที่มีเหตุผลและคุณธรรมกลับเลือกที่จะให้เกียรติ มาคิ ชุนอิจิ ให้เขาสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุขโดยไม่คิดที่จะควบคุมตัวเขา แต่จะสามารถติดต่อสนทนากับเขาผ่านทางจิตได้ ทว่า,ถ้าจะให้มองในอีกมุมหนึ่งก็สามารถที่จะกล่าวได้ว่าสภาวะการรวมร่างของ เดอะเน็กซ์ นั้นยังถือว่าด้อยกว่า เดอะวัน เหมือนอย่างที่ เดอะวัน ได้พูดเอาไว้ว่าการรวมร่างของเขายังไม่สมบูรณ์


ท่าไม้ตาย และ ความสามารถพิเศษ

แลมด้า สแลชเชอร์ : ดาบแสงรูปทรงจันทร์เสี้ยวที่ปล่อยออกมาจาก สตราโทสเอดจ์
                             ในตอนที่ต่อสู้กับ เดอะวัน เบลเซบัวร์ โคโลเน่ กลางเวหานั้น
                             เดอะเน็กซ์ ได้รวบรวมพลังจาก สตราโทสเอดจ์ ที่แขนทั้งสองข้าง
                             เพื่อปล่อยเป็น แลมด้า สแลชเชอร์ ขนาดใหญ่ออกมา
                             โดย เดอะเน็กซ์ สามารถที่จะปล่อยท่านี้ออกมาได้จากแขนทั้งสองข้างพร้อมกัน
                             ท่านี้เป็นท่าที่ใช้ในการตัดปีกของ เดอะวัน ให้ร่วงหล่นลงมา



อีโวลเรย์ สตรอม : สุดยอดลำแสงขั้นสุดท้ายของ เดอะเน็กซ์ ซึ่งจะเป็นการยิงพลังงานแสงอันรุนแรงออกมา
                          ด้วยการไขว้แขนทั้งสองข้างให้เป็นรูปไม้กางเขน
                          ซึ่งทำให้ เดอะวัน ต้องสูญสลายกลายเป็นผงอณู


ตัวละครหลัก

มาคิ ชุนอิจิ : นักบินประจำยานอีเกิ้ล วัย 34 ปี ผู้มีความหลงใหลในท้องฟ้ามาตั้งแต่เด็กๆ
                  จากการที่เขาได้ไปเที่ยวเล่นกับลูกพี่ลูกน้องที่อยู่ต่างจังหวัด
                  แล้วได้แหงนหน้าขึ้นไปมองเห็นเครื่องบินบนท้องฟ้า
                  นั่นจึงเป็นตัวจุดประกายให้เขาสมัครเข้ามาเป็นนักบินประจำกองกำลังป้องกันภาคอากาศยาน
                  แต่ก็เป็นที่น่าเสียดายว่าเขาคิดจะเกษียณงานก่อนกำหนด
                  เพื่อมาดูแล ซึงุมุ ลูกชายที่ป่วยออดๆแอดๆ
                  เขาได้บินไปพุ่งชนเข้ากับ "วัตถุเรืองแสงสีแดง" ในขณะที่กำลังออกปฏิบัติภารกิจฉุกเฉิน
                  แต่กลับรอดชีวิตมาได้อย่างปาฏิหาริย์ หลังจากนั้นเขาก็ตกเป็นผู้ถูกเฝ้าสังเกตุการณ์
                  จากหน่วยปฏิบัติการพิเศษ BCST ของกระทรวงกลาโหม
                  แม้ว่ามันจะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญแต่เขาก็คือดูนามิสต์คนแรก
                  อนึ่ง,คำว่า "ดาวหางสีเงิน" ที่ประกาศในโฆษณานั้นหมายถึงเครื่องบิน F-104 
                  ที่ มาคิ ได้พบเห็นและหลงใหลในตอนเด็กๆ ( ผู้รับบท : เบ็ชโชะ เท็ตสึยะ )


มาคิ โยโกะ : ภรรยาของ มาคิ ชุนอิจิ ที่ต้องคอยเป็นห่วงทั้งลูกชายที่มักจะเจ็บป่วยออดๆแอดๆ
                  กับสามีที่ต้องทำงานในโลกที่ต้องเสี่ยงภัย ( ผู้รับบท : ยูคิ นาเอะ )



