อุลตร้าแมนเมบิอุส
ด้วยเหตุผลที่ว่า "อุลตร้าแมนแมกซ์" ซีรีส์ชุดก่อนได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดี ทางทีมงานจึงได้ผลักดันคอนเซปท์ "ย้อนกลับคืนสู่จุดกำเนิด" ให้เชื่อมโยงไปถึงซีรีส์อุลตร้าแมนยุคโชวะ โดยกำหนดให้เป็นผลงานภาคต่อจากซีรีส์ "อุลตร้าแมน 80" ซึ่งจะเป็นโลกที่ไม่มีสัตว์ประหลาดและมนุษย์ต่างดาวปรากฎตัวขึ้นอีกเลยนับจากตอนสุดท้ายของ "อุลตร้าแมน 80" เป็นเวลาผ่านมา 25 ปี
ซีรีส์เรื่องนี้ไม่ใช่เป็นแค่การนำเอาสัตว์ประหลาดยอดนิยมในอดีตและอุลตร้าแมนรุ่นเก่าๆมารวมพลเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังได้มีการนำเอาบทเก่าๆที่ได้รับความนิยมหรือพล็อตเรื่องบางส่วนในอดีตที่ยังหาบทสรุปไม่ได้มาขมวดปมจบในซีรีส์เรื่องนี้อีกด้วย นอกจากนั้นแล้วยังได้มีการผสมผสานเอาองค์ประกอบของความเป็นอุลตร้าแมนยุคเฮเซย์เข้ามาร่วมด้วย อาทิเช่น การเปลี่ยนร่าง ( Type Change ) กับ การปรากฎตัวของอุลตร้าแมนสีน้ำเงิน อุลตร้าแมนฮิคาริ และ การดำเนินเนื้อเรื่องแบบหนังดราม่าตอนต่อ เป็นต้น
นอกจากนี้เราจะสังเกตได้ว่าการดำเนินเนื้อเรื่องและการ Preview ตอนต่อไปในซีรีส์นี้จะไม่ค่อยมีการใช้ผู้บรรยายสักเท่าไรนัก และจะไม่มีเพลงปิดนอกจากตอนสุดท้ายเหมือนกับ อุลตร้าแมนแมกซ์ ซีรีส์ชุดที่แล้ว
หลังจากซีรีส์เรื่องนี้ได้แพร่ภาพออกอากาศจบลงไปแล้ว ทางทีมงานก็ยังคงมีการผลิตผลงานภาคต่อเป็น ภาคนอกตำนาน ออกมาผ่านสื่อต่างๆมากมายหลากหลายแขนง
ซีรีส์นี้ได้เริ่มแพร่ภาพออกอากาศตั้งแต่วันที่ 8 เม.ย. 2006 ไปจนถึงวันที่ 31 มี.ค. 2007 ทุกเช้าวันเสาร์ เวลา 7.30 ~ 8.00 น. ทางสถานี TBS โดยมีจำนวนตอนทั้งสิ้น 50 ตอน ด้วยกัน
ULTRAMAN MEBIUS
ความสูง : 49 เมตร ( สามารถย่อร่างได้ในระดับไมโคร )
น้ำหนัก : 3 หมื่น 5 พันตัน
อายุ : 6 พัน 8 ร้อยปี
สถานที่กำเนิด : อาณาจักรแห่งแสงในเนบิวล่า M78 ( ดาวอุลตร้า )
ความเร็วในการบิน : 10 มัค
ความเร็วในการวิ่ง : 2 มัค
ความเร็วเมื่ออยู่ในน้ำ : 3 มัค
พลังกระโดด : 780 เมตร
ลักษณะพิเศษ : นักรบหน้าใหม่ของหน่วยพิทักษ์อวกาศที่ได้รับคำสั่งจาก เจ้าพ่ออุลตร้า ให้เดินทางมา
ปฏิบัติหน้าที่บนโลก และถือเป็น อุลตร้าแมน ที่มาปรากฎตัวบนโลกอีกครั้ง
หลังจาก อุลตร้าแมน 80 ได้เดินทางลาจากโลกไปเป็นเวลากว่า 25 ปี
อาจารย์ของเขาคือ อุลตร้าแมนทาโร่ ดังนั้นท่วงท่าและสไตล์การต่อสู้ต่างๆของเขา
จึงมีความคล้ายคลึงกับ ทาโร่
แต่ท่าที่เขาใช้ส่วนใหญ่นั้นมักจะมีแหล่งกำเนิดมาจากเมบิอุสเบรส
เขาได้จำลองร่างของ บัน ฮิโรโตะ ชายหนุ่มชาวโลกที่ถูกดูดกลืนเข้าไปในอุลตร้าโซน
มาใช้ชื่อเป็น ฮิบิโนะ มิไร แทน
เราจะเห็นได้ว่า ฉากหลังในตอนแปลงร่าง หรือ เวลาที่ เมบิอุส ใช้ท่า เมเบี่ยมชู้ต ออกมานั้น
จะมีสัญลักษณ์ ∞ ปรากฎขึ้นมาซึ่งนั่นก็คือ วงแหวนเมบิอุส นั่นเอง
ฉะนั้นชื่อของ "อุลตร้าแมนเมบิอุส" จริงๆแล้วไม่ใช่ชื่อที่แท้จริงของเขา
แต่เป็นชื่อที่ บัน ฮิโรโตะ ตั้งขึ้นมา
หลังจากนั้น มิไร เลยเรียกตนเองว่า "เมบิอุส" นับแต่นั้นมา
แล้วก็เลยพลอยทำให้ทีม GUYS นำชื่อนั้นมาใช้เป็น รีจิสเตอร์โค้ด ( ชื่อจำเพาะ ) ไปด้วย
ด้วยความที่เขายังเป็นคนหนุ่มมือใหม่อยู่จึงทำให้วิธีการต่อสู้ในช่วงแรกๆของเขา
ยังดูอ่อนหัดจนทำให้ลูกทีม GUYS เกิดความรู้สึกไม่พอใจไปเหมือนกัน
แต่หลังจากผ่านการต่อสู้ร่วมกันกับทุกคนในทีม
เขาก็เติบโตขึ้นจนกลายเป็น อุลตร้าแมน ได้อย่างแท้จริง
และสุดท้ายเขาก็ได้รับการยอมรับให้เป็นสมาชิกคนหนึ่งในพี่น้องอุลตร้า
ท่าของเมบิอุสนั้นส่วนใหญ่จะเป็นการนำเอาท่าของพี่น้องอุลตร้ามาประยุกต์ใช้
แต่ก็มีอีกหลายๆท่าเช่นกันที่มีความคล้ายคลึงกับท่าของ อุลตร้าแมนเน็กซัส และ
อุลตร้าแมนแมกซ์ ที่อยู่คนละโลกกันเป็นอย่างมาก เช่น เมเบี่ยมเบลด หรือ เมบิอุสสปินคิก
เป็นต้น
อุปกรณ์แปลงร่าง
เมบิอุสเบรส : อุปกรณ์เร้นลับที่ เจ้าพ่ออุลตร้า ได้มอบเอาไว้ให้กับ อุลตร้าแมนเมบิอุส
พอเขาเอามือมาบังวัตถุทรงกลมที่อยู่ตรงใจกลาง เมบิอุสเบรส
ซึ่งเรียกว่า "คริสตัลเซอร์เคิ่ล" แล้ว เขาก็จะสามารถแสดงพลังต่างๆออกมาได้อย่างมากมาย
เมื่อ มิไร ตัดสินใจที่จะแปลงร่างแล้ว เมบิอุสเบรส ก็จะปรากฎขึ้นที่แขนซ้ายของเขา
จากนั้นพอเขาทำท่าแปลงร่างและชูแขนขึ้นไปบนฟ้าแล้ว
เขาก็จะกลับคืนสู่ร่างของ เมบิอุส ได้ดังเดิม
อุปกรณ์ชิ้นนี้ถือเป็นแหล่งขุมพลังที่ให้กำเนิดท่าไม้ตายต่างๆมากมาย
เช่น ลำแสงเมเบี่ยมชู้ต ฯลฯ
นอกจากนี้ มิไร ยังสามารถใช้ ลำแสง หรือ บาเรีย ก่อนที่จะแปลงร่างเป็น เมบิอุส ได้อีกด้วย
ท่าไม้ตาย และ ความสามารถพิเศษ
เมเบี่ยมชู้ต : ลำแสงท่าไม้ตายที่จะปลดปล่อยพลังงานจาก เมบิอุสเบรส ออกมาโดยการไขว้แขนทั้งสองข้าง
ให้เป็นรูปไม้กางเขน ซึ่งเป็นท่าที่มีอุณหภูมิความร้อนสูงถึง 1 แสนองศา
เมเบี่ยมเบลด : ดาบแสงที่จะปรากฎออกมาจาก เมบิอุสเบรส เพื่อเอาไว้ใช้ในการต่อสู้ระยะประชิด
เมเบี่ยมไดนาไมท์ : ท่าระเบิดพลีชีพที่จะอาศัยหลักการเดียวกันกับท่า อุลตร้าไดนาไมท์
ของ อุลตร้าแมนทาโร่
ซึ่งเดิมทีท่านี้จะมีเพียง ทาโร่ ที่มี หัวใจของอุลตร้า เท่านั้นจึงจะใช้ได้
แต่ เมบิอุส ก็สามารถที่จะใช้ท่านี้ได้เช่นกัน โดยจะต้องอาศัยพลังจากเมบิอุสเบรส
แต่ว่าเขาจะต้องสูญเสียพลังงานไปอย่างรวดเร็วกว่าทาโร่
อนึ่ง,ชื่อท่านี้ ยาพูล เป็นคนตั้งให้
เมบิอุสดีเฟนส์เซอร์เคิ่ล : เมบิอุสจะกางแขนทั้งสองข้างเพื่อสร้างบาเรียเป็นรูปสัญลักษณ์ ∞ ออกมา
ซึ่งจะสามารถสะท้อนการโจมตีบางประเภทได้
นอกจากนี้ เมบิอุส ยังสามารถใช้ท่านี้ในร่างของ มิไร ได้ด้วย
ไลท์นิ่งเคานท์เตอร์ : ลำแสงสายฟ้าที่ เมบิอุส จะแปลงพลังงานจาก เมบิอุสเบรส
ให้กลายเป็นพลังงานพลาสม่า ก่อนที่จะใช้หมัดซ้ายยิงออกไป
ไลท์นิ่งเคานท์เตอร์ ซีโร่ : หมัดพลังงานพลาสม่าไฟฟ้าซึ่งจะเป็นการปล่อย ไลท์นิ่งเคานท์เตอร์ ออกไป
ในระยะประชิดตัว
เมบิอุสดีเฟนส์โดม : บาเรียรูปทรงโดมที่สามารถใช้ได้แม้ในระหว่างที่ เมบิอุส กำลังตั้งท่า
ยิงลำแสง เมเบี่ยมชู้ต อยู่
ท่าประสานกับอุลตร้าแมนคนอื่นๆ
ทวินสตรีมแลนเซอร์ : ท่าประสานระหว่าง เมบิอุส กับ ซุรุงิ ที่จะบินวนบนท้องฟ้าเป็นรูป ∞
เพื่อสลับกันโจมตีศัตรู
ดับเบิ้ลชู้ตแอ็ทแทค : ท่าที่ เมบิอุส กับ ฮิคาริ จะยิงลำแสง เมเบี่ยมชู้ต กับ ไนท์ชู้ต พร้อมกัน
ซึ่งในบางครั้งทั้งคู่ก็จะให้ลำแสงทั้งสองสายวิ่งมาผสานรวมกันในระหว่างทาง
เอเมเรี่ยม เมเบี่ยมชู้ต : ลำแสงผสานของ เซเว่น กับ เมบิอุส
ซึ่งเป็นการยิง ลำแสงเอเมเรี่ยม และ เมเบี่ยมชู้ต พร้อมกัน
แล้วให้ลำแสงทั้งสองมาประสานกันระหว่างทาง
เพื่อเพิ่มอานุภาพในการทำลายล้างให้ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น
ULTRAMAN MEBIUS BRAVE
ความสูง : 49 เมตร ( สามารถย่อร่างได้ในระดับไมโคร )
น้ำหนัก : 3 หมื่น 5 พันตัน
ความเร็วในการบิน : 10 มัค
ลักษณะพิเศษ : เมบิอุสจะใช้พลังจาก ไนท์เบรส ที่ได้รับมาจาก ฮิคาริ
ในการเพิ่มพลังให้เหนือขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง
โดย เมบิอุส จะยกแขนซ้ายขึ้นเพื่อเรียก ไนท์เบรส ออกมา
จากนั้น เมบิอุส ก็จะนำมันมาประกอบเข้ากับ เมบิอุสเบรส จนกลายเป็น ไนท์เมบิอุสเบรส
เพื่อกลายร่างเป็น เมบิอุสเบรฟ ซึ่งจะมีแถบสีทองปรากฎขึ้นตรงบริเวณหน้าอก
แล้วเมบิอุส ก็จะสามารถใช้ เมเบี่ยมไนท์เบลด ซึ่งเป็นดาบแสงที่ปรากฎออกมา
จาก ไนท์เมบิอุสเบรส ในการต่อสู้ได้
น้ำหนัก : 3 หมื่น 5 พันตัน
ความเร็วในการบิน : 10 มัค
ลักษณะพิเศษ : เมบิอุสจะใช้พลังจาก ไนท์เบรส ที่ได้รับมาจาก ฮิคาริ
ในการเพิ่มพลังให้เหนือขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง
โดย เมบิอุส จะยกแขนซ้ายขึ้นเพื่อเรียก ไนท์เบรส ออกมา
จากนั้น เมบิอุส ก็จะนำมันมาประกอบเข้ากับ เมบิอุสเบรส จนกลายเป็น ไนท์เมบิอุสเบรส
เพื่อกลายร่างเป็น เมบิอุสเบรฟ ซึ่งจะมีแถบสีทองปรากฎขึ้นตรงบริเวณหน้าอก
แล้วเมบิอุส ก็จะสามารถใช้ เมเบี่ยมไนท์เบลด ซึ่งเป็นดาบแสงที่ปรากฎออกมา
จาก ไนท์เมบิอุสเบรส ในการต่อสู้ได้
ท่าไม้ตาย และ ความสามารถพิเศษ
เบลดโอเว่อร์โหลด : ท่าไม้ตายที่ปล่อยออกมาจาก เมเบี่ยมไนท์เบลด ซึ่งจะมีอยู่ 2 ลักษณะ คือ
ท่าที่ เมบิอุส จะสร้างดาบขนาดใหญ่ขึ้นมาแล้วฟาดฟันศัตรูเป็นสัญลักษณ์ ∞ ในพริบตา
กับ ท่าที่จะยิงคลื่นพลังออกมาเป็นสัญลักษณ์ ∞
สปินเบลดแอ็ทแทค : ท่าที่ เมบิอุส จะกระโดดหมุนตัวพุ่งเข้าไปฟันลำตัวของคู่ต่อสู้
เบลดชู้ต : ลำแสงที่จะปล่อยออกมาจากเมเบี่ยมไนท์เบลด
แอคทีฟเบลดแอ็ทแทค : ท่าที่ เมบิอุส จะพุ่งสวนออกไปฟันศัตรูเป็นสัญลักษณ์ ∞ อย่างรวดเร็ว
แพซซีฟเบลดแอ็ทแทค : ท่าที่ใช้ เมเบี่ยมไนท์เบลด ต้านการโจมตีของศัตรู
แล้วสะท้อนการโจมตีนั้นให้กลับไปหาฝ่ายตรงข้าม
เบลดสแลช : ลำแสงคัตเตอร์รูปครึ่งวงกลมที่จะปล่อยออกมาจากปลายดาบเมเบี่ยมไนท์เบลด
ULTRAMAN MEBIUS BURNING BRAVE
ความสูง : 49 เมตร ( สามารถย่อร่างได้ในระดับไมโคร )
น้ำหนัก : 3 หมื่น 6 พันตัน
ความเร็วในการบิน : 10 มัค
ลักษณะพิเศษ : ร่างของ "ผู้กล้าที่มีจิตวิญญาณอันลุกโชน" ที่ เมบิอุส ได้นำเอาความรู้สึกของทุกคน
ในทีม GUYS มาแปรเปลี่ยนเป็นพลังงานเพื่อเพิ่มพลังของตนให้มากขึ้นไปอีกขั้น
โดยจะมีสัญลักษณ์รูปเปลวไฟที่เหมือนกับ ยานกันฟีนิกซ์ และ เมโมรี่ดิสเพลย์
ของ ริว กับ มิไร ปรากฎขึ้นที่กลางอกและหลังของเขา
เพื่อแสดงถึงสัญลักษณ์แห่งสายสัมพันธ์ระหว่างเขากับพวกเพื่อนๆ
เมื่อเปลี่ยนเป็นร่างนี้แล้วความสามารถทางกายภาพของ เมบิอุส จะเพิ่มขึ้น
อย่างมากมายมหาศาล
ท่าไม้ตาย และ ความสามารถพิเศษ
เมเบี่ยมเบิร์สต์ : ท่าที่ เมบิอุส จะรวบรวมพลังงานเปลวไฟที่สร้างขึ้นมาจาก เมบิอุสเบรส เอาไว้ตรงอก
ก่อนที่จะปล่อยออกไปหาศัตรู
เบิร์นนิ่ง เมบิอุส สปินคิก : ท่าเตะควงสว่านที่ เมบิอุส จะเค้นพลังภายในร่างกายออกมา
แล้วกระโดดขึ้นไปบนท้องฟ้า เพื่อรวบรวมพลังงานนั้นเอาไว้ที่ปลายขา
จากนั้นจึงเพิ่มพลังงานให้มากขึ้นด้วยการหมุนตัวด้วยความเร็วสูง
ซึ่งจะมีอานุภาพมากขึ้นกว่าปกติอีกเท่าตัว
แต่ เมบิอุส เองก็ต้องได้รับความเสียหายมากขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน
ท่านี้จะมีพลังทำลายเทียบเท่ากับ อุลตร้าไดนาไมท์ ของอุลตร้าแมนทาโร่
ULTRAMAN MEBIUS PHOENIX BRAVE
ความสูง : 49 เมตร ( สามารถย่อร่างได้ในระดับไมโคร )
น้ำหนัก : 3 หมื่น 6 พันตัน
ความเร็วในการบิน : 10 มัค
ความเร็วในการวิ่ง : 25 มัค
ความเร็วเมื่ออยู่ในน้ำ : 8 มัค
พลังกระโดด : 2,200 เมตร
ลักษณะพิเศษ : ร่างที่ถือกำเนิดจากการรวมร่างกันของ เมบิอุส ที่โดน มนุษย์ดาวเอ็มเพอร์เร่อร์ เล่นงาน
จนสูญสลายไปครั้งหนึ่ง กับ เหล่าสมาชิกในทีม GUYS และ ฮิคาริ
ซึ่งถือเป็นร่างแห่ง "ผู้กล้าที่เป็นอมตะดุจดั่งนกฟีนิกซ์" ที่สามารถก่อเกิดปาฎิหาริย์ขึ้นได้
จาก ไนท์เบรส ที่ ริว เป็นผู้สวมใส่ กับ มิตรภาพของเพื่อนๆร่วมทีม GUYS
จุดเด่นของร่างนี้จะอยู่ที่สีสันบนลำตัวซึ่งมีลวดลายคล้ายเปลวไฟ
และจะมี เมบิอุสเบรส กับ ไนท์เบรส ติดอยู่ที่แขนทั้งสองข้าง
ซึ่งจะแตกต่างออกไปจาก เมบิอุสเบรฟ ที่นำเบรสทั้งสองอันมาประกบกัน
ที่แขนซ้ายเพียงข้างเดียว
ท่าไม้ตาย และ ความสามารถพิเศษ
เมเบี่ยมไนท์ชู้ต : ลำแสงท่าไม้ตายที่จะเป็นการปลดปล่อยพลังงานทั้งหมดออกมา
จาก เมบิอุสเบรส กับ ไนท์เบรส ผสานกับพลังงานของพวกเพื่อนๆในทีม GUYS
โดยการไขว้แขนกันให้เป็นรูปไม้กางเขน
อีกทั้งยังสามารถเพิ่มพลังทำลายล้างให้มีอานุภาพมากขึ้นไปกว่าเดิมได้
โดยการเลื่อนแขนให้เป็นรูปตัว L
ทว่า,เนื่องจากในเรื่องได้มีการนำ สเปเซี่ยม รีดับเบิ้ลไรเซอร์ มาใช้
ในการขยายพลังงานลำแสงนี้ให้มีอานุภาพมากยิ่งขึ้นไปกว่าเดิม
ดังนั้นจึงไม่อาจทราบได้ว่าอานุภาพที่แท้จริงของท่านี้จะรุนแรงสักแค่ไหนกันแน่
นอกจากนั้น เมบิอุส ยังได้ใช้ท่านี้กับ อาร์มเมิร์ด ดาร์คเนส
ใน "อุลตร้าแมนเมบิอุส ภาคนอกตำนาน อาร์มเมิร์ด ดาร์คเนส" STAGE 2
โดยการเล็งยิงไปที่ปากแผลของมันที่ถูก ดาร์คเนสบรอด ดาบของมันเองเล่นงาน
จนสามารถทำลาย อาร์มเมิร์ด ดาร์คเนส ได้เป็นผลสำเร็จ
ซึ่งในตอนนี้เอง เมบิอุส จะยิงลำแสงนี้ออกมาโดยการผสานแขนเป็นรูปตัว L เลยตั้งแต่แรก
เมเบี่ยมฟีนิกซ์ : ท่าที่ เมบิอุส จะใช้พลังจาก เมบิอุสเบรส กับ ไนท์เบรส ในการเปลี่ยนร่างกายของตนเอง
ให้กลายเป็นพลังงานคล้ายเปลวไฟแล้วพุ่งเข้าโจมตีศัตรู
ในตอนสุดท้าย เมบิอุส ได้ใช้ท่านี้พุ่งผ่าน สเปเซี่ยม รีดับเบิ้ลไรเซอร์ จนสามารถเอาชนะ
มนุษย์ดาวเอ็มเพอร์เร่อร์ มาได้ในที่สุด
แต่พลังอานุภาพที่แท้จริงของท่านี้จะมีความรุนแรงสักแค่ไหนนั้น
ไม่มีข้อมูลปรากฎเป็นที่แน่ชัด
HUNTER KNIGHT TSURUGI
ความสูง : 50 เมตร ( สามารถย่อร่างได้ในระดับไมโคร )
น้ำหนัก : 3 หมื่น 8 พันตัน
อายุ : 2 หมื่น 2 พันปี
สถานที่กำเนิด : ดาวอาร์บ
ลักษณะพิเศษ : อุลตร้าแมนฮิคาริ ในร่างของอัศวินผู้สวมเกราะ "อาร์บเกียร์" ที่ใน "ฮิคาริซาก้า" บทที่ 1
ได้มีการกล่าวเอาไว้ว่า ดาวอาร์บ ที่เขาเคยเฝ้าคุ้มครองด้วยความรัก
ในสมัยที่เขายังเป็นนักวิจัยอยู่นั้นได้ถูก โบกอล บุกทำลายจนพินาศ
เขาจึงได้กลายเป็น ฮันเตอร์ไนท์ ซุรุงิ ผู้สวมเกราะ อาร์บเกียร์
ที่แฝงไปด้วยความอาฆาตแค้นของสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญาบนดาวอาร์บ
และตัดสินใจที่จะใช้ชีวิตอยู่เพียงเพื่อหมายจะกำจัด โบกอล เพื่อล้างแค้นให้ได้
หลังจากนั้นเขาจึงได้อาศัยร่างและความทรงจำของ เซริซาวะ ที่ใกล้ตาย
เพื่อให้ตนสามารถอาศัยอยู่บนโลกและตามมาต่อสู้กับ โบกอล ต่อได้
แต่หลังจากที่เขาได้รู้จักกับ ริว และ มิไร แล้ว
ในที่สุดเขาก็สามารถนำ "จิตวิญญาณแห่งอุลตร้า" กลับคืนมาได้
ด้วยคำพูดเกลี้ยกล่อมของ ริว กับ มิไร และด้วยจิตใต้สำนึกของ เซริซาวะ เอง
ทั้งที่แต่เดิมเขาไม่เคยคำนึงถึงโลกเลยว่าจะเป็นอย่างไร
สุดท้ายเขาก็สามารถล้างแค้นได้สำเร็จในการต่อสู้ครั้งสุดท้ายกับ โบกอลมอนส์
แต่เขาก็ใช้พลังงานของตัวเองไปจนหมดจนต้องเสียชีวิตไปครั้งหนึ่ง
อนึ่ง,อาร์บเกียร์นั้นจะมีอยู่ 2 ชนิดด้วยกันคือ "เกราะแห่งการล้างแค้น"
ที่ถือกำเนิดขึ้นมาจากจิตวิญญาณอาฆาตของสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญาบนดาวอาร์บ
กับ "เกราะแห่งผู้กล้า" ที่ถือกำเนิดขึ้นมาจากการที่ผืนปฐพีบนดาวอาร์บได้ขานรับ
ต่อจิตใจอันเที่ยงธรรมของ ฮิคาริ ที่ได้เดินทางไปเยือน ดาวอาร์บ อีกครั้ง
โดยใน SAGA 3 ฮิคาริจะสามารถสวมเกราะแห่งผู้กล้าได้ดั่งใจนึก
เพื่อเปลี่ยนสู่ร่างนี้ แต่ทว่าเกราะนี้ก็ถูกทำลายลงไปในการต่อสู้กับมนุษย์ดาวเอ็มเพอร์เร่อร์
"ซุรุงิ" เป็นชื่อของสิ่งที่สิงสถิตย์อยู่ในผืนดินบนดาวอาร์บมาตั้งแต่บรรพกาล
ซึ่งสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญาบนดาวอาร์บได้กล่าวเอาไว้ในคำทำนาย
ULTRAMAN HIKARI
ความสูง : 50 เมตร ( สามารถย่อร่างได้ในระดับไมโคร )
น้ำหนัก : 3 หมื่น 5 พันตัน
อายุ : 2 หมื่น 2 พันปี
สถานที่กำเนิด : อาณาจักรแห่งแสงในเนบิวล่า M78 ( ดาวอุลตร้า )
ความเร็วในการบิน : 10 มัค
ความเร็วในการวิ่ง : 2 มัค
ความเร็วเมื่ออยู่ในน้ำ : 3 มัค
พลังกระโดด : 800 เมตร
ลักษณะพิเศษ : ร่างหลังจากที่ ซุรุงิ ได้ใช้พลังงานไปจนหมดและฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้ง
ด้วยพลังของเจ้าแม่อุลตร้า
ตรงอกของเขาจะมี คัลเลอร์ไทม์เมอร์ กับ สตาร์มาร์ก ติดอยู่
ด้วยความที่แต่เดิมเขาเป็นชนชาวอุลตร้าทั่วไปไม่ได้เป็นชนชั้นนักรบ
แถมยังได้สูญเสียชุดเกราะ อาร์บเกียร์ ไปแล้ว
ดังนั้นเขาจึงมีอาการบาดเจ็บสะสมจากการต่อสู้ในแต่ละครั้ง
ด้วยเหตุนี้เอง โซฟี่ จึงได้มาเตือนเขาให้กลับไปยังอาณาจักรแห่งแสง
แต่หลังจากที่ โบกอล ได้ตายไปแล้ว เขาก็ยังตัดสินใจที่จะขออยู่สู้ต่อ
เพราะไม่สามารถทิ้งโลกที่ยังคงมีสัตว์ประหลาดปรากฎตัวออกมาอย่างต่อเนื่องได้
แต่เมื่อได้เห็นพัฒนาการของ ริว กับ มิไร แล้วเขาจึงได้ฝาก ไนท์เบรส เอาไว้กับ เมบิอุส
ก่อนที่จะเดินทางจากโลกไป
จากนั้นเขาก็ได้รับการชักชวนจาก โซฟี่ ให้เข้ามาเป็นสมาชิกหน่วยพิทักษ์อวกาศ
ใน ฮิคาริซาก้า บทที่ 2 แล้วเขาก็ได้ไล่ตาม มนุษย์ดาวบาบาลู มาจนถึงโลกอีกครั้ง
จากการที่เขาพิชิต มนุษย์ดาวบาบาลู ลงได้ในคราวนี้นี่เอง
จึงทำให้ประชาชนทั่วไปยอมรับว่าเขาเป็น "มิตรฝ่ายธรรมะ"
แต่หลังจากนั้นเขาก็ต้องกลับไปยังอวกาศอีกครั้ง
เพื่อสืบหาต้นตอของภัยร้ายที่กำลังคืบคลานมายังโลก
ในตอนสุดท้ายหลังจากที่เขาได้ค้นพบสิ่งผิดปกติที่ปรากฎขึ้นบนดวงอาทิตย์
และได้ต่อสู้กับ มนุษย์ดาวเอ็มเพอร์เร่อร์ บนโลกแล้ว
ในที่สุดเขาก็ได้เดินทางกลับไปยังอาณาจักรแห่งแสงซึ่งเป็นบ้านเกิดของเขา
อุปกรณ์แปลงร่าง
ไนท์เบรส : อุปกรณ์อันเร้นลับที่ อุลตร้าแมนคิง ยอดมนุษย์ในตำนานได้มอบให้แก่ อุลตร้าแมนฮิคาริ
ซึ่งเดิมเป็นเพียงแค่นักวิทยาศาสตร์ที่ไม่สามารถใช้วิชาลำแสงต่างๆได้
เพื่อให้เขามีพลังพอที่จะสามารถปกป้องคุ้มครองดาวอาร์บ
อุปกรณ์ชิ้นนี้ถือเป็นแหล่งให้กำเนิดท่าไม้ตายต่างๆ
อาทิเช่น ท่าไนท์ชู้ต และ ไนท์บีมเบลด เป็นต้น
นอกจากนั้นอุปกรณ์ชิ้นนี้ยังถูกใช้เป็นอุปกรณ์แปลงร่าง
จากร่างของมนุษย์ให้กลับคืนสู่ร่างเดิมได้ด้วย
โดยการเสียบดาบสั้น ไนท์เบลด เข้าไปที่ ไนท์เบรส
เพื่อทำให้ตนคืนร่างกลับไปเป็น ฮิคาริ ( ซุรุงิ ) ได้อีกครั้ง
อนึ่ง,ดาบสั้น ไนท์เบลด นี้สามารถใช้เป็นอาวุธเมื่อเขาอยู่ในร่างของมนุษย์ได้
ไม่ว่าจะใช้ในการฟันระยะประชิด หรือจะยิงกระสุนแสงออกมาโจมตีในระยะไกลก็ตาม
ท่าไม้ตาย และ ความสามารถพิเศษ
ไนท์ชู้ต : ลำแสงท่าไม้ตายซึ่งจะเป็นการปลดปล่อยพลังงานจาก ไนท์เบรส ออกมา
โดยการไขว้แขนทั้งสองข้างให้เป็นรูปไม้กางเขน
แต่การตั้งท่าจะสลับกับท่า เมเบี่ยมชู้ต ของ เมบิอุส
โดย ฮิคาริ จะนำแขนขวามาไว้ข้างหน้าแทน
( แต่ถึงแม้ว่าจะไม่มี ไนท์เบรส ฮิคาริก็สามารถใช้ท่านี้ได้ )
ถ้าพูดถึงเรื่องอานุภาพแล้วท่านี้จะมีอานุภาพมากกว่า เมเบี่ยมชู้ต
มิหนำซ้ำเมื่อ ซุรุงิ กลับคืนสู่ร่าง ฮิคาริ แล้วท่านี้ก็จะยิ่งมีอานุภาพที่รุนแรงขึ้นไปอีก
และเมื่อ ฮิคาริ ได้สวมเกราะแห่งผู้กล้าแล้ว ลำแสงนี้ก็จะเปลี่ยนเป็นลำแสงสีรุ้ง
ซึ่งจะแตกต่างออกไปจากลำแสงสีน้ำเงินที่เขาเคยใช้ผ่านๆมา
และมีพลังทำลายล้างที่เหนือกว่าแต่ก่อนมาก
ไนท์บีมเบลด : ดาบแสงที่จะปรากฎออกมาจาก ไนท์เบรส ซึ่งมีความคมมากกว่า เมเบี่ยมเบลด
หลังจากที่ ซุรุงิ ได้กลับไปเป็น ฮิคาริ แล้ว
ความคมของ ไนท์บีมเบลด ก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นไปกว่าเดิม
ไนท์บีมเบลด เวอร์ชั่น ฮันเตอร์ไนท์ซุรุงิ
ซึ่ง ฮิคาริ สามารถที่จะใช้ท่านี้ได้แม้จะอยู่ในร่างของเซริซาวะ
แต่เมื่ออยู่ในร่างนั้นแล้วเขาจะปล่อยกระสุนแสงนี้ออกมาจาก ไนท์เบลด แทน
เบลดช็อต เวอร์ชั่น ฮันเตอร์ไนท์ซุรุงิ
เพื่อขับไล่เมฆคำรามบน ดาวโทวาล ให้ท้องฟ้าเปิด
ฮ็อตโร้ดชู้ต : ลำแสงท่าไม้ตายที่ปล่อยออกมาจากมือทั้งสองข้างที่กางออกไปทั้งด้านบนและล่าง
ซึ่งเป็นท่าที่ ฮิคาริ ใช้ในระหว่างที่เขาฝาก ไนท์เบรส เอาไว้กับ เมบิอุส ชั่วคราว
องค์กรพิทักษ์โลก
CREW GUYS ( Guards for UtilitY Situation )
หน่วยป้องกันปราบปรามสัตว์ประหลาดที่ถูกก่อตั้งขึ้นด้วยความร่วมมือจากนานาประเทศ ภายหลังจากที่หน่วยพิทักษ์รุ่นก่อนได้สลายทีมไปเมื่อ 25 ปีที่แล้ว โดยมีศูนย์บัญชาการใหญ่ตั้งอยู่บนทะเลห่างชายฝั่งของกรุงนิวยอร์ค ซึ่งในกองบัญชาการ GUYS ของแต่ละประเทศเองก็จะมีทีม CREW GUYS ซึ่งเป็นหน่วยรบประจำการอยู่ในแต่ละพื้นที่ นอกจากนี้ยังมีหน่วย GUYS OCEAN ซึ่งทำหน้าที่พิทักษ์น่านน้ำสากล และหน่วย GUYS SPACY ที่ทำหน้าที่พิทักษ์อวกาศนอกเขตชั้นบรรยากาศ รวมทั้งยังมีหน่วย GUYS ANTARCTICA ที่มีหน้าที่ในการปกป้องพื้นที่แถบขั้วโลกใต้อีกด้วย
เนื่องจากบุคคลที่มีอายุเกิน 16 ปีขึ้นไปสามารถเข้ารับการสอบเพื่อขอใบอนุญาตจากทีม GUYS ได้ ดังนั้นในเรื่องเราจึงเห็นว่ามีพลเมืองทั่วไปที่มีใบอนุญาตนี้อยู่ด้วย แต่ด้วยความที่ไม่มีสัตว์ประหลาดปรากฎตัวออกมาเป็นเวลากว่า 25 ปีแล้ว ผู้คนในปัจจุบันจึงมองว่าใบอนุญาตนี้เป็นเพียงแค่คุณวุฒิอย่างหนึ่งที่ช่วยให้สมัครเรียนหรือสมัครงานได้ง่ายขึ้นเท่านั้น แต่คนที่ได้ใบอนุญาตแล้วจะมาเข้าร่วมกับทีม GUYS จริงๆนั้นหาได้ยากมาก
เวลาที่สมาชิกทีม GUYS ได้รับคำสั่งพวกเขาจะใช้รหัสว่า "GIG" ที่เป็นตัวย่อมาจาก "GUYS IN GREEN" ซึ่งมีความหมายว่า "รับทราบ" นั่นเอง
ในฐานข้อมูลของ GUYS ศูนย์บัญชาการใหญ่จะมีบันทึกข้อมูลของสัตว์ประหลาดและมนุษย์ต่างดาวที่เคยต่อสู้กับหน่วยพิทักษ์รุ่นก่อนๆในอดีตเก็บรักษาอยู่ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะถูกเรียกว่า "ARCHIVE DOCUMENT" ซึ่งจะได้รับการจัดเก็บเป็นหมวดหมู่เอาไว้ใน Document File ที่มีชื่อทีมรุ่นก่อนๆระบุเอาไว้ อาทิเช่น Document SSSP , Document UG , Document MAT เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีไฟล์ "Out of Document" ที่บันทึกข้อมูลของสัตว์ประหลาดและมนุษย์ต่างดาวที่ปรากฎตัวออกมาในช่วงที่ไม่มีหน่วยพิทักษ์อย่างช่วง "อุลตร้า Q" ซึ่งเป็นช่วงก่อนที่จะเกิดหน่วยวิทยะ ( SSSP ) และช่วงเว้นวรรคไป 5 ปี นับจากทีม MAC ซึ่งเป็นหน่วยพิทักษ์ในยุคของ "อุลตร้าแมนเลโอ" ได้ล่มสลายลง จนถึงตอนที่ก่อตั้งทีม UGM ขึ้นมาใหม่ในยุคของ "อุลตร้าแมน 80" อีกด้วย โดยเมื่อมี สัตว์ประหลาด และ มนุษย์ต่างดาว รวมไปจนถึง อุลตร้าแมน ปรากฎตัวออกมา ทางทีม GUYS ก็จะตั้งชื่อเหล่านั้นให้เป็นชื่อที่อยู่บนโลกโดยจะเรียกกันว่า "Register Code" แต่ถ้าเป็นสัตว์ประหลาดหรือมนุษย์ต่างดาวที่มีบันทึกอยู่ใน ARCHIVE DOCUMENT อยู่แล้วก็จะใช้ Register Code ตามที่ระบุอยู่ในประวัติฐานข้อมูลนั้นเลย
นอกจาก GUYS JAPAN จะมี ฟีนิกซ์เนสท์ เป็นฐานทัพแล้ว ก็ยังมีสถาบันอื่นๆอาทิเช่น ศูนย์วิจัยต่อต้านสัตว์ประหลาดของหน่วย GUYS ก่อตั้งอยู่ภายนอกอีกด้วย ซึ่งศูนย์วิจัยต่อต้านสัตว์ประหลาดของหน่วย GUYS นี้จะมีหน้าที่ในการค้นคว้าวิจัยสัตว์ประหลาดและมนุษย์ต่างดาวที่มีมากถึง 1,000 สายพันธุ์ อีกทั้งยังมีหน้าที่ในการพัฒนา เมเทออล อย่าง สปิริต เซ็ปเพอเรเตอร์ อีกด้วย
ฟีนิกซ์เนสท์
ฟีนิกซ์เนสท์ ไฟล์ทโหมด
สมาชิกหน่วยซาโคมิสึ ชินโกะ : หัวหน้าทีม CREW GUYS ผู้มาดำรงตำแหน่งในฐานะของหัวหน้าทีม
เพื่อรวบรวมสมาชิกของ CREW GUYS ให้เป็นทีมใหม่อีกครั้ง
สำหรับชุดฟอร์มของหัวหน้านั้นจะมีคอเสื้อสีขาว
ซึ่งจะแตกต่างออกไปจากชุดฟอร์มของเจ้าหน้าที่ทั่วไปที่มีคอเสื้อเป็นสีแดง
แม้ว่าปกติเขาจะดูเป็นคนเอื่อยๆแต่เขาก็เชื่อใจในการทำงานของลูกทีม
และจะคอยเฝ้าติดตามการทำงานอยู่ห่างๆ
เขามักจะไม่ค่อยหาโอกาสออกไปปฏิบัติภารกิจในแนวหน้าสักเท่าไรนัก
ทั้งที่จริงๆแล้วเขาเป็นนักบินฝีมือดี
เขาคือคนที่รู้ว่าตัวตนที่แท้จริงของ มิไร คือใครมาตั้งแต่แรก
โดยจะสังเกตได้จากการแสดงท่าทีหรือการพูดจาที่สื่อเป็นนัยของเขา
สิ่งที่เขาโปรดปรานที่สุดก็คือ กาแฟ ( โดยเฉพาะกาแฟเอซเพรซโซ่ )
ดังนั้นบนโต๊ะที่นั่งทำงานของเขาจึงมีเมล็ดกาแฟหลากหลายชนิด
ถูกจัดเรียงเอาไว้อยู่เป็นประจำ และมักจะเห็นเขาดื่มกาแฟในห้องสั่งการอยู่บ่อยๆ
เขาเป็นบุคคลที่มีปริศนาอยู่ค่อนข้างมาก
ทั้งเรื่องที่เขารู้ว่า ซุรุงิ ได้มาเข้าสิงในร่างของเซริซาวะ และเรื่องที่เขาเป็นคนถ่ายทอด
ข้อความของผู้บัญชาการ GUYS JAPAN เอง แทนที่จะเป็นมิซากิ
หรือไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เขามักไม่ค่อยอยู่ที่ฐานเพราะต้องออกไปปฏิบัติภารกิจอย่างอื่น
หรือจะต้องเดินทางไปศูนย์บัญชาการใหญ่ ฯลฯ
เหตุผลทั้งหลายทั้งปวงนั่นเป็นเพราะว่าเขาคือ ผู้บัญชาการหน่วย GUYS JAPAN นั่นเอง
ในอดีตเขาเคยเป็นกัปตันทีมของ หน่วยวิทยะ ที่ต้องออกไปปฏิบัติภารกิจ
นอกอวกาศมาก่อน
ด้วยผลจากการเดินทางในอวกาศด้วยความเร็วที่ใกล้เคียงกับความเร็วแสงนั้นเอง
จึงทำให้เขาเข้าสู่สภาวะที่เวลาจะผ่านไปช้ากว่าบนโลก
ซึ่งเป็นผลจากปรากฎการณ์ อุราชิม่าเอฟเฟคท์ (*1) เขาจึงยังดูมีอายุแค่เพียง 40 ปี เท่านั้น
แต่ถ้าจะให้พูดถึงอายุจริงๆของเขาแล้ว
เขาก็มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับผู้บัญชาการทาเคนากะ
และจากการที่เขาเคยถูก โซฟี่ ช่วยเอาไว้ในขณะที่เขากำลังประสบอันตราย
ในระหว่างที่ปฏิบัติภารกิจอยู่ ณ.ตอนนั้นเอง
เขาจึงเกิดความรู้สึกที่อยากจะต่อสู้ร่วมกันกับ อุลตร้าแมนเมบิอุส
จึงได้ลงมารับตำแหน่งของหัวหน้าทีม โดยปกปิดเรื่องที่เขาเป็นผู้บัญชาการเอาไว้
หลังจากนั้นเขาก็ได้รวมร่างกับ โซฟี่ เพื่อต่อสู้กับ มนุษย์ดาวเอ็มเพอร์เร่อร์ ร่วมกับ เมบิอุส
ในตอนสุดท้าย
อนึ่ง,ชื่อ ซาโคมิสึ นั้นเป็นชื่อของตัวเอกในเรื่อง "หน่วยสืบสวนพิเศษทางวิทยาศาสตร์
เรดแมน" ซึ่งเป็นไอเดียเริ่มแรกก่อนที่จะกลายมาเป็นซีรีส์ "อุลตร้าแมน"
( ผู้รับบท : ทานากะ มิโนรุ )
(*1) อุราชิม่าเอฟเฟคท์ คือ ปรากฎการณ์ที่เมื่อมวลสารเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง
แล้วมวลสารนั้นก็จะมีอายุยืนยาวขึ้น
หรืออีกนัยหนึ่งคือ เวลาจะเดินทางช้าลงตามทฤษฎีสัมพันธภาพของไอน์สไตน์
ไอฮาระ ริว : เจ้าหน้าที่ทีม CREW GUYS เก่า ผู้เหลือรอดชีวิตเพียงคนเดียว
จากการพังพินาศของทีมอย่างย่อยยับ ( ไม่นับรวม เซริซาวะ คาสึยะ ) อายุ 20 ปี
เขาจะทำหน้าที่เปรียบเสมือนกับเป็นรองหัวหน้าทีม CREW GUYS
ซึ่งมักจะต้องคอยออกคำสั่งที่ภาคสนามแทน หัวหน้าซาโคมิสึ ที่อยู่แต่ในฐานทัพฟีนิกซ์เนสท์
เขาเป็นคนที่มีนิสัยมุทะลุใจร้อนจน มารีนะ มักจะเรียกเขาว่า "อีตาบ้าเลือด"
นอกจากนี้เขายังให้ความเคารพต่อ เซริซาวะ อดีตหัวหน้าของเขา
ซึ่งเป็นผู้ที่สอนให้เขารู้จักกับ "คำปฏิญาณ 5 ข้อ ของอุลตร้า" เป็นอย่างมาก
ด้วยเหตุนั้นเองเขาจึงรู้สึกโกรธแค้น ซุรุงิ ที่เอาร่างของ หัวหน้าเซริซาวะ มาใช้
อีกทั้งยังเรียก ซาโคมิสึ แบบห้วนๆว่า "คุณซาโคมิสึ" โดยที่ไม่ใช้คำว่าหัวหน้า
เพื่อให้ดูเป็นการทิ้งระยะห่างเอาไว้
แต่หลังจากที่ อุลตร้าแมนฮิคาริ ( เซริซาวะ ) ได้เดินทางลาจากโลกไป
เขาจึงเริ่มที่จะเรียก ซาโคมิสึ ว่า "หัวหน้า"
เนื่องจากเขามีความภาคภูมิใจในการปฏิบัติหน้าที่อยู่ในทีม GUYS
และมีความยึดมั่นว่าโลกเป็นสิ่งที่มนุษย์ควรจะปกป้องด้วยมือของตัวเอง
ดังนั้นช่วงแรกๆเขาจึงรู้สึกไม่ค่อยพอใจในการปรากฎตัวของ เมบิอุส นัก
แต่หลังจากนั้นไม่นานเขาก็เริ่มที่จะยอมรับว่า เมบิอุส คือเพื่อนของเขา
แม้ว่าเขาจะเป็นคนที่ขี้โมโหง่ายและมักจะทะเลาะกับสมาชิกคนอื่นๆเป็นประจำ
แต่ในขณะเดียวกันเขาก็ยอมรับในความสามารถของสมาชิกคนอื่นๆ
และยังเป็นคนที่กลัวผีอีกด้วย
เขาจะสนิทสนมกับ มิไร มากกว่าสมาชิกคนอื่นๆ โดยจะทำหน้าที่เปรียบเสมือนกับเป็นทั้งพี่
และเพื่อนที่คอยตักเตือนซึ่งกันและกันได้เวลาที่อีกฝ่ายหนึ่งกระทำผิด
อีกทั้งยังเป็นผู้ที่เข้าใจในตัวของ มิไร เป็นอย่างดีภายหลังจากที่ทุกคนรู้ว่า เมบิอุส ก็คือ มิไร
ในช่วงที่กำลังปะทะกับมนุษย์ดาวเอ็มเพอร์เร่อร์ เซริซาวะ ได้มอบ ไนท์เบรส ให้กับเขา
เพื่อให้เขาสามารถต่อสู้ในร่างของ อุลตร้าแมนฮิคาริ ได้ชั่วคราว
สุดท้ายหลังจากที่ มิไร เดินทางกลับไปยังอาณาจักรแห่งแสงแล้ว
เขาก็ได้รับตำแหน่งให้เป็นหัวหน้าคนใหม่ของทีม CREW GUYS ต่อจาก หัวหน้าเซริซาวะ
และ หัวหน้าซาโคมิสึ ( ผู้รับบท : นิชินะ มาซากิ )
เดิมเขาเคยเป็นนักฟุตบอลมืออาชีพที่สังกัดอยู่ในสเปนลีกมาก่อน
เขาจึงมักจะพูดภาษาสเปนติดปากเป็นบางครั้ง
เนื่องจากเขาได้รับบาดเจ็บจากการเล่นฟุตบอลจึงต้องมาทำกายภาพบำบัดที่ญี่ปุ่น
แต่เขาก็มาคล้อยตามคำพูดเกลี้ยกล่อมของ มิไร จนยอมเข้าร่วมทีม GUYS
โดยหลังจากที่เขาได้เข้าร่วมทีมแล้ว
ช่วงแรกๆเขาก็มักจะสร้างปัญหาทะเลาะกับเพื่อนร่วมทีมอยู่บ่อยครั้ง
แต่จากเหตุการณ์ต่างๆเหล่านี้เองจึงทำให้เขากับเพื่อนร่วมทีมคนอื่นๆอย่าง มิไร
เกิดมิตรภาพที่ดีต่อกัน
เขามีความสามารถในการอ่านความเคลื่อนไหวและมีความสามารถในการจับตำแหน่งได้ดี
จนถึงขั้นที่สามารถอ่านการโจมตีของสัตว์ประหลาดออกหมด
อีกทั้งยังมีฝีมือในด้านการยิงปืนที่แม่นไม่แพ้ ริว เช่นกัน
ความฝันของเขาคือการได้เป็นบุคคลที่ทุกคนต่างหลงใหลเหมือนอย่างอุลตร้าแมน
ดังนั้นเขาจึงแสดงอาการดีใจเมื่อได้เห็นอุลตร้าแมนคนก่อนๆปรากฎตัวออกมา
ในสมัยที่เขาเป็นนักฟุตบอลมืออาชีพ เขาเคยใช้ท่า "ลูกเตะดาวหาง" ซึ่งเป็นท่าเด็ดของเขา
ในการนำทีมให้เป็นราชาลูกหนังของสเปนลีกมาถึง 3 สมัยซ้อนแล้ว
แต่เนื่องด้วยความสามารถพิเศษของเขาที่ได้กล่าวมานั้นเองจึงทำให้คนรอบๆข้างไม่เข้าใจ
ถึงความรู้สึกของเขา และไม่มีใครที่เขาจะสามารถเรียกว่าเพื่อนได้เลยสักคน
แถมเขายังถูกเพื่อนร่วมทีมกับสื่อมวลชนมองด้วยสายตาที่เย็นชาอีกต่างหาก
ดูผิวเผินเหมือนว่าเขาจะเป็นคนที่เงียบขรึม แต่ที่จริงแล้วเขาเป็นตัวโจ๊กกว่าที่คิด
เมื่ออยู่ต่อหน้าสุภาพสตรีแล้วเขาจะทำตัวสุภาพเรียบร้อย
แถมยังมีการพูดจาป้อล้อบ้างเป็นครั้งคราว เลยมักจะโดน มารีนะ ตำหนิอยู่บ่อยๆ
ด้วยความที่เขาเขียนตัวอักษรจีนคำว่า "อิการุกะ" ซึ่งเป็นนามสกุลของตัวเองไม่ได้
เขาจึงไม่ชอบเวลาที่มีคนมาเรียกเขาด้วยนามสกุลหรือชื่อเต็ม
จากการที่เขาเคยมีประสบการณ์อันเลวร้ายกับทะเลมาก่อน
เขาจึงไม่ค่อยถูกกับสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยอย่างทะเลสักเท่าไหร่นัก
( แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาว่ายน้ำไม่ได้ เพราะเมื่ออยู่ในสระเขาก็สามารถว่ายน้ำได้ )
และจะปฏิเสธภารกิจที่ให้ออกไปปฏิบัติการที่ใต้ทะเลและอวกาศ ( อุลตร้าโซน )
สุดท้ายเขาก็สามารถทำความฝันในตอนเด็กๆให้เป็นจริงได้
และได้กลับไปเล่นฟุตบอลในลีกสเปนอีกครั้ง
ภายหลังจากที่ได้อำลาจาก มิไร ในตอนสุดท้าย
( ผู้รับบท : วาตานาเบะ ไดสุเกะ )
คุเซะ เท็ปเป้ : เจ้าหน้าที่ทีม CREW GUYS วัย 18 ปี ที่ มิไร กับ ริว ชักชวนให้มาเข้าร่วมทีม
เขาเป็นลูกชายของนายแพทย์ผู้เป็นเจ้าของโรงพยาบาลใหญ่
และเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยแพทย์
ผู้มีปณิธานว่าจะสืบทอดโรงพยาบาลต่อจากบิดาของตนตามเจตนารมย์ของพ่อกับแม่
แต่เขาก็ได้ตัดสินใจเข้าทีม GUYS ด้วยความที่ไม่อาจละทิ้งความฝันในตอนเด็กๆ
ที่อยากจะเข้าร่วมทีม GUYS ที่เขาหลงใหลได้
เขาจึงต้องพยายามปกปิดเรื่องที่เขาเข้าทีม GUYS ไม่ให้แม่รู้
จนเมื่อความแตกแล้วแม่ของเขาก็ออกมาคัดค้านเสียงแข็งในตอนแรก
แต่หลังจากนั้นเธอก็ยินยอมให้เขาเข้าร่วมทีม GUYS ได้
( หลังจากเข้าร่วมทีม GUYS แล้ว เท็ปเป้ก็ยังต้องไปเรียนที่มหาวิทยาลัยอยู่ )
เขามีความรอบรู้เกี่ยวกับสัตว์ประหลาดและอุลตร้าแมนที่เคยปรากฎตัวเมื่อในอดีต
อีกทั้งยังสามารถพูดภาษาต่างดาวได้โดยการศึกษาด้วยตนเอง
หน้าที่หลักๆของเขาคือการเป็นผู้วิเคราะห์ข้อมูลและคอยวางแผนการรับมือกับสัตว์ประหลาด
และมนุษย์ต่างดาว ซึ่งปกติแล้วเขามักจะปฏิบัติหน้าที่อยู่ภายในฐาน
แต่ก็มีบางครั้งที่เขาขอออกไปอยู่ในแนวหน้าด้วยความอยากรู้อยากเห็นเป็นการส่วนตัว
หรือต้องเป็นคนออกไปสั่งการเองตามแผนที่เขาเป็นคนคิดขึ้นมา
เนื่องด้วยความคิดของเขาที่ว่า "ปรากฎการณ์ทุกอย่างสามารถอธิบายในเชิงวิทยาศาสตร์ได้"
ฉะนั้นจึงเห็นได้ว่าบ่อยครั้งที่เขาสามารถไขความลับเรื่องพลังความสามารถพิเศษของ
สัตว์ประหลาดและมนุษย์ต่างดาวออกมาเป็นเชิงวิทยาศาสตร์ได้
แม้ว่าเขาจะไม่ค่อยถนัดในเรื่องปรากฎการณ์ทางวิญญาณหรือเรื่องเร้นลับสักเท่าไรนัก
แต่เวลาที่มีคดีอะไรที่เกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ เขากลับเป็นคนที่ใจกล้าที่สุดในทีม CREW GUYS
มะเขือเทศคือสิ่งที่เขาไม่ชอบ
หลังจาก มิไร ได้ลาจากไปแล้วเขาก็ได้เป็นนายแพทย์เจริญรอยตามพ่อของเขาในตอนสุดท้าย
( ผู้รับบท : อุจิโนะ เคนตะ )
คาซามะ มารีนะ : เจ้าหน้าที่ทีม CREW GUYS วัย 19 ปี
ซึ่งเป็นอีกคนหนึ่งที่ มิไร กับ ริว ชักชวนให้มาเข้าร่วมทีม
เธอมีน้องชายอยู่ 2 คนด้วยกัน
ก่อนที่จะมาเข้าร่วมทีม GUYS เธอเคยเป็นนักแข่งรถหญิงในรายการโร้ดเรซซิ่ง
( การแข่งมอเตอร์ไซค์ทางไกล ) มาก่อน โดยมีเป้าหมายว่าเธอจะต้องคว้าสิทธิ์เข้าร่วม
ลงแข่งขันระดับโลกในฐานะนักแข่งหญิงคนแรกให้ได้
แต่ มิไร ก็พูดชักชวนเธอจนยอมคล้อยตามมาเข้าร่วมทีม GUYS ด้วยอีกคน
เธอมีประสาทในการได้ยินเสียงที่ดีกว่าคนทั่วไป
จึงทำให้เธอสามารถแยกแยะความยาวคลื่นพิเศษที่มากับเสียงร้องของสัตว์ประหลาด
และทำให้เธอสามารถอ่านความเคลื่อนไหวของมันได้ล่วงหน้า
เธอได้อาศัยความสามารถนี้ผนวกกับฝีมือการยิงปืนที่แม่นยำพอๆกับจอร์จ
ในการแสดงฝีมือที่เหนือกว่าผู้ที่มีประสบการณ์อย่าง ริว ให้ทุกคนได้เห็นเป็นที่ประจักษ์
นอกจากนี้เธอยังมีฝีมือในการบังคับยวดยานพาหนะต่างๆ
ดังนั้นเธอจึงมักจะได้เป็นผู้ทำหน้าที่ควบคุมยานในเวลาออกปฏิบัติการ
ทว่า,ด้วยการที่มีประสาทในการได้ยินดีเกินไปนั่นเอง
จึงทำให้เธอรับรู้ถึงความผิดปกติของเครื่องยนต์ได้อย่างรวดเร็ว
จนก่อเกิดเป็นความกลัวขึ้นมาและทำให้การขับขี่ของเธอต้องสะดุดลงกลางครัน
เธอมีนิสัยที่ไม่ยอมแพ้พวกผู้ชาย แต่อีกด้านหนึ่งเธอก็ยังคงมีนิสัยที่ผู้หญิงทั่วๆไป
มักจะเป็นกัน คือ โรคกลัวแมงมุม
ดูเหมือนว่าเธอจะมีใจให้กับ จอร์จ อยู่เหมือนกัน แต่ในเรื่องเจ้าตัวก็บอกแค่ว่า
เธอเคยเป็นแฟน จอร์จ ในสมัยที่เขาเป็นนักฟุตบอลมืออาชีพเท่านั้น
หลังจากที่เธอได้กล่าวคำอำลากับ มิไร ในตอนสุดท้ายแล้ว
เธอก็กลับไปเป็นนักแข่งอีกครั้งและเข้าร่วมการแข่งขัน
จนสามารถสร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองได้
( ผู้รับบท : ไซคาวะ ไอ )
อามาไก โคโนมิ : หนึ่งในเจ้าหน้าที่ทีม CREW GUYS วัย 18 ปี ที่ถูก มิไร กับ ริว ชักชวนให้มาเข้าร่วมทีม
เธอเคยทำงานพิเศษในโรงเรียนอนุบาลโดยมีความใฝ่ฝันว่าอยากจะเป็นคุณครู
ในโรงเรียนอนุบาลมาก่อน แต่เธอก็ได้มาเข้าร่วมทีม GUYS ตามคำชักชวนของ มิไร
หลังจากนั้นในวันออกเวรเธอก็จะไปหาเด็กๆในโรงเรียนอนุบาลเป็นประจำ
ไม่รู้ว่าเป็นผลจากการที่เธอเคยทำงานกับเด็กๆมาก่อนหรือเปล่า
จึงทำให้เธอสามารถรับรู้ได้ว่าสัตว์ประหลาดและอุลตร้าแมนคิดอะไรอยู่
อีกทั้งในตอนที่ ลีม ปรากฎตัวออกมา เธอก็เป็นเพียงคนเดียวที่อุ้มมันเอาไว้
โดยไม่แสดงอาการตกใจใดๆเลย
ปกติเธอจะทำหน้าที่เป็นโอเปอเรเตอร์อยู่ภายในฐาน
ดังนั้นเธอจึงเป็นเพียงคนเดียวที่มีชุดฟอร์มเป็นกระโปรงสั้น
และใส่ถุงเท้าสูงขึ้นมาเหนือหัวเข่า
( แต่เวลาที่ต้องออกไปรบนอกฐาน เธอจะสวมที่ครอบรองเท้าแบบติดสนับเข่าด้วย )
แม้จะดูว่าเธอเป็นคนใจเสาะ , ขี้ขลาดตาขาว และ ขี้แย ไม่เหมาะกับการต่อสู้
แต่ที่จริงแล้วเธอก็มีความกล้าหาญไม่ด้อยไปกว่าสมาชิกคนอื่นๆ
และเป็นผู้ที่จูงใจให้สมาชิกทุกคนในทีม GUYS มารวมตัวกันได้
เธอมักจะสวมแว่นอยู่ตลอดเวลา ยกเว้นแต่ในตอนที่ 16 ที่เธอได้ลองเปลี่ยนมาใส่
คอนแทคเลนส์แทนแต่กลับไม่มีใครรู้สึกถึงความแตกต่าง
นอกจาก ซาโคมิสึ ที่เป็นคนมาทักเธอเพียงคนเดียว
ด้วยความที่เป็นคนใจดีของเธอจึงทำให้ มาเข้ดมอนสเตอร์ ( ยกเว้นวินดั้ม ) อย่าง มิคลาส
คุ้นเคยและเชื่อฟังเธอ เธอจึงเป็นเพียงคนเดียวในทีม CREW GUYS ที่สามารถควบคุม
มิคลาส ได้ดังใจ ดังนั้นเวลาที่ต้องการจะให้ มิคลาส ออกปฏิบัติภารกิจ
เธอจึงต้องออกไปยังแนวรบด้วย
หลังจาก มิไร เดินทางลาจากโลกไปในตอนสุดท้าย
เธอก็กลับไปทำงานเป็นครูสอนเด็กอนุบาลอีกครั้ง ( ผู้รับบท : ฮิราตะ มิซาโตะ )
ฮิบิโนะ มิไร : ร่างแปลงกายเป็นมนุษย์ที่ อุลตร้าแมนเมบิอุส ได้จำลองแบบมาจาก บัน ฮิโรโตะ นักบินอวกาศ
ผู้ยอมสละชีวิตตัวเองเพื่อช่วยลูกเรือคนอื่นๆที่อยู่บนยาน
ดูจากภายนอกแล้วเขาจะมีอายุประมาณ 18 ปี
เขาถือเป็นสมาชิกใหม่คนแรกของทีม CREW GUYS ที่เคยพินาศไปครั้งหนึ่งในการต่อสู้
กับ ดีโนซอล โดยมี ซาโคมิสึ เป็นผู้จัดการเดินเรื่องให้เขาเข้าทีม
เขาเป็นคนที่ร่าเริงแจ่มใส แต่ยังขาดความรู้เกี่ยวกับเรื่องโลกอยู่อีกมาก
บางครั้งเขาจึงรู้สึกสับสนกับวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน
และมักจะใช้คำพูดที่ไม่รู้ประสีประสาแม้แต่กับเรื่องในชีวิตประจำวันบางเรื่อง
อีกทั้งยังแสดงพฤติกรรมที่เกือบจะทำให้ร่างที่แท้จริงของตัวเองต้องถูกเปิดเผย
โดยที่เจ้าตัวไม่ทันระวัง
อาหารที่เขาโปรดปรานมากที่สุดภายหลังจากที่เขาได้เข้าทีม GUYS และได้ลองกินดู
ก็คือ ข้าวแกงกะหรี่ นั่นเอง
เขามีฝีมือในด้านการเป็นนักบินสูงมาก เรียกได้ว่าเครื่องบินที่เขาขับนั้นไม่เคยตกเลยสักครั้ง
หลังจากที่สมาชิกทุกคนในทีม GUYS ทราบถึงตัวตนที่แท้จริงของเขาแล้ว
เขาจึงไม่ค่อยปกปิดตัวตนที่แท้จริงของตัวเองกับคนอื่นสักเท่าไรนัก
ผลสุดท้ายจึงทำให้ ฮิรุคาวะ นำเรื่องของเขาไปลงข่าวแฉในตอนที่ 48
และทำให้ ซาโคมิสึ ที่เป็นผู้บัญชาการหน่วย GUYS JAPAN
ต้องออกมากล่าวคำแถลงการณ์ชี้แจงให้ประชาชนทุกคนได้ทราบถึงตัวตนที่แท้จริงของเขา
และพยายามขอร้องให้ทุกคนยอมรับในตัวของ มิไร
จนทำให้ประชาชนทั่วไปยอมรับในตัวเขาได้
หลังจากที่เขาสามารถกำจัด มนุษย์ดาวเอ็มเพอร์เร่อร์ ได้แล้ว
เขาก็ได้รับการยอมรับให้เป็นสมาชิกคนหนึ่งในพี่น้องอุลตร้าอย่างเป็นทางการ
และได้ให้คำสัญญากับทุกคนในทีม GUYS เอาไว้ว่าเขาจะนำประสบการณ์ที่ได้พบเจอบนโลก
ไปบอกเล่าให้คนรุ่นหลังฟังสืบต่อไป ก่อนที่จะเดินทางกลับไปยังอาณาจักรแห่งแสง
ในตอนสุดท้าย
( ผู้รับบท : อิการาชิ ชุนจิ )
ที่ปรึกษาโทริยามะ : ผู้ดูแลรักษาการณ์ที่มีอำนาจในการสั่งการทีม CREW GUYS แทนผู้บัญชาการ
ที่ไม่ยอมออกมาปรากฎตัว
ในขณะที่ หัวหน้าซาโคมิสึ ไม่อยู่เขาจะเป็นผู้ออกคำสั่งปฏิบัติการเอง
เขาจะเป็นคนที่รักษาผลประโยชน์ของตัวเองอย่างเต็มที่
ดังนั้นเขาจึงมักจะมีสีหน้าไม่ค่อยพอใจนักเวลาที่มีภารกิจอื่นๆเพิ่มเข้ามา
แต่อีกใจหนึ่งเขาก็มีความรู้สึกที่อยากจะปกป้องสันติสุขของโลกและชีวิตของผู้คน
นอกจากนี้เขายังชอบให้ความร่วมมือกับสื่อมวลชนในการทำข่าวอย่างเต็มที่
ด้วยความที่อยากเด่นอยากดัง แต่ก็ยังอุตส่าห์หวังดีกับเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ
กะจะให้เขาได้เกิดด้วยในเวลาที่เขาสร้างผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม
( ทว่า,ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้ เท็ปเป้ เกือบจะต้องลาออกจากทีม GUYS )
เขาเป็นคนที่มักจะโอนอ่อนไปตามลม
อย่างกับมนุษย์ต่างดาวที่ยังไม่รู้ว่าเป็นมิตรหรือศัตรู
เขาก็จะคอยระแวดระวังอยู่ตลอดเวลาจนกว่าจะรู้แน่ชัดว่าอีกฝ่ายมาดี
แต่พอรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นมิตรด้วยแล้ว เขาก็จะเริ่มมีท่าทีที่สุภาพมากขึ้น
และเข้าไปตีซี้สนิทสนมด้วยซะงั้น
ด้วยความที่เขาให้ความไว้วางใจกับลูกทีม ดังนั้นแม้ว่าเขาจะมีความคิดเห็น
ในเรื่องยุทธวิธีการรบแตกต่างกับลูกทีม แต่เขาก็จะไม่โต้เถียงแบบหัวชนฝา
แม้ว่าพวกสมาชิกในทีม CREW GUYS จะแสดงท่าทีเอือมระอา
หรือตีตัวออกห่างไปบ้างก็ตาม
ปกติเขาจะเรียก มิซากิ ซึ่งมีฐานะเป็นผู้บังคับบัญชาของเขาว่า "คุณมิซากิ" เฉยๆ
ซึ่งเป็นการแสดงออกให้เห็นว่าเขายังไม่ยอมก้มหัวให้กับเธอ
นอกจากนี้เขามักจะเป็นผู้ก่อปัญหาพาให้ทีม GUYS ต้องตกอยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉิน
อยู่หลายครั้งหลายคราเพราะความผิดพลาดของเขาเอง
เขามักจะทำงานอยู่เบื้องหลังเสียเป็นส่วนใหญ่
ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการของบประมาณ
หรือการวางแผนอพยพประชาชนในเขตพื้นที่แนวรบก็ดี
อีกทั้งยังเป็นผู้ที่เสนอให้นำ มาเข้ดมอนสเตอร์ มาใช้ในการรบจริงอีกด้วย
เขาถนัดในการเล่น เคนโด้ และดูเหมือนว่าจะได้ดั้งด้วย
แม้ว่าเขาจะเป็นผู้มีตำแหน่งในระดับสูงแต่เขาก็ถือเป็นผู้สร้างบรรยากาศให้กับทีม GUYS
ไม่ให้ดูซีเรียสจนเกินไป
ตอนแรกเขากับ มารุ คิดว่า หัวหน้าเซริซาวะ ได้ตายไปแล้ว
จนกระทั่งได้มาเจอกับเขาอีกครั้งหนึ่งในช่วงกลางเรื่อง
โดยที่ไม่รู้มาก่อนเลยว่า เซริซาวะ ได้รวมร่างกับ ฮิคาริ ไปแล้ว
และเขาก็ไม่รู้ด้วยว่า มิไร คือ อุลตร้าแมนเมบิอุส จนกระทั่งถึงช่วงท้ายๆ
แต่พอเขาได้รับรู้ความจริงแล้ว เขาก็พยายามที่จะห้ามปราม ผู้ตรวจการณ์ ชิคิ
ที่ต้องการจะมอบตัว มิไร ให้กับรัฐบาล อย่างเต็มที่ ( ผู้รับบท : อิชิอิ เคนอิจิ )
เลขาที่ปรึกษา มารุ : เลขาคนสนิทของโทริยามะที่ให้ความเคารพเทอดทูนในตัวของ โทริยามะ
เป็นอย่างมาก แต่ติดตรงที่เป็นคนปากมากไปนิดนึง
จึงมักจะโดน โทริยามะ พูดเอ็ดหรือพาลใส่บ่อยๆ
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ค่อยมีพละกำลังขนาดว่าซ้อมเคนโด้กับ โทริยามะ ไม่ทันไร
ก็เหนื่อยหอบ แต่เขาก็เป็นคนที่มีความรับผิดชอบสูง
และเป็นคนประเภท "ถ้าคิดจะทำก็ทำได้" เหมือนกับ โทริยามะ
อีกทั้งยังเป็นคนที่มีไหวพริบปฏิภาณดี จึงทำให้สมาชิกในทีม CREW GUYS
ทุกคนให้ความไว้เนื้อเชื่อใจในตัวเขา
จากฉากที่ย้อนรำลึกความหลังในตอนที่ 16 จึงทำให้เรารู้ว่าเขามีภรรยาแล้ว
( ผู้รับบท : ไมโดะ ยูทากะ )
มิซากิ ยูคิ : ตัวแทนของผู้บัญชาการหน่วย GUYS ที่ถูกดึงตัวให้มาเข้าร่วมองค์กร
ตั้งแต่สมัยที่เธอยังเป็นนักศึกษา ดังนั้นเธอจึงมีอายุไม่ห่างจากลูกทีม GUYS สักเท่าไหร่นัก
ในหน่วย GUYS JAPAN เธอถือเป็นผู้มีอำนาจเป็นอันดับสองรองจากผู้บัญชาการ
เวลาที่มีสัตว์ประหลาดปรากฎตัวออกมา
เธอมักจะเป็นผู้อธิบายแผนการรบให้แก่สมาชิกทีม GUYS แทนผู้บัญชาการอยู่บ่อยๆ
และยังเป็นผู้ที่คอยถ่ายทอดความคิดและเจตนาของศูนย์บัญชาการใหญ่
ให้กับ โทริยามะ และ มารุ ได้รับทราบอีกด้วย
ดูเหมือนว่าเธอจะได้รับการฝึกซ้อมรบมาในระดับหนึ่ง
นอกจากนี้เธอยังเป็นผู้มีอำนาจในการอนุมัติให้ เมเทออล ทำงาน
และมีสิทธิ์ในการบังคับ ฐานทัพฟีนิกซ์เนสท์ ในระบบ ไฟลท์โหมด ด้วย
เวลาที่เธอไม่ได้ประจำการเธอมักจะออกไปเดินช๊อปปิ้ง
เธอเป็นบุคคลเพียงคนเดียวที่รู้ว่า ซาโคมิสึ ก็คือ ผู้บัญชาการ
แถม ซาโคมิสึ ก็คือคนที่บอกให้เธอรู้ว่าตัวจริงของ มิไร เป็นใครอีกด้วย
( ผู้รับบท : อิชิคาวะ ซาอายะ )
หัวหน้าช่าง อาราอิโซะ : หัวหน้าทีมซ่อมบำรุง ผู้รับผิดชอบในการซ่อมแซมเครื่องบินรบให้กับทีม GUYS
ซึ่งมีประวัติเคยรับหน้าที่เป็นช่างเครื่องให้กับหน่วยพิทักษ์หลายๆรุ่นในอดีตมาก่อน
เขาจะคำนึงถึงความปลอดภัยของนักบินเป็นหลัก
และให้ความเชื่อใจในฝีมือของนักบินอยู่เสมอ แต่อีกด้านหนึ่งก็เป็นคนหัวแข็ง
ที่ไม่ยอมให้นักบินออกไปปฏิบัติการ หากการซ่อมแซมยานยังไม่เสร็จสมบูรณ์ดี
ด้วยเหตุนี้เองเขาจึงมักจะมีปากมีเสียงกับ ริว เป็นประจำ
เขาเป็นบุคคลแรกที่เสนอให้นำเอาระบบ เมเทออล มาใช้
เพื่อความปลอดภัยของตัวนักบินเอง
ถ้าพูดถึงฝีมือในการซ่อมบำรุงของเขาแล้ว
เขาถือว่าเป็นสุดยอดปรมาจารย์อันดับหนึ่ง
ถึงขนาดที่ อิซานะ ลูกน้องเก่าของเขาเคยทาบทามให้เขาไปเป็นช่างประจำ
อยู่หน่วย GUYS OCEAN มาแล้ว แต่เขาก็ปฏิเสธ ( ผู้รับบท : วาตาบิคิ คัตสึฮิโกะ )
อิซานะ ฮิโรชิ : หัวหน้าหน่วย GUYS OCEAN ที่แม้จะดูผิวเผินว่าเขาเป็นคนที่มีนิสัยง่ายๆสบายๆ
แต่ก็มีเทคนิคการบังคับเครื่องบินรบที่ยอดเยี่ยม
และยังเป็นคนที่มีสายตาแหลมคมถึงขนาดมองออกว่าตัวจริงของ มิไร คือใคร
อีกทั้งยังเป็นเพื่อนสนิทกับ ซาโคมิสึ อีกด้วย
สมัยก่อนเขาเคยทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ฝึกหัดอยู่ในหน่วยซ่อมบำรุงของ GUYS JAPAN
จึงทำให้เขารู้เรื่องเครื่องยนต์กลไกเป็นอย่างดี
ซึ่ง หัวหน้าช่างอาราอิโซะ เองก็ยอมรับว่าเขาเป็นชายหนุ่มที่มีอนาคตไกล
ตอนที่เขาไปเข้ารับการทดสอบเพื่อสมัครเข้าหน่วย GUYS OCEAN
เขาไม่ได้บอกเรื่องนี้ให้กับ หัวหน้าอาราอิโซะ ทราบ และหลังจากนั้นก็ไม่ได้ติดต่อกันไปนาน
แต่เขาก็ยังคงให้ความเคารพในตัวของ หัวหน้าอาราอิโซะ อยู่เสมอ
และจะชอบเรียกเขาว่า "ป๋า" ( ผู้รับบท : มุราคามิ โคเฮย์ )
ผู้บัญชาการสูงสุด ทาเคนากะ : ผู้บัญชาการสูงสุดแห่งหน่วย GUYS ทั่วโลก
ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นผู้ที่มีอายุมากแล้ว แต่เขาก็ยังคงมีสายตาที่เฉียบคม
ถึงขนาดที่มองหน้าพวกลูกทีม CREW GUYS เพียงแวบเดียว
ก็สามารถทายถูกได้เลยว่าแต่ละคนเคยผ่านประสบการณ์อะไรมาบ้าง
เขาเคยดำรงตำแหน่งเป็นเสนาธิการของกองกำลังพิทักษ์โลกมาก่อน
และยังเป็นผู้ดูแลรับผิดชอบหน่วยพิทักษ์อุลตร้าแห่งฐานทัพตะวันออกไกล
อีกด้วย
ซึ่งก่อนหน้านั้นเขาก็เป็นผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับหน่วยวิทยะมาก่อน
และนับจากทีม MAT เป็นต้นมาก็ดูเหมือนว่าเขาจะมีส่วนเกี่ยวพัน
กับหน่วยพิทักษ์อื่นๆในด้านใดด้านหนึ่งด้วยเช่นกัน
เขาเป็นเพื่อนสนิทที่ไว้วางใจในตัว ซาโคมิสึ เป็นอย่างมาก
และสนิทสนมกันจนถึงขั้นเรียกชื่อเขาติดปากว่า "ซาโคจจิ" ได้
( ผู้รับบท : ซาฮาระ เคนจิ )
ตัวละครอื่นๆ
เซริซาวะ คาสึยะ : หัวหน้าทีม GUYS คนก่อนที่ได้ยิน คำปฏิญาณ 5 ข้อของอุลตร้า มาจากเพื่อน
เมื่อสมัยเด็กๆ อายุ 30 ปี
ตอนแรกทุกคนคิดว่าเขาได้เสียชีวิตไปในหน้าที่
หลังจากที่บินพุ่งเข้าชนกับ ดีโนซอล ไปแล้ว แต่เขาก็กลับมาปรากฎกายอีกครั้ง
ภายหลังจากที่ถูก ซุรุงิ ที่ได้สาบานตนว่าจะแก้แค้น โบกอล เข้าสิง
หลังจากที่ ซุรุงิ ล้างแค้นได้สำเร็จ จนตัวเองต้องพลอยบาดเจ็บล้มตายตามไปด้วยแล้ว
เขาก็ฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งพร้อมกับ ซุรุงิ
( ตอนนี้เขาได้กลับคืนสู่ร่างเดิมเป็น อุลตร้าแมนฮิคาริ แล้ว )
ด้วยการรักษาจากเจ้าแม่อุลตร้า และได้สติสัมปชัญญะของมนุษย์กลับคืนมา
แต่เขาก็ยังคงอาศัยอยู่บนโลกต่อโดยที่ไม่ได้แยกร่างออกจากฮิคาริ
ในช่วงกลางเรื่องหลังจากที่เขาได้เห็นพัฒนาการของ ริว แล้ว
เขาจึงออกเดินทางจากโลกไปพร้อมกับฮิคาริ
แต่หลังจากนั้นเขาก็ได้ไล่ตาม มนุษย์ดาวบาบาลู จนต้องกลับมาที่โลกอีกครั้ง
ก่อนที่จะลาจากโลกเพื่อเดินทางไปตรวจสอบอันตรายที่กำลังจะมาคุกคาม
ที่ เจ้าพ่ออุลตร้า สัมผัสได้อีกครั้ง
โดยในการต่อสู้ครั้งสุดท้ายเขาได้กลับมาที่โลกเพื่อช่วยเหลือทีม GUYS
และเข้าต่อสู้กับ มนุษย์ดาวเอ็มเพอร์เร่อร์ จนหมดพลัง
จนต้องฝาก ไนท์เบรส เอาไว้กับ ริว เป็นการชั่วคราว
แต่หลังจากการต่อสู้จบลง ฮิคาริ ก็ได้แยกร่างอำลาจาก ริว
เพื่อเดินทางไปยังอวกาศพร้อมกับโซฟี่ ( ผู้รับบท : อิชิคาวะ ชิน )
บัน เท็ตซึโร่ : นักธรณีวิทยาทางดาวเคราะห์ ผู้เคยดำรงตำแหน่งเป็นกัปตันยานอวกาศอารันดาส
ที่มีภารกิจในการขนส่งสเปเซี่ยมมาจากดาวอังคารเมื่อครึ่งปีก่อน
แต่ปัจจุบันนี้เขาได้ปลดระวางแล้ว เขาได้สูญเสีย ฮิโรโตะ ลูกชายของเขาไป
ในขณะที่ยานอวกาศของพวกเขากำลังจะถูกดูดเข้าไปในอุลตร้าโซน
เขาคือผู้ที่จุดประกายให้ เมบิอุส ใช้ชื่อของตนว่า ฮิบิโนะ มิไร
และด้วยความที่เขาเป็นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่กับซาโคมิสึ
เขาจึงฝาก มิไร หรือ เมบิอุส ให้กับซาโคมิสึ ( ผู้รับบท : ฮิราอิซึมิ เซย์ )
บัน ฮิโรโตะ : ลูกเรือบนยานอารันดาสซึ่งเป็นลูกชายของ เท็ตซึโร่ กัปตันยาน
แม่ของเขาได้เสียชีวิตไปด้วยฝีมือของนาเมก้อน
เขาเป็นมนุษย์ที่เกิดบนดาวอังคารและไม่เคยเดินทางมาที่โลกเลยสักครั้งเดียว
ดังนั้นเขาจึงตั้งหน้าตั้งตารอคอยวันที่จะได้เดินทางไปที่โลก
ทว่า,ในจังหวะที่ยานอารันดาสกำลังจะถูกดูดเข้าไปในอุลตร้าโซนนั่นเอง
เขาได้เป็นคนปลดตู้คอนเทนเนอร์ออกจากตัวยาน เพื่อช่วยให้ยานรอดพ้นจากวิกฤติมาได้
โดยต้องเอาชีวิตของตนเข้าแลก เมบิอุสที่ผ่านมาพบเห็นเหตุการณ์นี้จึงรู้สึกประทับใจ
ในการกระทำของเขาและตัดสินใจที่จะใช้ร่างของเขาเป็นต้นแบบในการจำลองร่างเป็นมนุษย์
อนึ่ง,นามสกุลของตัวละครตัวนี้ได้นำมาจากนามสกุลของ บัน ฮิเดกิ ซึ่งเป็นตัวละครนำ
ในซีรีส์เรื่อง "การกลับมาของอุลตร้าแมน" ที่ได้มีการกำหนดเอาไว้ในตอนแรก
แต่ไม่ได้นำมาใช้ ( ผู้รับบท : อิการาชิ ชุนจิ )
จินงูจิ อายะ : นักสมุทรศาสตร์อัจฉริยะวัย 22 ปี
ที่จะมาปรากฎตัวในภาคหนังโรง อุลตร้าแมนเมบิอุส & พี่น้องอุลตร้า เป็นครั้งแรก
เธอเป็นหลานของผู้บัญชาการสูงสุดทาเคนากะ
และมักจะเรียก ซาโคมิสึ ว่า "ซาโคจจิ" เหมือนกับคุณตาของเธอ
เธอได้รับการยกเว้นให้สามารถมีใบอนุญาตจากทีม GUYS ได้ด้วยวัยเพียง 14 ปีเท่านั้น
ทั้งที่จริงๆแล้วใบอนุญาตนี้มีกฎว่าจะต้องเป็นบุคคลที่มีอายุเกิน 16 ปีขึ้นไป
ถึงจะมีสิทธิ์ครอบครองได้
จากเหตุการณ์ในภาคหนังโรงนั้นเองจึงทำให้เธอเริ่มสงสัย
ว่า มิไร จะใช่ อุลตร้าแมนเมบิอุส หรือเปล่า
เธอจึงได้มาหาเขาถึง ฐานทัพฟีนิกซ์เนสท์ เพื่อต้องการจะพิสูจน์เรื่องนั้น
แม้แต่ในตอนที่เธอติดกับของ ยาพูล เธอก็ยังคงมีท่าทีที่เด็ดเดี่ยวมั่นคง
และคอยเป็นกำลังใจให้กับ มิไร อยู่ตลอด ( ผู้รับบท : อิโต้ ไอโกะ )
ผู้ตรวจการณ์ ชิคิ : ผู้ตรวจการณ์ที่ถูกส่งมาจากสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติของรัฐบาลญี่ปุ่น
( หน่วยงานรัฐบาลที่มีสิทธิ์ในการแทรกแซงเรื่องทางบุคคลของทีม GUYS ได้ )
เขาเป็นคนที่มีกิริยาท่าทีที่เย็นชา และเป็นผู้ที่เรียกร้องให้ส่งตัว มิไร
หรือ อุลตร้าแมนเมบิอุส ให้กับรัฐบาลญี่ปุ่น
พร้อมทั้งต้องการให้ ซาโคมิสึ ลาออกจากตำแหน่งผู้บัญชาการ
แต่สุดท้ายเขาก็ได้รับแจ้งจากทางโทรศัพท์ว่า ท่านรัฐมนตรี ได้ตัดสินใจปฏิเสธ
การมอบตัวเมบิอุสแล้วจึงได้ถอนกำลังออกไป ( ผู้รับบท : ไซโต้ โยซึเกะ )
สัตว์ประหลาดที่ปรากฎในซีรีส์ Ultraman Mebius
ตอนที่ 1 "ชะตาบันดาลให้พานพบ"
สัตว์ประหลาดที่ปรากฎ : สัตว์ประหลาดอวกาศ DINOZOUR
ความสูง : 77 เมตร
น้ำหนัก : 5 หมื่นตัน
ลักษณะพิเศษ : สัตว์ประหลาดอวกาศซึ่งมีเอกลักษณ์อยู่ที่ลำคอและแขนที่ยื่นยาวออกมาจากลำตัว
และหางที่แยกออกเป็นสองแฉก
อาวุธของมัน คือ ลิ้นที่ยืดยาวออกมาด้วยความเร็วสูงจนไม่มีผู้ใดมองเห็น
ซึ่งสามารถตัดวัตถุได้ทุกสิ่งทุกอย่าง และกระสุนความร้อนสูงที่ทรงอานุภาพ
ซึ่งสามารถยิงออกจากลำตัวได้อย่างต่อเนื่อง
ตอนที่ 2 "ปีกของพวกเรา"
สัตว์ประหลาดที่ปรากฎ : สัตว์ประหลาดใต้พิภพ GUDON
ความสูง : 50 เมตร
น้ำหนัก : 2 หมื่น 5 พันตัน
ลักษณะพิเศษ : กุด้อน สัตว์ประหลาดซึ่งในอดีตเคยต่อสู้กับทวินเทลในซีรีส์ของ อุลตร้าแมนแจ็ค
ซึ่งเป็นคนละตัวกับซีรีส์เมบิอุสนี้
จุดเด่นของมันก็คือ แขนที่มีลักษณะเหมือนแส้ซึ่งสามารถใช้ได้ทั้งในการรุกและรับ
ตอนที่ 3 "ชีวิตเพียงหนึ่งเดียว"
สัตว์ประหลาดที่ปรากฎ : วิหคแห่งภูเขาไฟ BIRDON
ความสูง : 62 เมตร
น้ำหนัก : 3 หมื่น 3 พันตัน
ลักษณะพิเศษ : สัตว์ประหลาดที่ปรากฎในบริเวณใกล้ปากปล่องภูเขาไฟ โอคุมะ
ในอดีตมันเคยเอาชนะ อุลตร้าแมนทาโร่ และ โซฟี่ ได้
ความสามารถพิเศษของมันคือ การยิงเปลวเพลิงออกจากปาก
และสร้างพิษที่รุนแรงไว้ในกระพุ้งแก้มระหว่างจงอยปาก
ตอนที่ 4 "สายสัมพันธ์ที่เปี่ยมด้วยรอยแผล"
สัตว์ประหลาดที่ปรากฎ : สัตว์ประหลาดจอมอาละวาดแห่งอวกาศ KELBEAM
ความสูง : 44 เมตร
น้ำหนัก : 4 หมื่น 4 พันตัน
ลักษณะพิเศษ : จุดเด่นของมันจะอยู่ที่เขาขนาดใหญ่บนหัว และส่วนหางที่ติดปลายลูกตุ้ม
หากศัตรูอยู่ในระยะไกลมันจะยิงลูกไฟโจมตี แต่ถ้าศัตรูประชิดเข้าใกล้มันก็จะใช้หาง
ในการโจมตีแทน และถ้ายิ่งประชิดเข้าถึงตัวมันได้มันก็จะใช้เขาที่หัวของมันโจมตี
ด้วยเหตุนี้มันจึงนับเป็นศัตรูที่แข็งแกร่งอีกตัวหนึ่งซึ่งสามารถโจมตีได้ 3 รูปแบบ
สัตว์ประหลาดที่ปรากฎ : สัตว์ประหลาดแคปซูล MICRAS
ความสูง : ไมโคร ~ 40 เมตร
น้ำหนัก : 0 ~ 2 หมื่นตัน
ลักษณะพิเศษ : สัตว์ประหลาดแคปซูลตัวแรกของหน่วย CREW GUYS
ที่ใช้ข้อมูลของ MICRAS ในอดีตมาเป็นข้อมูลในการสร้าง METEOR
สัตว์ประหลาดที่ปรากฎ : สัตว์ประหลาดศิลา SADOLAR
ความสูง : 60 เมตร
น้ำหนัก : 2 หมื่น 4 พันตัน
ลักษณะพิเศษ : ซาโดล่าร์อีกตัวหนึ่งซึ่งเป็นคนละตัวกับเมื่ออดีตที่เคยปรากฎบนภูเขา คิริฟุคิ
มันสามารถสร้างหมอกอาบคลื่นแม่เหล็กเพื่อใช้อำพรางตัวได้
แถมยังมีง่ามแขนคล้ายกรรไกรที่สามารถยืดหดได้เอาไว้ใช้ในการจู่โจมอีกด้วย
ตอนที่ 6 "2 บุรุษ ณ. ใต้สมุทร"
สัตว์ประหลาดที่ปรากฎ : สัตว์ประหลาดดึกดำบรรพ์ TWINTAIL
ความสูง : 45 เมตร
น้ำหนัก : 1 หมื่น 5 พันตัน
ลักษณะพิเศษ : ทวินเทลอีกตัวหนึ่งซึ่งเป็นสายพันธุ์เดียวกับเมื่อ 34 ปีก่อนที่เคยปรากฎตัวขึ้นที่โตเกียว
แต่มาคราวนี้มันปรากฎตัวออกจากไข่ที่ถูกค้นพบที่ใต้สมุทร
แถมยังว่ายน้ำไปมาได้อย่างรวดเร็วและใช้การพุ่งเข้าชนอีกต่างหาก
เมื่อ 34 ปีก่อนมันถูก กุด้อน ตามล่ากะจะมาเจี๋ยนเป็นอาหาร
แต่ครั้งนี้ถ้าสู้กันในน้ำละก็มันอาจจะชนะก็ได้
ตอนที่ 7 "วัตถุที่ตกลงมาของแฟงต้อน"
สัตว์ประหลาดที่ปรากฎ : มนุษย์ต่างดาวจอมกินจุ ALIEN FANTON
ความสูง : 2 เมตร
น้ำหนัก : 92 กิโลกรัม
ลักษณะพิเศษ : เนื่องจากดาวบ้านเกิดของเขาขาดแคลนเสบียงอาหารอย่างหนัก
เขาจึงต้องออกเดินทางหาอาหารไปตามดาวต่างๆ ในขณะที่ตนกำลังทำการพัฒนาค้นคว้า
อาหารยามฉุกเฉิน "SEAPIN 929"
แต่ในระหว่างที่เขากำลังกลับไปยังดาวแม่ "SEAPIN 929" ได้ตกลงไปที่โลก
เขาจึงได้ติดต่อมาที่โลกโดยใช้ภาษาต่างดาวเพื่อนำมันกลับไป
ตอนที่ 8 "นักล่าที่น่าสะพรึงกลัว"
สัตว์ประหลาดที่ปรากฎ : นักล่าจากต่างมิติ BOGAL
ความสูง : 47 เมตร
น้ำหนัก : 4 หมื่น 7 พันตัน
ลักษณะพิเศษ : โบกอล ได้จำแลงร่างเป็นมนุษย์มาอยู่บนโลก
และเรียกสัตว์ประหลาดที่จะเป็นเหยื่อของตนมายังโลก
แล้วหลังจากนั้น มันก็จะกลายเป็นปีศาจเพื่อใช้ปากขนาดใหญ่ที่มีรูปทรงคล้ายปีก
ในการกินเหยื่อ
สัตว์ประหลาดที่ปรากฎ : สัตว์ประหลาดแคปซูล LIM ELEKING
ความสูง : 40 เซนติเมตร
น้ำหนัก : 4 กิโลกรัม
ลักษณะพิเศษ : สัตว์ประหลาดซึ่งเกิดจากความผิดพลาดของเครื่องเร่งอณู
ที่ต้องการจะสร้างอณูพลังงานสูงในขณะทดลองสร้าง "ELEKI UNIT"
เพื่อใช้เสริมความสามารถของ มิคลาส
ตอนที่ 9 "เกราะแห่งการล้างแค้น"
ตอนที่ 10 "เกียรติยศของทีม GUYS"
สัตว์ประหลาดที่ปรากฎ : นักล่าจากต่างมิติ BOGALMONS
ความสูง : 79 เมตร
น้ำหนัก : 6 หมื่น 7 พันตัน
ลักษณะพิเศษ : ร่างที่สองของโบกอลซึ่งมีพลังเพิ่มขึ้นมากมายมหาศาล
แม้แต่การโจมตีด้วยไฟฟ้าซึ่งเคยเป็นจุดอ่อนของมันก็ไม่สะทกสะท้าน
ด้านหลังของมันจะกลายเป็นอวัยวะที่ใช้ในการกินเหยื่อแทน
พลังงานในร่างกายของมันจะเพิ่มขึ้นทุกครั้งที่มันกินเหยื่อ
และจะมีพลังในการระเบิดขั้นรุนแรง
ตอนที่ 11 "ปาฎิหารย์ของเจ้าแม่อุลตร้า"
สัตว์ประหลาดที่ปรากฎ : สัตว์ประหลาดอวกาศ DINOZOUR REVERSE
ความสูง : 77 เมตร
น้ำหนัก : 5 หมื่นตัน
ลักษณะพิเศษ : ดิโนซอร์คืนชีพ ร่างนี้จะเป็นร่างที่สลับหัวจากบนมาเป็นล่าง ล่างมาเป็นบนแทน
ร่างนี้จะไม่สามารถบินได้ แต่จะโจมตีด้วย SCOOP TEEZER ( ลิ้น ) แบบคู่ได้
สัตว์ประหลาดที่ปรากฎ : สัตว์ประหลาดแคปซูล WINDOM
ความสูง : ไมโคร ~ 40 เมตร
น้ำหนัก : 0 ~ 1 หมื่นตัน
ลักษณะพิเศษ : สัตว์ประหลาดแคปซูลหมายเลขสองต่อจากมิคลาส
มันถูกบันทึกและคัดเลือกข้อมูลมาจาก DOCUMENT UG
มันสามารถปล่อยลำแสง LAZER SHOT จากหน้าผากเพื่อใช้ในการโจมตีระยะไกลได้
เมื่อพูดถึงการใช้งานแล้วมันจะใช้งานได้ง่ายกว่ามิคลาส
แต่เวลาที่ใช้ได้ก็ยังคงเป็น 1 นาทีอยู่เหมือนเดิม
ถ้าดูกันตามเชิงมวยแล้ว มิคลาส จะเป็นสัตว์ประหลาดที่ใช้ในระยะประชิด
ส่วน วินดั้ม จะใช้ในระยะไกล
ตอนที่ 12 "ภารกิจครั้งแรก"
สัตว์ประหลาดที่ปรากฎ : สัตว์ประหลาดเทพมาร KODAIGON THE OTHER
ความสูง : 50 เมตร
น้ำหนัก : 3 หมื่น 8 พันตัน
ลักษณะพิเศษ : จริงๆแล้วมันคือ เทพแห่งโชคลาภทางการค้า ที่กลายร่างได้เนื่องจาก "GROTES CELL"
METEOR ที่หน่วย GUYS ได้ตัดสินใจที่จะกำจัดทิ้ง
ปลาที่มันถืออยู่ในมือสามารถยิงเป็นปืนใหญ่ได้
ส่วนเบ็ดตกปลาก็สามารถใช้ในการโจมตีได้หลายรูปแบบ
นับเป็นสัตว์ประหลาดที่มีท่าโจมตีอยู่มากมายมิใช่น้อย
ชื่อของมันถูกตั้งขึ้นมาจาก สัตว์ประหลาดจอมมาร โคไดก้อน ที่เคยถูกมนุษย์ดาวโกรเทส
ควบคุมเอาไว้ในซีรีส์ของอุลตร้าแมนแจ๊ค
ตอนที่ 13 "สายลมของมารีนะ"
สัตว์ประหลาดที่ปรากฎ : สัตว์ประหลาดตะขาบ MUKADENDER
ความสูง : 59 เมตร
น้ำหนัก : 4 หมื่นตัน
ลักษณะพิเศษ : สัตว์ประหลาดตะขาบซึ่งมีข้อมูลบันทึกอยู่ใน ZAT DOCUMENT
ซึ่งคราวนี้มันไปปรากฎตัวที่ฮาจิโจงาโอกะ
ปกติแล้วมันมักจะซ่อนตัวอยู่ใต้ดินและจะปรากฎตัวออกมาเฉพาะเวลาที่หาเหยื่อ
ขณะที่มันเคลื่อนที่อยู่ใต้ดินมันจะปล่อยกระแสไฟฟ้าแรงสูงจนทำให้เกิดสนามแม่เหล็ก
ที่ผิดปกติขึ้น เป็นปรากฏการณ์ PIEZO EFFECT และทำให้การติดต่อสื่อสารในบริเวณนั้น
ต้องตกเป็นอัมพาต
มันสามารถแยกหัวและลำตัวออกจากกันเพื่อใช้โจมตีได้ ซึ่งนี่ถือเป็นจุดเด่นของมัน
ตอนที่ 14 "หนทางเพียงหนึ่งเดียว"
สัตว์ประหลาดที่ปรากฎ : สัตว์ประหลาดหุ้มเกราะแมลง INSECTUS
ความสูง : 45 เมตร
น้ำหนัก : 4 หมื่นตัน (ตัวผู้) , 3 หมื่น 9 พันตัน (ตัวเมีย)
ลักษณะพิเศษ : สัตว์ประหลาดซึ่งใช้คลื่นความถี่สูงในการควบคุมฝูงแมลง มีอยู่สองตัวด้วยกัน
คือ ตัวผู้และตัวเมีย ( สามารถแยกแยะได้จากเขา เขาใหญ่ คือ ตัวผู้
ส่วนเขาเล็ก คือ ตัวเมีย )
ตัวเมียนั้นถูกทีม GUYS กำจัดไปโดยการใช้ วินดั้ม สัตว์ประหลาดแคปซูลเข้าช่วย
ส่วนตัวผู้นั้นตอนแรกจะซ่อนตัวอยู่ในร่างกายมนุษย์ ในสภาพที่เรียกกันว่า NOPRIOS
แล้วจะค่อยๆลอกคราบจนโตขึ้น
นอกจากความสามารถในการควบคุมฝูงแมลงแล้ว
มันยังสามารถปล่อยกระแสไฟฟ้าจากเขาทั้งสองข้างได้อีกด้วย
ตอนที่ 15 "ปราการแห่งวิหคอมตะ"
สัตว์ประหลาดที่ปรากฎ : สัตว์ประหลาดศิลาอวกาศ GROMITE
ความสูง : 55 เมตร
น้ำหนัก : 5 หมื่นตัน
ลักษณะพิเศษ : อวัยวะที่เป็นใจกลาง ( นิวเคลียส ) ของมันได้ตกลงมายังโลก
และกลายร่างเป็นสัตว์ประหลาดสี่ขาออกอาละวาด
เมื่อมันกินวัสดุประเภทหินหรือกระเบื้องเข้าไปแล้ว
มันก็จะสร้างเกราะเป็นชั้นหินหนาปกคลุมร่างกายของมัน
การโจมตีที่จะเข้าถึงร่างของมันจริงๆได้นั้นจึงเป็นเรื่องที่ยากลำบากอยู่พอควร
ตอนที่ 16 "นักดาบแห่งอวกาศ"
สัตว์ประหลาดที่ปรากฎ : นักดาบอวกาศ ZAMSHER
ความสูง : 53 เมตร
น้ำหนัก : 5 หมื่น 5 พันตัน
ลักษณะพิเศษ : มนุษย์ต่างดาวผู้เชี่ยวชาญด้านวิชาดาบจนชื่อเสียงสะเทือนเลือนลั่นไปทั่วทั้งอวกาศ
เขามีความภาคภูมิใจในวิชาดาบของตนเองมาก
และต้องการที่จะต่อสู้กับผู้ที่แข็งแกร่งกว่าตน
ที่ผ่านมาเขายังไม่เคยพ่ายแพ้ให้กับผู้ใดเลย
ดาบคู่ใจของเขามีชื่อว่า "โฮชิคิริมารุ" ( ดาบผ่าดวงดาว )
จุดประสงค์ที่เขามายังโลกก็เพื่อต้องการจะประลองฝีมือกับ "ฮันเตอร์ไนท์ ซุรุงิ"
สัตว์ประหลาดที่ปรากฎ : มนุษย์สมุทรอวกาศ ALIEN VALKY
ความสูง : 1.8 ~ 49 เมตร
นำหนัก : 100 ~ 2 หมื่น 2 พันตัน
ลักษณะพิเศษ : มนุษย์ต่างดาวที่อยู่ในบันทึกการรุกรานโลกของ ZAT DOCUMENT
มันเข้ามาร่วมแจมในการต่อสู้ระหว่าง มนุษย์ดาวแมกม่า กับ ซัมชาร์ บนดาวหางโอชิมะ
โดยมีจุดประสงค์เพื่อต้องการจะเอาชนะ ซัมชาร์ ให้ได้
มันไล่ตาม ซัมชาร์ มาต่อสู้กันต่อถึงบนโลก
( ปรากฎในอุลตร้าแมนทาโร่ตอนสุดท้าย )
สัตว์ประหลาดที่ปรากฎ : เซเบอร์ ( นักดาบ ) จอมอาละวาด ALIEN MAGMA
ความสูง : 57 เมตร
น้ำหนัก : 2 หมื่น 2 พันตัน
ลักษณะพิเศษ : มนุษย์ต่างดาวผู้ชื่นชอบการสู้รบ และมีบันทึกอยู่ในประวัติของ MAC DOCUMENT
( มนุษย์ต่างดาวผู้ทำลายดาว L77 ในกลุ่มดาวราศีสิงห์ ดาวบ้านเกิดของเลโอ )
มือขวาจะสวม ดาบซาเบล ส่วนมือซ้ายจะเป็น กงเล็บตะขอ กับ เคียวโซ่
ตอนแรกทำทีเหมือนว่าจะแมน กล้าเผชิญหน้าต่อสู้กับ ซัมชาร์ บนดาวหางโอชิมะตัวต่อตัว
แต่กลับให้อีกตัวมาลอบโจมตีโดยไม่รู้ตัว นับเป็นมนุษย์ต่างดาวที่ใช้วิธีสกปรกมาก
ตอนที่ 17 "Formation แห่งคำสัตย์สาบาน"
สัตว์ประหลาดที่ปรากฎ : สัตว์ประหลาดคืนชีพ SARAMANDORA
ความสูง : 60 เมตร
น้ำหนัก : 4 หมื่นตัน
ลักษณะพิเศษ : สัตว์ประหลาดที่มีข้อมูลบันทึกอยู่ใน DOCUMENT ของหน่วย UGM
ในอดีตมันคือสัตว์ประหลาดอวกาศที่ถูก มนุษย์ดาวกอลก้อน ผู้หมายจะรุกรานโลกควบคุม
ทว่า,คราวนี้มันถูกนำพามาจากอดีตและถูกปรับปรุงจนมีพลังที่แข็งแกร่งขึ้น
มันสามารถปล่อยเปลวเพลิงซึ่งมีความร้อนสูงถึง 1300 องศาได้
ทั้งยังมีความสามารถในการคืนชีพได้แม้ร่างกายจะถูกทำลายเป็นเสี่ยงๆ
จุดอ่อนของมันจะอยู่ที่ลำคอ ขณะที่มันถูกทำลายเป็นเสี่ยงๆอวัยวะตรงลำคอของมัน
จะหลั่งเอนไซม์ที่ทำหน้าที่กระตุ้นเซลล์ให้คืนชีพขึ้นมา
ซึ่งถ้าหากสามารถเล็งยิงไปที่ลำคอได้ก็จะทำให้มันไม่สามารถคืนชีพขึ้นมาได้
แต่ทว่าการจะยิงไปที่ลำคอได้นั้นมีแต่จะต้องเล่นงานมันซึ่งๆหน้า
ซึ่งมีความเสี่ยงอาจถูกเปลวเพลิงของมันเล่นงานได้ ดังนั้น CREW GUYS จึงได้นำกลยุทธ์
ของหน่วย UGM มาใช้ โดยมีชื่อรูปแบบการรบว่า "FORMATION YAMATO"
ตอนที่ 18 "ความกดดันของอุลตร้าแมน"
สัตว์ประหลาดที่ปรากฎ : สัตว์ประหลาดอวกาศ BEMSTAR
ความสูง : 46 เมตร
น้ำหนัก : 6 หมื่น 1 พันตัน
ลักษณะพิเศษ : สัตว์ประหลาดอวกาศซึ่งมีชื่อถูกบันทึกไว้ใน MAT DOCUMENT
ในอดีตมันถือเป็นหนึ่งในสัตว์ประหลาดที่แข็งแกร่งที่สุดตัวหนึ่งที่อุลตร้าแมนแจ็คเคยต่อสู้มา
มันกิน Dust Tail ( เศษอุกกาบาต ) ที่หลุดออกมาจากดาวหางโอชิมะ ( Group B )
เป็นอาหาร แล้วบินมายังโลกพร้อมกับดาวหาวโอชิมะ
( ดาวหางลูกเดียวกับตอนที่ 16 แต่เป็นอีกกลุ่มหนึ่ง )
โดยมันมีความสามารถในการดูดกลืนคลื่นเรดาห์ได้ จึงทำให้เรดาห์จับสัญญาณมันไม่ได้
( มีความสามารถเดียวกับเครื่องบิน Stealth )
มันมีเป้าหมายอยู่ที่โรงเก็บก๊าซ เพราะต้องการที่จะกินไนโตรเจนและฮีเรียมเป็นอาหาร
การโจมตีเบมสตาร์ถ้าจะให้ได้ผลก็จะต้องจัดการปิดปากที่ท้องของมันเสียก่อน
ตอนที่ 19 "การฉายเดี่ยวที่แสนเปล่าเปลี่ยว"
สัตว์ประหลาดที่ปรากฎ : สัตว์ประหลาดอณูควอนตัมอวกาศ DIGAROUGE
ความสูง : 54 เมตร
น้ำหนัก : 3 หมื่นตัน
ลักษณะพิเศษ : สัตว์ประหลาดอวกาศที่บุกมายังโลกโดยที่ดาวเทียม GUYS SPACY ไม่สามารถตรวจจับได้
ถ้ามองด้วยตาเปล่าจะมองเห็นมันเป็น 3 ตัว แต่ถ้าใช้ระบบเซ็นเซอร์ก็จะมองเห็นแค่ตัวเดียว
แต่ทว่า,ที่เซ็นเซอร์จับได้นั้นก็ใช่ว่าจะเป็นตัวจริงของมัน
ต่อให้ทีม GUYS โจมตีตามระบบเซ็นเซอร์ที่เล็งไว้ก็ยังโจมตีพลาดเป้าอยู่ดี
แต่ไม่ว่าจะยังไงตัวจริงของมันก็อยู่ 1 ใน 3 ตัวนั้น
หรือพูดอีกอย่างก็คือความเป็นไปได้ในการโจมตีถูกคือ 1/3
การจะกำจัด ดีกาลูก ลงได้นั้นจะต้องค้นหาความลับของเขาที่ส่องประกายนั่นให้ได้เสียก่อน
และการโจมตีนั้นจะต้องโจมตีให้ได้พร้อมกันและต้องอาศัยความแม่นยำอีกด้วย
ตอนที่ 20 "ข้อความจากผู้บัญชาการ"
สัตว์ประหลาดที่ปรากฎ : สัตว์ประหลาดสุดหฤโหด EARTHRON
ความสูง : 60 เมตร
น้ำหนัก : 2 หมื่น 5 พันตัน
ลักษณะพิเศษ : สัตว์ประหลาดซึ่งมีบันทึกการปรากฏตัวหลงเหลืออยู่ในเอกสาร MAT DOCUMENT
มันมีผิวหนังอันแข็งแกร่ง และโครงสร้างกระดูกที่แข็งแรง
ทั้งยังสามารถพ่นลำแสงแม็กม่าออกมาจากปากได้
เขาอันแหลมคมบนหัวของมันก็จัดเป็นอาวุธที่ร้ายแรงอีกชนิดหนึ่ง
เอิร์ธทรอนซึ่งปรากฎตัวขึ้นในระหว่างการทดลอง Hamerun Project
ณ.ศูนย์วิจัยต่อต้านสัตว์ประหลาดของทีม GUYS ได้ถูก เคลบีม
( สัตว์ประหลาดในตอนที่ 4 ) ควบคุมเอาไว้
โดยการควบคุมคลื่นไฟฟ้าเหนี่ยวนำจากอุปกรณ์ปล่อยคลื่นเสียงสะท้อน
ในศูนย์วิจัย เพื่อให้มันต่อสู้กับเมบิอุส
ตอนที่่ 21 "เสียงเพรียกที่ว่างเปล่า"
ตอนที่ 22 "อนาคตในแต่ละวัน ( ฮิบิโนะ มิไร )"
สัตว์ประหลาดที่ปรากฎ : อสูรนักล่าจากต่างมิติ LESSER BOGAL
ความสูง : 2 ~ 47 เมตร
น้ำหนัก : 200 กิโลกรัม ~ 4 หมื่น 7 พันตัน
ลักษณะพิเศษ : มันคือสัตว์ประหลาดสายพันธุ์เดียวกับ โบกอล
ซึ่งเป็นตัวต้นเหตุให้มีสัตว์ประหลาดออกมาอาละวาดบนโลกอีกครั้ง
มันได้ไปปรากฎตัวที่สุสานสัตว์ประหลาดในเขต ULTRA ZONE และโลก
นอกจากลักษณะภายนอกของมันที่ดูเป็นเอกลักษณ์แล้ว จุดเด่นของโบกอลแน่นอนว่า
จะต้องอยู่ที่ความหิวกระหายในการล่าเหยื่อ แม้แต่พวกของมันเองก็ยังกินกันเอง
แต่สำหรับโบกอลสายพันธุ์นี้จะมีสติปัญญาต่ำ และไม่สามารถแปลงโฉมเป็นมนุษย์ได้
ปกติแล้วพวกมันจะออกล่าเหยื่อร่วมกันเป็นกลุ่ม และจะมีขนาดเท่าๆกับมนุษย์
แต่พอมีพวกตัวไหนของมันตาย มันก็จะเข้าไปกินซากศพแล้วขยายร่างใหญ่ขึ้น
มันมีความสามารถในการโจมตีด้วยคลื่นกระสุน และมีปากขนาดใหญ่เอาไว้ใช้กินเหยื่อ
ในชั่วพริบตา มิหนำซ้ำอวัยวะที่คล้ายปีกซึ่งอยู่ที่หลังของมันยังสามารถทำลายมิติ
แล้วหายตัวเข้าไปในมิตินั้นได้อีกด้วย
ตอนที่ 23 "คลื่นสมุทรแห่งกาลเวลา"
สัตว์ประหลาดที่ปรากฎ : สัตว์ประหลาดแห่งกาลเวลา CRONOM
ความสูง : 50 เมตร
น้ำหนัก : 4 หมื่น 5 พันตัน
ลักษณะพิเศษ : โครนอม เป็นสัตว์ประหลาดที่สามารถควบคุมกาลเวลาได้
มันจะปรากฎกายออกมาพร้อมกับแสงสีขาวหลังจากที่มีเสียงคล้ายคลื่นทะเลดังขึ้น
มันจะใช้ประโยชน์จากความทรงจำของสิ่งมีชีวิตต่างๆในการเดินทางไปสู่อดีตพร้อม
กับสิ่งมีชีวิตนั้น และเมื่อกาลเวลากับความทรงจำถูก เจ้าโครนอม สร้างความปั่นป่วน
ดาวดวงนั้นก็จะตกสู่ความหายนะ
มันสามารถหายตัวผลุบๆโผล่ๆได้ราวกับทำให้เห็นเป็นภาพลวงตา
ทั้งยังสามารถใช้หนวดยืดออกไปโจมตีและปล่อยคลื่นพลังได้
ทว่า,หนวดของมันนี่แหละที่เป็นจุดอ่อนสำคัญของมัน
หากโจมตีที่หนวดของมันได้มันก็ไม่สามารถหายตัวเคลื่อนที่ในพริบตาได้
สัตว์ประหลาดที่ปรากฎ : มนุษย์ดาวแอนเฮลล์ TOORI
ลักษณะพิเศษ : มนุษย์ต่างดาวที่มีขนาดร่างกายเท่ามนุษย์ผู้ลงมาใช้ชีวิตอาศัยอยู่บนโลก
เนื่องจากดาวบ้านเกิดเมืองนอนของเขาถูก โครนอม เข้าทำลายจนพินาศย่อยยับ
ทำไมมารินะถึงได้มีความทรงจำประหลาดๆเกี่ยวกับเขาผู้นี้กันนะ ?
ตอนที่ 24 "ยาพูลคืนชีพ"
สัตว์ประหลาดที่ปรากฎ : ยอดอสูรเขาเดียว VAKISHIM
ความสูง : 65 เมตร
น้ำหนัก : 7 หมื่น 8 พันตัน
ลักษณะพิเศษ : มันคือ สุดยอดอสูรเขาเดียว ที่มีรายชื่อบันทึกอยู่ใน Document TAC
( ยอดอสูร คือ สัตว์ประหลาดซึ่งเกิดจากการรวมร่างกันระหว่างพืชและสัตว์บนโลก
กับสิ่งมีชีวิตในอวกาศ ซึ่งพวกมันจะอยู่ภายใต้การควบคุมของ มนุษย์ต่างมิติ ยาพูล
วาคิซิม เป็นสุดยอดอสูรซึ่งเกิดจากการรวมกันระหว่างตัวหนอนกับสัตว์ประหลาดอวกาศ )
มันจะปรากฏตัวบนท้องฟ้าในลักษณะคล้ายกับทำให้กระจกแตกแล้วโผล่ออกมาจากในนั้น
มันสามารถยิงกระสุนเพลิง และ ปล่อยกระสุนความร้อนสูงจากปลายจงอยปากได้
ทั้งยังปล่อยเขายิงออกมาเป็นมิซซายล์ได้อีกต่างหาก นับว่าเป็นสัตว์ประหลาดที่มีอาวุธ
รอบตัวเลยทีเดียว
สัตว์ประหลาดที่ปรากฎ : ยอดมนุษย์ต่างมิติ GIANT YAPOOL (อ้างอิงจากข้อมูลเก่า)
ความสูง : 50 เมตร
น้ำหนัก : 8 หมื่น 2 พันตัน
ลักษณะพิเศษ : มนุษย์ต่างมิติซึ่งถือเป็นร่างขั้นสุดท้ายที่เกิดจากการรวมร่างกันของชาวดาวยาพูลทั้งหมด
นับได้ว่ามันเป็นมนุษย์ต่างดาวที่มีท่ายิงลำแสงหลากหลายรูปแบบอีกตัวหนึ่ง
ในอดีตมันต้องพ่ายแพ้ให้กับ อุลตร้าแมน เอส ไป
แต่ทว่า,หลังจากนั้นเศษชิ้นส่วนของมันที่ตกลงมายังโลก
ก็ยังคงสร้างภัยพิบัติให้แก่มนุษยชาติอย่างไม่หยุดหย่อน
( จากนั้นมันก็ไปปรากฎในซีรีส์ของทาโร่พร้อมกับกองทัพสัตว์ประหลาดดัดแปลง )
ตอนที่ 25 "โปรแกรมผีเสื้ออสรพิษ"
สัตว์ประหลาดที่ปรากฎ : ยอดอสูรผีเสื้อ DORAGORY
ความสูง : 67 เมตร
น้ำหนัก : 5 หมื่น 8 พันตัน
ลักษณะพิเศษ : สุดยอดอสูรผีเสื้อ ที่มีรายชื่อบันทึกอยู่ใน Document TAC
มันสามารถยิงเปลวเพลิงออกจากปากได้ ทั้งยังมีกำลังแขนอันทรงพลัง
มิหนำซ้ำมันยังสามารถยิงจรวดออกมาจากแขนทั้งสองข้างได้อีกต่างหาก
ในอดีตมันเคยปรากฎตัวออกมาเพื่อทำลาย Maria No.1 , 2 ซึ่งเป็นขีปนาวุธ
ที่ใช้ในการยิงโต้ตอบ ดาวปีศาจโกรัน ของหน่วย TAC
และพอมาในครั้งนี้มันก็ยังคงไปปรากฎตัว ณ.สถานที่ที่ในอดีต
เคยเป็นบริเวณที่ยิงขีปนาวุธนั้น
ตอนที่ 26 "ทะยานสู่วันพรุ่งนี้"
สัตว์ประหลาดที่ปรากฎ : ยอดอสูรมิซซายล์ VEROKRON
ความสูง : 55 เมตร
น้ำหนัก : 44,440 ตัน
ลักษณะพิเศษ : ยอดอสูรมิซซายล์ ซึ่งมีรายชื่อถูกบันทึกอยู่ใน Document TAC
มันสามารถยิงมิซซายล์ออกมาจากหงอนปะการังได้ทั่วตัว
ทั้งยังสามารถยิงมิซซายล์หรือเปลวเพลิงออกจากปากได้อีกด้วย
มันยิงมิซซายล์ออกไปโจมตีโต้ตอบยาน Gun Pheonix และ Pheonix Nest
ในโหมด Fright Mode อย่างต่อเนื่อง จนกลายเป็นศึกกลางเวหาที่สุดแสนจะทรหด
สำหรับหน่วย CREW GUYS
ตอนที่ 27 "ราชันย์แห่งการต่อสู้"
สัตว์ประหลาดที่ปรากฎ : สัตว์ประหลาดแคปซูล ( Marquette Monster ) GUDON
ลักษณะพิเศษ : มันเป็นสัตว์ประหลาดรุ่นแรก ( Proto Marquette ) ที่ GUYS ศูนย์บัญชาการใหญ่
ทดลองสร้างขึ้นมา โดยอาศัยข้อมูลของ กุด้อน ที่มีบันทึกอยู่ใน Document MAT
มันถูกใช้ในการทดลองต่อสู้กับ Z-Ton ซึ่งเป็นสัตว์ประหลาดแคปซูล Proto Marquette
เช่นเดียวกับมัน แต่ก็ต้องพ่ายแพ้ไปอย่างหมดรูปบนลานทดลองแบบ Virtual Simulation
ที่ศูนย์ GUYS JAPAN
สัตว์ประหลาดที่ปรากฎ : สัตว์ประหลาดแคปซูล ( Marquette Monster ) Z-TON
ลักษณะพิเศษ : สัตว์ประหลาดรุ่นแรก (Proto Marquette) ที่ถูกสร้างขึ้นโดยอาศัยข้อมูล
ที่บันทึกอยู่ใน Document SSP
มันสามารถปล่อยเปลวเพลิงบรรลัยกัลป์ซึ่งมีความร้อนสูงถึงร้อยล้านองศา
ออกมาจากหน้าได้ ทั้งยั้งมีท่าคลื่นลำแสงซึ่งยิงออกจากมือทั้งสองข้าง
บวกกับความสามารถในการเคลื่อนย้ายที่ในชั่วพริบตาและบาเรียป้องกันอีกต่างหาก
นับได้ว่ามันเป็นสัตว์ประหลาดที่แข็งแกร่งมากที่สุดในประวัติศาสตร์ตนหนึ่ง
ในอดีตมันได้เข้าไปบุกจู่โจมฐานทัพของหน่วยวิทยะและปราบอุลตร้าแมนลงได้สำเร็จ
ทว่า,ในตอนที่มันถูกนำไปทดลองต่อสู้บนลานทดลองระบบ Virtual Simulation
ที่ศูนย์ GUYS JAPAN อยู่ๆมันก็เกิดมีอาการแปรปรวนขึ้นมาโดยที่ไม่มีใครทราบสาเหตุ
ลักษณะพิเศษ : สัตว์ประหลาดรุ่นแรก (Proto Marquette) ที่ถูกสร้างขึ้นโดยอาศัยข้อมูล
ที่บันทึกอยู่ใน Document SSP
มันสามารถปล่อยเปลวเพลิงบรรลัยกัลป์ซึ่งมีความร้อนสูงถึงร้อยล้านองศา
ออกมาจากหน้าได้ ทั้งยั้งมีท่าคลื่นลำแสงซึ่งยิงออกจากมือทั้งสองข้าง
บวกกับความสามารถในการเคลื่อนย้ายที่ในชั่วพริบตาและบาเรียป้องกันอีกต่างหาก
นับได้ว่ามันเป็นสัตว์ประหลาดที่แข็งแกร่งมากที่สุดในประวัติศาสตร์ตนหนึ่ง
ในอดีตมันได้เข้าไปบุกจู่โจมฐานทัพของหน่วยวิทยะและปราบอุลตร้าแมนลงได้สำเร็จ
ทว่า,ในตอนที่มันถูกนำไปทดลองต่อสู้บนลานทดลองระบบ Virtual Simulation
ที่ศูนย์ GUYS JAPAN อยู่ๆมันก็เกิดมีอาการแปรปรวนขึ้นมาโดยที่ไม่มีใครทราบสาเหตุ
ตอนที่ 28 "สมบัติของโคโนมิ"
สัตว์ประหลาดที่ปรากฎ : ยานบินมีชีวิต NOVA
ความสูง : 10 เซนติเมตร ~ 57 เมตร
น้ำหนัก : 20 กรัม ~ 1 หมื่นตัน
ลักษณะพิเศษ : ยานบินมีชีวิต ซึ่งถูกบันทึกอยู่ใน Out Of Document ภายหลังจากที่หน่วย MAC
ได้ล่มสลายไป จุดเด่นของมันก็คือรูปร่างที่มีลักษณะคล้ายตุ๊กตาไล่ฝนสีแดงนั่นเอง
มันจะปรากฎตัวออกมาจากกลุ่มก๊าซสีแดง
แล้วใช้หนวดที่มือขวากับเคียวที่มือซ้ายโจมตีศัตรู
นอกจากนี้มันยังสามารถปล่อยก๊าซสีแดงและลูกไฟออกมาจากปากได้
มันได้เข้าบุกประชิดฐานทัพ CREW GUYS JAPAN เพื่อมาแย่งเอา อณูควันไอ
ซึ่งเป็นองค์ประกอบโครงสร้างของ Lim ( Lim Eleking ) ไป
เพื่อใช้ในการสร้างร่างจำลองขึ้นมาอีกหลายร่าง ( เรียกว่า Marquette Nova )
และนำไปใช้เป็นเป้าล่อให้เมบิอุสโจมตีเข้ามาจนหมดกำลัง
แล้วจึงค่อยปรากฎร่างที่แท้จริงออกมาเล่นงาน
นับเป็นสัตว์ประหลาดที่มีแผนในการรบอย่างชาญฉลาดมากทีเดียว
ตอนที่ 29 "วันแห่งการลาจาก"
ตอนที่ 30 "เปลวเพลิงแห่งคำสัญญา"
ตอนที่ 30 "เปลวเพลิงแห่งคำสัญญา"
สัตว์ประหลาดที่ปรากฎ : เทพเกราะเหล็กไร้เทียมทาน IMPELIZER
ความสูง : 60 เมตร
น้ำหนัก : 6 หมื่นตัน
ลักษณะพิเศษ : หุ่นยนต์อาวุธสังหารที่มีพลังความสามารถอันร้ายกาจแอบแฝงอยู่
มันได้ถูกใครบางคนส่งลงมายังโลก
ความสามารถของมันคือ การยิงกระสุนแสงจำนวนนับไม่ถ้วนออกมาจากปืนกล
ที่หัวทั้ง 3 กระบอก พร้อมทั้งลำแสงอานุภาพแรงสูงจากปืนใหญ่ที่ติดอยู่ตรงไหล่ทั้งสองข้าง
นอกจากนี้มันยังมีความสามารถในการเคลื่อนที่ไปยังมิติต่างๆได้อีกด้วย
เกราะเหล็กที่หุ้มร่างกายของมันอยู่นี้ไม่เพียงแต่มีความทนทานเป็นเลิศเท่านั้น
แต่ในขณะที่เกิดการชำรุดหรือถูกถอดแยกชิ้นส่วนออกจากกัน
มันก็สามารถที่จะซ่อมแซมตัวเองพร้อมกับระบบโครงสร้างภายในได้โดยอัตโนมัติ
ขนาดที่ว่าต่อให้เจอลำแสงสโตเรี่ยมของทาโร่เข้าไปจังๆจนร่างกายช่วงบนขาดไปครึ่งท่อน
หรือแม้แต่ถูกท่าต้องห้ามของทาโร่ที่อุตส่าห์คลายผนึกออกอย่างท่า อุลตร้าไดนาไมท์
เข้าไปจนร่างระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ
แล้วก็ยังไม่สามารถหยุดการเคลื่อนไหวของ อิมเพไรเซอร์ ได้
ความสูง : 60 เมตร
น้ำหนัก : 6 หมื่นตัน
ลักษณะพิเศษ : หุ่นยนต์อาวุธสังหารที่มีพลังความสามารถอันร้ายกาจแอบแฝงอยู่
มันได้ถูกใครบางคนส่งลงมายังโลก
ความสามารถของมันคือ การยิงกระสุนแสงจำนวนนับไม่ถ้วนออกมาจากปืนกล
ที่หัวทั้ง 3 กระบอก พร้อมทั้งลำแสงอานุภาพแรงสูงจากปืนใหญ่ที่ติดอยู่ตรงไหล่ทั้งสองข้าง
นอกจากนี้มันยังมีความสามารถในการเคลื่อนที่ไปยังมิติต่างๆได้อีกด้วย
เกราะเหล็กที่หุ้มร่างกายของมันอยู่นี้ไม่เพียงแต่มีความทนทานเป็นเลิศเท่านั้น
แต่ในขณะที่เกิดการชำรุดหรือถูกถอดแยกชิ้นส่วนออกจากกัน
มันก็สามารถที่จะซ่อมแซมตัวเองพร้อมกับระบบโครงสร้างภายในได้โดยอัตโนมัติ
ขนาดที่ว่าต่อให้เจอลำแสงสโตเรี่ยมของทาโร่เข้าไปจังๆจนร่างกายช่วงบนขาดไปครึ่งท่อน
หรือแม้แต่ถูกท่าต้องห้ามของทาโร่ที่อุตส่าห์คลายผนึกออกอย่างท่า อุลตร้าไดนาไมท์
เข้าไปจนร่างระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ
แล้วก็ยังไม่สามารถหยุดการเคลื่อนไหวของ อิมเพไรเซอร์ ได้
ตอนที่ 31 "ความรู้สึกของพวกพ้อง"
สัตว์ประหลาดที่ปรากฎ : ยานบินมีชีวิต ROBELGAR
ความสูง : 55 เมตร
น้ำหนัก : 1 หมื่น 9 พันตัน
ลักษณะพิเศษ : ยานบินมีชีวิตสายพันธุ์ใหม่ซึ่งไม่เคยมีบันทึกอยู่ในประวัติ Document
ของหน่วยพิทักษ์รุ่นก่อนๆ
มันจัดอยู่ในกลุ่มสายพันธุ์เดียวกับยานบินมีชีวิตที่เคยจู่โจมโลกเมื่อในอดีต
( ในซีรีส์ของอุลตร้าแมนเลโอ )
มันได้แปลงเป็นจานบินแล้วเข้าทำลายกลุ่มดาวเทียมต่อต้านสัตว์ประหลาด V88
ของหน่วย GUYS SPACY จนราบคาบ
สัตว์ประหลาดที่ปรากฎ : สัตว์ประหลาดแคปซูล FIRE WINDOM
ความสูง : ไมโคร ~ 40 เมตร
น้ำหนัก : 0 ~ 1 หมื่น 1 พันตัน
ลักษณะพิเศษ : ทีม GUYS ได้นำเอาข้อมูลอิลิเมนท์แคปซูลของสัตว์ประหลาดสายจู่โจมด้วยเปลวไฟ
จาก GUYS Tough Book ( โน้ตบุ๊คชนิดหนึ่ง ) มาปรับปรุงเสริมกำลังให้กับวินดั้ม
มันจะแตกต่างจาก มิคลาส ที่ไม่ว่าจะเสริมอิลิเมนท์ของสัตว์ประหลาดตัวอื่นๆเข้าไป
ก็ไม่มีความเปลี่ยนแปลงทางรูปลักษณ์ภายนอกแต่อย่างใด
โดย ไฟเยอร์วินดั้ม ที่เสริมพลังให้สามารถโจมตีด้วยเปลวไฟได้นั้นจะมีแถบสีแดงบนหัว
เพิ่มขึ้นมา ส่วนมือซ้ายก็จะได้รับการติดตั้งอุปกรณ์พ่นเปลวไฟเสริมเข้าไปด้วย
ความสูง : ไมโคร ~ 40 เมตร
น้ำหนัก : 0 ~ 1 หมื่น 1 พันตัน
ลักษณะพิเศษ : ทีม GUYS ได้นำเอาข้อมูลอิลิเมนท์แคปซูลของสัตว์ประหลาดสายจู่โจมด้วยเปลวไฟ
จาก GUYS Tough Book ( โน้ตบุ๊คชนิดหนึ่ง ) มาปรับปรุงเสริมกำลังให้กับวินดั้ม
มันจะแตกต่างจาก มิคลาส ที่ไม่ว่าจะเสริมอิลิเมนท์ของสัตว์ประหลาดตัวอื่นๆเข้าไป
ก็ไม่มีความเปลี่ยนแปลงทางรูปลักษณ์ภายนอกแต่อย่างใด
โดย ไฟเยอร์วินดั้ม ที่เสริมพลังให้สามารถโจมตีด้วยเปลวไฟได้นั้นจะมีแถบสีแดงบนหัว
เพิ่มขึ้นมา ส่วนมือซ้ายก็จะได้รับการติดตั้งอุปกรณ์พ่นเปลวไฟเสริมเข้าไปด้วย
ตอนที่ 32 "มรดกของผู้บงการสัตว์ประหลาด"
สัตว์ประหลาดที่ปรากฎ : สมาชิกหน่วยตรวจสอบอวกาศ ALIEN MATES VIO
ความสูง : 2.1 เมตร
น้ำหนัก : 68 กิโลกรัม
ลักษณะพิเศษ : มนุษย์ต่างดาวผู้มาเยือนโลกพร้อมกับสัตว์ประหลาดมัจฉายักษ์ ซอร์มุรุจิ
คลื่นสมองของเขาจะเชื่อมโยงกับสัตว์ประหลาด ซอร์มุรุจิ ที่อยู่ภายในจานบิน
หากเขารู้สึกโกรธแค้นหรือเกลียดชังขึ้นมาเมื่อใด ซอร์มุรุจิ ก็จะตื่นขึ้นมาจากการจำศีล
จุดประสงค์ในการมายังโลกของเขาในครั้งนี้ คือ การมาเจรจาให้มนุษย์โลกชดใช้ชีวิตเพื่อน
ของเขาที่เคยมายังโลกเพื่อมาสำรวจสภาพอากาศ
แต่กลับต้องมาจบชีวิตลงอย่างน่าเศร้าด้วยน้ำมือของมนุษย์นั่นเอง
( มนุษย์ต่างดาวที่เคยปรากฎตัวในซีรีส์ของอุลตร้าแมนแจ็ค ตอนที่ 33 )
สัตว์ประหลาดที่ปรากฎ : สัตว์ประหลาดมัจฉายักษ์ ZOA MURUCHI
ความสูง : 48 เมตร
น้ำหนัก : 1 หมื่นตัน
ลักษณะพิเศษ : มันเป็นสัตว์ประหลาดที่ถูกส่งลงมายังโลกขณะที่อยู่ในสภาพจำศีล
ภายในจานบินของมนุษย์ดาวเมทซ์
เดิมมันเคยเป็นสัตว์ประหลาดที่อาศัยอยู่บนโลก และเป็นสายพันธุ์เดียวกับ มุรุจิ
ที่มีประวัติบันทึกไว้ใน Document MAT แต่เมื่อประมาณ 10 ปีก่อน มนุษย์ดาวเมทซ์
ได้นำตัวมันมาทำการดัดแปลง โดยการจูนคลื่นสมองของมันให้ตรงกับมนุษย์ดาวเมทซ์ วีโอ
แล้วเมื่อมนุษย์ดาวเมทซ์รู้สึกโกรธแค้นเมื่อใด
มันก็จะถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาเพื่อออกอาละวาดทำลายทุกสิ่งไปทั่ว
ความสูง : 48 เมตร
น้ำหนัก : 1 หมื่นตัน
ลักษณะพิเศษ : มันเป็นสัตว์ประหลาดที่ถูกส่งลงมายังโลกขณะที่อยู่ในสภาพจำศีล
ภายในจานบินของมนุษย์ดาวเมทซ์
เดิมมันเคยเป็นสัตว์ประหลาดที่อาศัยอยู่บนโลก และเป็นสายพันธุ์เดียวกับ มุรุจิ
ที่มีประวัติบันทึกไว้ใน Document MAT แต่เมื่อประมาณ 10 ปีก่อน มนุษย์ดาวเมทซ์
ได้นำตัวมันมาทำการดัดแปลง โดยการจูนคลื่นสมองของมันให้ตรงกับมนุษย์ดาวเมทซ์ วีโอ
แล้วเมื่อมนุษย์ดาวเมทซ์รู้สึกโกรธแค้นเมื่อใด
มันก็จะถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาเพื่อออกอาละวาดทำลายทุกสิ่งไปทั่ว
ตอนที่ 33 "สตรีแห่งเปลวเพลิงสีน้ำเงิน"
สัตว์ประหลาดที่ปรากฎ : สัตว์ประหลาดดวงวิญญาณ FEMIGON
ความสูง : 70 เมตร
น้ำหนัก : 5 หมื่นตัน
ลักษณะพิเศษ : มันคือสัตว์ประหลาดสายพันธุ์เดียวกับเฟมิกอนที่มีประวัติบันทึกอยู่ใน Document MAT
เมื่อเปรียบเทียบความแตกต่างทางความสามารถและลักษณะภายนอกกับเฟมิกอน
ตัวก่อนแล้ว มันจึงถูกเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า "เฟมิกอน เฟลม"
เดิมมันคือสัตว์ประหลาดอวกาศที่อยู่ในลักษณะของลูกไฟที่ไร้รูปร่าง
แล้วจะใช้การเข้าสิงมนุษย์เพื่อเริ่มก่อตัวให้มีรูปร่างขึ้นมา
ตอนที่ 34 "บรุษผู้ไร้ถิ่นกำเนิด"
สัตว์ประหลาดที่ปรากฎ : มนุษย์ต่างดาวคลื่นแสง ALIEN REFLECT
ความสูง : 50 เมตร
น้ำหนัก : 5 หมื่น 5 พันตัน
ลักษณะพิเศษ : มนุษย์ต่างดาวคลื่นแสงผู้มีเกราะอันแข็งแกร่งซึ่งสามารถสะท้อนการโจมตีจากดาบแสง
หรือลำแสงทุกชนิดกลับไปยังศัตรูได้
ช่วงลำตัวของมนุษย์ดาวรีเฟลกซ์จะมีโครงสร้างที่เปรียบเสมือนกับกระจก
ที่สามารถเหนี่ยวนำไฟฟ้าได้ซ้อนกันอยู่หลายชั้น
ดังนั้นร่างกายของมันจึงมีคุณสมบัติที่ไม่ดูดซับลำแสง
นอกจากนี้มันยังมีโล่ห์ทรงกลมติดอยู่ที่มือทั้งสองข้าง
ทั้งยังสามารถยิงลำแสงออกจากช่องยิงกระสุนตรงโล่ห์ พร้อมทั้งมีโซ่และดาบอีกต่างหาก
เรียกได้ว่าเป็นมนุษย์ต่างดาวที่มีอาวุธครบครันจริงๆ
ความสูง : 50 เมตร
น้ำหนัก : 5 หมื่น 5 พันตัน
ลักษณะพิเศษ : มนุษย์ต่างดาวคลื่นแสงผู้มีเกราะอันแข็งแกร่งซึ่งสามารถสะท้อนการโจมตีจากดาบแสง
หรือลำแสงทุกชนิดกลับไปยังศัตรูได้
ช่วงลำตัวของมนุษย์ดาวรีเฟลกซ์จะมีโครงสร้างที่เปรียบเสมือนกับกระจก
ที่สามารถเหนี่ยวนำไฟฟ้าได้ซ้อนกันอยู่หลายชั้น
ดังนั้นร่างกายของมันจึงมีคุณสมบัติที่ไม่ดูดซับลำแสง
นอกจากนี้มันยังมีโล่ห์ทรงกลมติดอยู่ที่มือทั้งสองข้าง
ทั้งยังสามารถยิงลำแสงออกจากช่องยิงกระสุนตรงโล่ห์ พร้อมทั้งมีโซ่และดาบอีกต่างหาก
เรียกได้ว่าเป็นมนุษย์ต่างดาวที่มีอาวุธครบครันจริงๆ
ตอนที่ 35 "แสงและเงาสีน้ำเงิน"
สัตว์ประหลาดที่ปรากฎ : มนุษย์ต่างดาวทมิฬ ALIEN BABARU
ความสูง : 2 ~ 56 เมตร
น้ำหนัก : 140 กิโลกรัม ~ 2 หมื่น 8 พันตัน
ลักษณะพิเศษ : มันคือหนึ่งในเผ่าพันธุ์เดียวกับชาวดาวทมิฬที่มีประวัติบันทึกอยู่ใน Document MAC
มันเป็นมนุษย์ต่างดาวที่มีนิสัยเจ้าเล่ห์เพทุบาย
ชอบใช้ความสามารถในการแปลงร่างตบตาผู้อื่น
ในอดีตชาวดาวบาบาลูเคยแปลงร่างเป็นแอสตร้า
แล้วหลอกให้เลโอกับพี่น้องอุลตร้าต้องห้ำหั่นกันเองมาแล้ว
มาในคราวนี้มันได้ใช้วิชาแปลงร่างแปลงเป็น ซุรุงิตัวปลอม แล้วมาปรากฎตัวที่โลกอีกครั้ง
โดยมีจุดประสงค์ที่ต้องการให้ชาวโลกหมดความเชื่อมั่นในตัวของอุลตร้าแมนฮิคาริ
อนึ่ง,มนุษย์ดาวบาบาลูกับฮิคาริได้เคยต่อสู้กันมาแล้วในขณะที่ฮิคาริกลับไปเยี่ยมเยือน
ดาวเคราะห์อาร์บอีกครั้ง การต่อสู้กันบนโลกในครั้งนี้จึงถือเป็นศึกชี้ชะตาระหว่างทั้งสอง
ตอนที่ 36 "น้องสาวของมิไร"
สัตว์ประหลาดที่ปรากฎ : สัตว์ประหลาดวิญญาณแห่งพสุธา ANGROS
ความสูง : 43 เมตร
น้ำหนัก : 3 หมื่นตัน
ลักษณะพิเศษ : มันคือสัตว์ประหลาดที่มีโครงสร้างประกอบขึ้นด้วยอณูแร่ธาตุเสียเป็นส่วนใหญ่
ดังนั้นจึงทำให้ไม่มีปฏิกิริยาของสิ่งมีชีวิตปรากฎที่เรดาห์ตรวจจับ
มนุษย์ดาวไซโคคิโนะ ได้สร้างมันขึ้นมาแล้วใช้พลังจิตในการควบคุมตัวมัน
เขาอันแหลมคมขนาดใหญ่ตรงหัวของมันกับขาหน้าที่มีลักษณะคล้ายครีบนั้นไม่ได้มีไว้
เพียงแค่ใช้มุดดินเท่านั้นแต่มันยังสามารถใช้เป็นอาวุธในการเข้าจู่โจมศัตรูโดยตรงได้อีกด้วย
การโจมตีของมันทำเอา เมบิอุส ต้องพลาดท่าจนถูกกลบไว้ในดินที่มันขุดขึ้นมา
จากนั้นมันก็จะเข้าเล่นงานเมบิอุสที่ขยับตัวไปไหนไม่ได้
ตอนที่ 37 "แผ่นหลังของพ่อ"
สัตว์ประหลาดที่ปรากฎ : รูปปั้นมารสามเศียรแห่งอวกาศ JYASHRINE
ความสูง : 60 เมตร
น้ำหนัก : 6 หมื่นตัน
ลักษณะพิเศษ : มนุษย์ต่างดาวที่มีจุดเด่นอยู่ที่ลำตัวซึ่งมีใบหน้าเรียงกันอยู่ 3 หน้า
ดังนั้นมันจึงมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า "รูปปั้นมารสามเศียรแห่งอวกาศ"
มันเป็นจอมวายร้ายที่เที่ยวอาละวาดไปทั่วอวกาศในหมู่ดาวเอริดานุส
เพื่อขอท้าดวลกับคู่ต่อสู้แบบสตรีทไฟท์
และเมื่อมันชนะมันก็จะสะสมซากศพของคู่ต่อสู้ที่มันพิชิตลงได้เอาไว้
คลื่นมิติเวลาปริศนาเป็นตัวชักนำมันให้มายังโลก
ใบหน้าทั้งสามของมันนั้นจะมีบุคลิกลักษณะที่แตกต่างกันออกไป
โดยจะแบ่งออกเป็น พี่ใหญ่ , พี่รอง แล้วก็น้องเล็ก 3 พี่น้องในร่างเดียว
ถ้าหากไฟตรงหน้าผากบนใบหน้าทั้งสามของมันปรากฎขึ้นที่หน้าใดหน้าหนึ่ง
นั่นก็แปลว่าหน้านั้นจะเป็นผู้โจมตี และท่าการโจมตีของทั้งสามก็จะแตกต่างกันออกไป
ตามเอกลักษณ์ของแต่ละใบหน้า
พี่ใหญ่จะใช้บูมเมอแรงที่สร้างขึ้นมาจากโล่ห์ที่แขนเป็นอาวุธ ฝีมือการเขวี้ยงบูมเมอแรง
ของมันนั้นเรียกได้ว่าแม่นยำราวกับจับวางเลยทีเดียว เขวี้ยงร้อยครั้งโดนร้อยครั้ง
พี่รองจะมีการเคลื่อนไหวที่คล่องแคล่วปราดเปรียวคอยหลอกล่อให้ศัตรูหัวหมุน
แล้วจึงใช้หมัดรัวเข้าเล่นงาน
ส่วนน้องเล็กก็จะเป็นผู้เชี่ยวชาญทางพลังจิต อาทิ การใช้พลังจิตตรึงร่างคู่ต่อสู้
หรือสะท้อนพลังคู่ต่อสู้กลับไป เป็นต้น
และถ้าหากไฟทั้งสามดวงปรากฎขึ้นที่หน้าผากพร้อมกันเมื่อไหร่
มันก็จะยิงท่าไม้ตาย โกลจาร์ชล่าร์ ซึ่งเป็นลำแสงสีทองที่จะเปลี่ยนร่างของคู่ต่อสู้
ให้กลายเป็นรูปปั้นทองคำออกมาจากปีกที่ไหล่ทั้งสองข้าง
ตอนที่ 38 "อิซานะแห่งหน่วย OCEAN"
สัตว์ประหลาดที่ปรากฎ : สัตว์ประหลาดปักษาอวกาศ ARIGELAR
ความสูง : 55 เมตร
น้ำหนัก : 1 หมื่น 1 พันตัน
ลักษณะพิเศษ : มันคือสัตว์ประหลาดอวกาศซึ่งคาดกันว่าน่าจะบินลงมายังโลก
โดยการชักนำของคลื่นมิติเวลาปริศนาจากอวกาศ
เอกลักษณ์ของมันจะอยู่ตรงใบหน้าที่ดูชั่วร้ายของมันที่ไร้ซึ่งดวงตา
และรูประหลาดๆ 2 ช่องตรงต้นคอ ( Pulse Hole )
อัลลิเกล่าร์จะรับสัมผัสได้ด้วยคลื่นเสียงอัลตร้าโซนิคแทนประสาทในการมองเห็น
ดังเช่นค้างคาวหรือปลาหมึก
ถึงแม้จะดูว่ามันมีรูปร่างที่ใหญ่โตแต่มันก็สามารถบินได้ด้วยความเร็วที่เหนือกว่าเครื่องบินรบ
และสามารถเปลี่ยนทิศทางหรือเพิ่มความเร็วได้ดังใจ
อีกทั้งปีกอันแหลมคมของมันยังสามารถใช้เป็นอาวุธได้อีกด้วย
เมื่ออยู่บนโลกมันสามารถเคลื่อนไหวได้ทั้งในอากาศและทะเล
นอกจากนี้มันยังสามารถปล่อยลำแสงแม่เหล็กไฟฟ้าจาก Pulse Hole ตรงต้นคอ
ทั้งยังยิงลำแสงอานุภาพร้ายกาจออกมาจากหางได้อีกต่างหาก
ตอนที่ 39 "คุณแม่ผู้ไร้เทียมทาน"
สัตว์ประหลาดที่ปรากฎ : มนุษย์ต่างดาวสถิตย์ร่าง ALIEN SURPENT
ความสูง : 158 เซนติเมตร ~ 48 เมตร
น้ำหนัก : 48 กิโลกรัม ~ 2 หมื่น 4 พันตัน
ลักษณะพิเศษ : มันคือมนุษย์ต่างดาวที่เดินทางมาจากเนบิวล่า M9 ลักษณะเด่นของมันจะอยู่ตรงหัวหุ้มเกราะ
เมื่อวัตถุเรืองแสงที่โผล่ออกมาจากชุดเกราะของมนุษย์ดาวเซอร์เพนท์หลายตัวมารวมกัน
มันก็จะกลายร่างยักษ์และมีชุดเกราะอันแข็งแกร่งปกคลุมไปทั่วร่างไม่เพียงแค่ส่วนหัวเท่านั้น
ALIEN SURPENT ( ร่างยักษ์ )
ตอนที่ 40 "สรวงสวรรค์ที่มีเพียงเรา"
สัตว์ประหลาดที่ปรากฎ : สัตว์ประหลาดพฤกษาอวกาศ SORITURA
ความสูง : 50 เมตร
น้ำหนัก : 2 หมื่นตัน
ลักษณะพิเศษ : สัตว์ประหลาดพฤกษาที่บินลงมาจากอวกาศ
รากไม้ของมันสามารถขยายพันธุ์ได้อย่างรวดเร็ว
จากหลุมอุกกาบาตซึ่งมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 5 เมตร
ซึ่งเกิดจากลูกอุกกาบาตขนาดเท่าลูกซอฟท์บอลที่ตกลงมายังภูเขากลางดึก
มันจะใช้รากของมันมัดต้นไม้ในบริเวณรอบๆแล้วดูดกลืนเข้าไปในร่างของตน
จนเมื่อมันเติบโตได้ที่แล้ว ดอกไม้สีขาวก็จะเบ่งบานออกมาอยู่ตรงลำตัวและหลัง
และหลังจากนั้นไม่นานมันก็จะขยายลำต้นใหญ่ขึ้นจนมีขนาดถึง 50 เมตร
เพื่อกลายเป็นสัตว์ประหลาดพฤกษา โซลิทูล่า อย่างเต็มตัว
เมื่อดอกไม้สีขาว ( โซลิทูลันฟลาวเวอร์ ) ที่อยู่ตามลำตัวของมันหล่นลงมายังพื้นดิน
มันก็จะเปลี่ยนเป็น อมนุษย์พฤกษา โซลิทูลัน ซึ่งมีลักษณะคล้ายคนสวมเสื้อโค้ตสีขาว
เพื่อทำหน้าที่คอยหลอกล่อผู้คนให้หลงเข้าไปยังถิ่นของมันเพื่อหวังจะรวมร่างกับมนุษย์
โซลิทูล่ามีความสามารถในการพ่นละอองเกสร
ซึ่งทำให้ระบบประสาทของสิ่งมีชีวิตเป็นอัมพาตได้
ทั้งยังสามารถใช้รากที่อยู่ใต้ดินจู่โจมมาจากตำแหน่งที่ไม่มีใครคาดคิดอีกด้วย
มิหนำซ้ำบริเวณรากลำต้นของมันยังมีมนุษย์ที่ถูกกักขังเอาไว้อีกต่างหาก
ดังนั้นทั้งหน่วย GUYS และ เมบิอุส จึงไม่สามารถที่จะโจมตีแบบสุ่มสี่สุ่มห้าได้
และถ้าขืนปล่อยให้มันมีชีวิตอยู่ต่อไป ไม่นานมันก็จะกลืนกินสิ่งมีชีวิตทั้งหมดบนโลกใบนี้
และสุดท้ายโลกก็จะพลอยถูกมันกลืนกินเข้าไปด้วย
นับว่ามันเป็นสัตว์ประหลาดที่มีความน่าสะพรึงกลัวมาก
ตอนที่ 41 "คุณครูในความทรงจำ"
สัตว์ประหลาดที่ปรากฎ : ยานบินมีชีวิต ROBELGAR Ⅱ
ความสูง : 55 เมตร
น้ำหนัก : 1 หมื่น 9 พันตัน
ลักษณะพิเศษ : ยานบินมีชีวิตสายพันธุ์เดียวกับ โลเบลเกอร์ ที่เคยปรากฎตัวออกมาก่อนหน้านี้ ( ตอนที่ 31 )
เนื่องจากจำนวนและลักษณะรูปทรงของเขาบนหัว รวมถึงสีตรงลำตัวของมันมีความแตกต่าง
ไปจากตัวแรก มันจึงถูกเรียกว่า โลเบลเกอร์ รุ่นที่ 2
อาวุธของมันคือพละกำลังอันมหาศาลและลำแสงทำลายล้างที่ยิงออกมาจากปาก
มันได้บินลงมายังโลกในลักษณะของวัตถุเรืองแสง
แล้วหลังจากนั้นมันจึงกลายร่างจากยานบินที่ห้อมล้อมไปด้วยแสง
ไปเป็น ยานบินมีชีวิต โลเบลเกอร์ บนเกาะร้างในมหาสมุทรแปซิฟิก
ต่อมามันก็ได้เข้าปะทะกับ อุลตร้าแมน 80 และ เมบิอุส อย่างดุเดือด
สัตว์ประหลาดที่ปรากฎ : สัตว์ประหลาดกรดกำมะถัน HOE
ความสูง : 50 เมตร
น้ำหนัก : 2 หมื่นตัน
ลักษณะพิเศษ : สัตว์ประหลาดสายพันธุ์เดียวกับสัตว์ประหลาดกรดกำมะถัน
ซึ่งมีประวัติปรากฎอยู่ใน Document UGM
มันเป็นสัตว์ประหลาดที่ถือกำเนิดจาก Minus Energy ( พลังงานด้านลบ )
ชื่อ HOE นี้มีที่มามาจากการที่มันหลั่งน้ำตาซึ่งเป็นกรดกำมะถัน
ออกมาจากดวงตาทั้งสองข้างซึ่งถือเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของมัน
ตอนที่ 42 "การมาเยือนของสหายเก่า"
สัตว์ประหลาดที่ปรากฎ : สัตว์ประหลาดดึกดำบรรพ์ GOMORA
ความสูง : 40 เมตร
น้ำหนัก : 2 หมื่นตัน
ลักษณะพิเศษ : หนึ่งในสายพันธุ์ของสัตว์ประหลาดยุคโบราณซึ่งมีประวัติบันทึกอยู่ใน Document SSSP
มันคือสิ่งมีชีวิตยุคดึกดำบรรพ์ที่เคยมีชีวิตอยู่บนโลกเมื่อ 150 ล้านปีก่อน
และมีผู้พบเห็นมันเป็นครั้งแรกบนเกาะจอหน์สันในมหาสมุทรแปซิฟิกตอนใต้
มันมีชื่อเรียกทางวิชาการว่า "โกโมราเซารัส"
มันเป็นสัตว์ประหลาดที่มีพลังชีวิตเข้มแข็งมาก
แม้แต่หางที่ถูกตัดขาดไปแล้วก็ยังสามารถเข้าโจมตีคู่ต่อสู้ได้
ในอดีตอุลตร้าแมนก็เคยพลาดท่าเสียทีให้กับมันมาแล้วครั้งนึง
จนทำให้ปราสาทโอซาก้าต้องถูกทำลายลงไป
ส่วนโกโมร่าที่ปรากฎตัวขึ้นมาในครั้งนี้ก็มีถิ่นกำเนิดมาจากเกาะจอหน์สันเช่นเดียวกัน
หลังจากผ่านช่วงที่สัตว์ประหลาดออกมาปรากฎตัวกันมากมายในประเทศญี่ปุ่นแล้ว
ครั้งนี้ถือได้ว่าเป็น Case แรกที่มีสัตว์ประหลาดบนโลกออกมาปรากฏตัวในพื้นที่อื่นๆ
นอกเหนือจากที่ญี่ปุ่น แต่ทว่าหลังจากนั้นมันกลับหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
นี่แสดงว่าเบื้องหลังของคดีนี้จะต้องมีเงาปริศนาของใครบางคนแอบแฝงอยู่เป็นแน่
สัตว์ประหลาดที่ปรากฎ : สัตว์ประหลาดโครงกระโหลก REDKING
ความสูง : 45 เมตร
น้ำหนัก : 2 หมื่นตัน
ลักษณะพิเศษ : หนึ่งในสายพันธุ์เดียวกับสัตว์ประหลาดโครงกะโหลก เรดคิง
ซึ่งมีรายชื่ออยู่ใน Document SSSP 2 คดี และ Document UGM อีก 1 คดี
เรดคิงตัวแรกที่ถูกค้นพบจะอาศัยอยู่บนเกาะทาทาระ
มันเป็นสัตว์ประหลาดที่ดุร้ายและชื่นชอบการต่อสู้มาก ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ประหลาดหรือมนุษย์
มันก็จะเข้าจู่โจมแบบไม่เลือกหน้า โดยอาวุธของมันก็คือพลังแขนที่มันแสนจะภูมิใจนั่นเอง
ส่วนสถานที่ที่มันปรากฎตัวขึ้นในครั้งนี้ก็คือเกาะทาทาระที่เรดคิงตัวแรกเคยอาศัยอยู่
คราวนี้มันสามารถกระโดดจู่โจมด้วยมือเท้าและหางได้
ทั้งยังมีพลังกล้ามเนื้อ , ความคล่องตัว และ ความแข็งแกร่ง เหนือกว่าเรดคิงตัวก่อนๆ
ที่เคยปรากฎตัวในอดีตอีกหลายเท่า
ทว่า,แท้จริงแล้วเบื้องหลังของมันยังมีความลับซ่อนเร้นอยู่
หลังจากเมบิอุสกำจัดมันลงได้แล้วในที่สุดมันก็เผยโฉมที่แท้จริงออกมา
ตอนที่ 43 "เมบิอุสคิลเลอร์ มหันตภัยร้ายคืบคลาน"
สัตว์ประหลาดที่ปรากฎ : ยอดมนุษย์ต่างมิติ MEBIUS KILLER
ความสูง : 40 เมตร
น้ำหนัก : 4 หมื่น 3 พันตัน
ลักษณะพิเศษ : ยอดมนุษย์ต่างมิติที่ยาพูลส่งลงมาบนโลกเพื่อกำจัดอุลตร้าแมนเมบิอุส
ถึงแม้ว่ามันจะมีหน้าตาคล้ายกับ เอสคิลเลอร์ ซึ่งในอดีตยาพูลเคยส่งมันไปปรากฎตัว
ที่ดาวกอลโกด้าเพื่อสังหารอุลตร้าแมนเอสก็จริง
แต่คราวนี้มันได้ถูกดัดแปลงมาเพื่อให้รับมือกับเมบิอุสโดยเฉพาะ
หลังจากที่มันดูด อสูรอวกาศรวมร่าง การ์ดิว่า ซึ่งได้ทำการวิเคราะห์ความสามารถ
ของเมบิอุสมาไว้ในผลึกคริสตัลตรงอกแล้ว
มันจึงกลายเป็น เมบิอุส คิลเลอร์ อย่างสมบูรณ์แบบ
เมบิอุสคิลเลอร์จะใช้ท่าไม้ตายของเมบิอุส อย่าง เมเบี่ยมชู้ต , เมเบี่ยมเบลด
หรือ เมเบี่ยมเบริสต์ ไล่ต้อนเมบิอุสให้จนมุม ดังเช่น เอสคิลเลอร์ ที่ได้ขโมยท่าไม้ตาย
ของเหล่าพี่น้องอุลตร้าเพื่อทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้นเมื่อในอดีต
เมื่อต้องเผชิญกับศัตรูสุดแกร่งเช่นนี้ เมบิอุสจึงจำเป็นต้องใช้ท่าไม้ตายก้นหีบ
เมเบี่ยมไดนาไมท์ ที่ประยุกต์มาจากท่า อุลตร้าไดนาไมท์ ของ ทาโร่ ผู้เป็นอาจารย์นั่นเอง
เมบิอุสได้ใช้ท่านี้เข้ารวบตัวเมบิอุสคิลเลอร์เอาไว้และระเบิดไปพร้อมกัน
จนสามารถรอดพ้นจากวิกฤตนี้มาได้อย่างยากลำบาก
ทว่า,การใช้ท่าซึ่งมีความอันตรายและมีอานุภาพรุนแรงเทียบเท่ากับท่าไม้ตายของทาโร่
ซึ่งเขาถึงกับจำต้องปิดผนึกท่านี้เอาไว้ด้วยตนเอง สำหรับเมบิอุสแล้วนี่ถือเป็นการเดิมพัน
ที่มีความเสี่ยงเป็นอย่างยิ่ง แม้ว่าเมบิอุสจะได้รับชัยชนะในครั้งนี้มาก็ตาม
แต่ผลกระทบทางร่างกายนั้นถือว่าสาหัสไม่น้อยเลยทีเดียว
สัตว์ประหลาดที่ปรากฎ : อสูรอวกาศรวมร่าง GADIVA
ความสูง : ไม่ปรากฎแน่ชัด
น้ำหนัก : ไม่ปรากฎแน่ชัด
ลักษณะพิเศษ : สิ่งมีชีวิตอวกาศที่สามารถลอกข้อมูลทางชีวภาพของสัตว์ประหลาดที่มันได้เข้าไปรวมร่าง
แล้วสามารถสร้างร่าง ( ข้อมูล ) นั้นขึ้นมาใหม่ได้
มันจะปรากฎเป็นกลุ่มควันสีดำซึ่งมีลักษณะรูปทรงที่ไม่แน่นอน
ชายแก่ชุดดำปริศนา ( ร่างจริงก็คือยาพูลนั่นเอง ) ได้ควบคุม การ์ดิว่า
ให้มันไปกระตุ้น โกโมร่า ที่อยู่บนเกาะจอห์นสัน กับ เรดคิง ที่อาศัยอยู่บนเกาะทาทาระ
ให้ฟื้นขึ้นมาแล้วรวมร่างเข้ากับพวกมัน
เพื่อใช้ความสามารถของสัตว์ประหลาดทั้งสองเข้าเล่นงานเมบิอุสให้จนมุม
ยิ่งไปกว่านั้นแล้วมันยังสามารถวิเคราะห์ความสามารถของเมบิอุสจากการรับท่าโจมตีเข้าไป
ครั้งหนึ่งแล้วซึมซับท่านั้นมาเป็นของตนเองได้อีกด้วย
นับว่ามันเป็นอสูรอวกาศที่น่าสะพรึงกลัวจริงๆ
ตอนที่ 44 "ความปรารถนาของเอส"
สัตว์ประหลาดที่ปรากฎ : ยอดอสูรแห่งคืนจันทร์เพ็ญ LUNATICS
ความสูง : 58 เมตร
น้ำหนัก : 6 หมื่น 3 พันตัน
ลักษณะพิเศษ : หนึ่งในสายพันธุ์ของยอดอสูรแห่งคืนจันทร์เพ็ญซึ่งมีประวัติบันทึกอยู่ใน Document TAC
ลูนาติกส์ คือ ยอดอสูรที่มีการกล่าวขานกันว่ามันคือผู้ที่ทำลายล้างอารยธรรมบนดวงจันทร์
เมื่อครั้งอดีต คราวนี้มันได้ไปปรากฎตัวบนดวงจันทร์เพื่อปกป้องเสาศิลาปริศนา
ที่เป็นตัวการในการทำให้ระบบขับเคลื่อนของฐานทัพ Pheonix Nest ใช้การไม่ได้
มันออกมาคอยขัดขวางทีม GUYS เอาไว้ โดยใช้เปลวเพลิงแม็กม่าที่ยิงออกมาจากปาก
และใช้การยิงดวงตาออกมาโจมตีได้อย่างต่อเนื่องเป็นอาวุธ
สัตว์ประหลาดที่ปรากฎ : ยอดมนุษย์ต่างมิติ GIANT YAPOOL
ความสูง : 50 เมตร
น้ำหนัก : 8 หมื่น 2 พันตัน
ลักษณะพิเศษ : ร่างซึ่งเกิดจากการรวมตัวกันของมนุษย์ต่างมิติยาพูลซึ่งเคยถูกอุลตร้าแมนเอสกำราบลง
เมื่อในอดีต มันมีความสามารถในการเปลี่ยนแปลงรูปร่างได้ตามใจชอบ
แม้ว่าที่ผ่านมายาพูลซึ่งกลายร่างเป็น U Killer Zauras Neo จะถูกเหล่าพี่น้องอุลตร้า
ร่วมแรงร่วมใจกันกำจัดมันลงไปได้ หรือถึงแม้ว่าจะถูกยาน Pheonix Nest ที่เปลี่ยนเป็น
Flight Mode ปิดผนึกประตูต่างมิติขัดขวางแผนการณ์ของมันได้ก็ตามที
แต่ทว่าความเคียดแค้นของมันก็ได้แปรเปลี่ยนเป็นพลังงาน
จนทำให้มันคืนชีพขึ้นมาได้เป็นผลสำเร็จ
มันคือมือสังหารคนแรกในกลุ่มสี่จตุรเทพปริศนา
ซึ่งมันได้ยื่นคำท้าประลองกับเมบิอุสโดยใช้อุบายแยกทีม GUYS กับ เมบิอุส ออกจากกัน
เพื่อทำให้เมบิอุสต้องต่อสู้กับมันเพียงลำพังแล้วมันก็จะได้ช่วงชิงพลังของเมบิอุสไป
ความสามารถของยาพูลร่างยักษ์นี้คือ มันสามารถใช้มือซ้ายกางบาเรีย
และใช้พลังจิตผนึกการเคลื่อนไหวของศัตรูได้ ส่วนมือขวาที่เป็นเคียวก็สามารถเป็นได้
ทั้งอาวุธปลายแหลมและยิงลำแสงประหลาดออกมาได้อย่างต่อเนื่อง
ตอนที่ 45 "แผนร้ายของเดสเรม"
สัตว์ประหลาดที่ปรากฎ : มนุษย์ต่างดาวจอมวางแผน DEATHREM
ความสูง : 55 เมตร
น้ำหนัก : 1 หมื่น 5 พันตัน
ลักษณะพิเศษ : ขุนพลจอมวางแผน หนึ่งในสี่จตุรเทพทมิฬผู้คอยรับใช้จอมราชันย์ปริศนา
ร่างกายของมันจะมีกระดูกหุ้มอยู่ภายนอกแต่กลับมีเนื้อหนังอยู่ภายใน
มันจะโบกสะบัดมือซ้ายที่มีขนาดใหญ่ราวกับใบพัดเพื่อทำให้ห้วงแห่งกาลเวลาบิดเบี้ยว
แล้วจะยิงลูกไฟออกมาโจมตี
มันได้วางแผนการไว้อย่างถี่ถ้วน โดยก่อนอื่นมันจะใช้โดมทรงกลมที่ไม่มีผู้ใดมองเห็น
กักฐานทัพ Pheonix Nest เอาไว้แล้วใช้คนที่อยู่ภายในเป็นตัวประกัน
เพื่อทำให้เมบิอุสไม่กล้าต่อสู้ขัดขืนหรือใช้ท่าไม้ตายใดๆกับมัน
จากนั้นมันก็จะทำให้มนุษย์หมดความเชื่อมั่นในตัวของเมบิอุส
เดสเรม คือ ผู้ที่เคยผ่านมหาสงครามอุลตร้าแห่งตำนาน ( Ultimate Wars ) มาแล้ว
และมันก็มีความแค้นต่อเผ่าพันธุ์อุลตร้ามากพอๆกับจอมราชันย์เลยทีเดียว
ความสูง : 55 เมตร
น้ำหนัก : 1 หมื่น 5 พันตัน
ลักษณะพิเศษ : ขุนพลจอมวางแผน หนึ่งในสี่จตุรเทพทมิฬผู้คอยรับใช้จอมราชันย์ปริศนา
ร่างกายของมันจะมีกระดูกหุ้มอยู่ภายนอกแต่กลับมีเนื้อหนังอยู่ภายใน
มันจะโบกสะบัดมือซ้ายที่มีขนาดใหญ่ราวกับใบพัดเพื่อทำให้ห้วงแห่งกาลเวลาบิดเบี้ยว
แล้วจะยิงลูกไฟออกมาโจมตี
มันได้วางแผนการไว้อย่างถี่ถ้วน โดยก่อนอื่นมันจะใช้โดมทรงกลมที่ไม่มีผู้ใดมองเห็น
กักฐานทัพ Pheonix Nest เอาไว้แล้วใช้คนที่อยู่ภายในเป็นตัวประกัน
เพื่อทำให้เมบิอุสไม่กล้าต่