มาคิ ซึงุมุ : ลูกชายของ มาคิ ชุนอิจิ เขาเป็นเด็กที่มีสภาพร่างกายอ่อนแอขี้โรคมาตั้งแต่กำเนิด
                ดังนั้นพอเขารู้สึกเป็นห่วงพ่อมากเกินไป เขาจึงล้มป่วยลง
                ความฝันของเขาคือ การเป็นนักบิน F15 และได้บินบนท้องฟ้าเหมือนกับพ่อของเขาในสักวันหนึ่ง
                ( ผู้รับบท : ฮิโรตะ เรียวเฮย์ )


อุโด้ ทาคาฟุมิ : เจ้าหน้าที่ของกองกำลังป้องกันภาคพื้นสมุทร วัย 35 ปี
                      ซึ่งเป็นคนรักและคู่หมั้นของ มิซึฮาระ ซาระ
                      จากเหตุการณ์ที่เขาได้ออกปฏิบัติการค้นหา เดอะวัน วัตถุเรืองแสงสีน้ำเงิน ด้วยเรือดำน้ำ
                      เขาจึงถูก เดอะวัน เข้าควบคุมร่างกายและความทรงจำเอาไว้
                      สุดท้ายก่อนที่เขาจะถูกควบคุมร่างกายเอาไว้ได้อย่างสิ้นเชิง
                      เขาได้ขอร้องให้ ซาระ ช่วยเป็นคนจบชีวิตเขา แต่ทว่า..... ( ผู้รับบท : โอสุมิ เคนยะ )


มิซึฮาระ ซาระ : เจ้าหน้าที่สังเกตุการณ์แห่งหน่วยปฏิบัติการพิเศษ BCST วัย 28 ปี
                      ที่ใช้วิธีการต่างๆนาๆคอยกดดันมาคิ
                      เธอมีเบื้องหลังอันน่าเศร้าที่ อุโด้ ทาคาฟุมิ คนรักของเธอต้องกลายเป็นเหยื่อของ เดอะวัน
                      จนมีรูปลักษณ์ที่เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ( ผู้รับบท : โทยามะ เคียวโกะ )


โซกาเบะ อิสสะ : ผู้รับผิดชอบแห่งหน่วยปฏิบัติการพิเศษ BCST ที่มองว่า เดอะวัน กับ เดอะเน็กซ์
                        ก็ไม่ได้แตกต่างอะไรกัน และคิดว่าสักวัน มาคิ ชุนอิจิ เองก็จะเปลี่ยนเป็นสัตว์ประหลาด
                        และกลายเป็นตัวอันตรายเช่นเดียวกับเดอะวัน อายุ 45 ปี
                        เขาถือเป็นบุคคลที่เปรียบเสมือนตัวแทนของความเผด็จการในประเทศ
                        ( ผู้รับบท : ทาคาชิ ไดสุเกะ )


สัตว์ประหลาดที่ปรากฎในหนังโรง Ultraman



SPACE BEAST THE ONE ร่างที่ 1 IDOLOVIA
ความสูง : 3 เมตร
น้ำหนัก : 920 กิโลกรัม
ลักษณะพิเศษ : มันเป็นสิ่งมีชีวิตประหลาดซึ่งเกิดจากการรวมร่างระหว่างวัตถุเรืองแสงสีน้ำเงินที่ตกลงไป
                      ในมหาสมุทรแปซิฟิก กับ จนท. อุโด้ ทาคาฟุมิ ผู้อยู่บนเรือปฏิบัติการใต้ทะเลลึก ณ.ขณะนั้น
                      "THE ONE" คือ โค้ดเนมที่หน่วย BCST ตั้งให้มัน
                      ซึ่งหมายถึง Space Beast ตัวแรกที่มาเยือนโลก
                      จุดเด่นของมันอยู่ที่การรวมร่างกับสิ่งมีชีวิตอื่นๆแล้วนำเอาความสามารถของสิ่งมีชีวิตนั้นๆ
                      มาเป็นของตน
                      เรียกได้ว่ามันเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีความสามารถในการวิวัฒนาการอยู่ในระดับที่น่ากลัวเลยทีเดียว
                      ร่างอิโดโรเวีย นี้เกิดขึ้นในตอนที่อุโด้ถูกกักกันตัวอยู่ที่ศูนย์วิจัยบนเกาะอิโอชิมะ
                      ซึ่งในตอนนั้นเขาได้รวมร่างเข้ากับจิ้งเหลนจนทำให้มีร่างกายที่กำยำแข็งแกร่ง
                      และมีนิสัยที่ดุร้ายขึ้น รวมทั้งในด้านพลังและความเร็วก็มีเพิ่มมากขึ้นด้วย


SPACE BEAST THE ONE ร่างที่ 2 REPTILIA
ความสูง : 10 เมตร
น้ำหนัก : 4 หมื่น 4 พันตัน
ลักษณะพิเศษ : ร่าง 2 ซึ่งเกิดจากการรวมร่างกับจิ้งเหลนอีกครั้ง
                      ในขณะที่มันกำลังถูกหน่วยรบพิเศษโจมตีในฮอลล์ขนาดใหญ่
                      คาดว่าเนื่องจากคราวนี้มันได้รวมร่างเข้ากับจิ้งเหลนหลายตัว
                      จึงทำให้มันมีขนาดใหญ่ขึ้นกว่าแต่ก่อน
                      ร่างนี้จะมีลักษณะคล้ายคลึงกับไดโนเสาร์และดูมีความเป็นสัตว์ประหลาดมากขึ้นกว่าเดิม
                      โดยจุดเด่นของร่างนี้จะอยู่ที่หางอันยาวเหยียดของมัน
                      ซึ่งสามารถเอาไว้ใช้ฟาดเป็นแส้ หรือ ใช้รัดคอของศัตรูได้


SPACE BEAST THE ONE ร่างที่ 3 BEELZEBUA
ความสูง : 50 เมตร
น้ำหนัก : 9 หมื่น 9 พันตัน
ลักษณะพิเศษ : ร่างที่ 3 ของ THE ONE ซึ่งเกิดจากการรวมร่างเข้ากับหนู
                      ในระหว่างที่ต่อสู้กับ เดอะเน็กซ์ อยู่บนทางใต้ดิน
                      มันได้วิวัฒนาการเข้าสู่ร่างสัตว์ประหลาดที่สมบูรณ์จนมีความสูงถึง 50 เมตร
                      เขาซึ่งงอกอยู่บนหลังจากเดิมก็กลายมาเป็นเขาขนาดใหญ่มหึมา
                      รวมทั้งยังมีกงเล็บที่แหลมคม ประกอบกับใบหน้าของหนูซึ่งปรากฏอยู่ที่ไหล่ของมัน
                      อาวุธของมัน คือ กระสุนเพลิงขั้นสุดยอดที่ยิงออกจากปากของมัน
                      เพียงแค่อาวุธชนิดนี้ที่มีเพียงอย่างเดียวก็ทำเอาอาคารบ้านเรือนในแถบชินจูกุ
                      ต้องพังพินาศย่อยยับไปตามๆกัน


SPACE BEAST THE ONE ร่างที่ 4 BEELZEBUA KORONE
ความสูง : 50 เมตร ( ความยาวปีก 250 เมตร )
น้ำหนัก : 1 แสน 2 หมื่นตัน
ลักษณะพิเศษ : ร่างสุดท้ายซึ่งเกิดจากการรวมร่างกับฝูงอีกา เพื่อบินไปต่อกรกับ เดอะเน็กซ์ บนอากาศ
                      ฝูงอีกาได้กลายเป็นปีกขนาดใหญ่ซึ่งมีความยาวถึง 250 เมตร
                      เพื่อให้มันได้ใช้โบยบินขึ้นไปในอากาศ
                      จุดเด่นอีกอย่างนอกเหนือจากปีกของมันจะอยู่ตรงหัวไหล่
                      ซึ่งจะมีใบหน้าของอีกาขึ้นมาแทนหน้าของหนู
                      ในขณะที่ต่อสู้กับ เดอะเน็กซ์ บนเวหานั้น
                      มันได้แสดงให้เห็นถึงการเคลื่อนไหวอันปราดเปรียวและว่องไวของมัน
                      ซึ่งผิดกับรูปร่างลักษณะภายนอกที่เห็น ส่วนอาวุธของมันก็ยังคงเหมือนกับร่างก่อน




Translated by : grandking


ไม่มีความคิดเห็น: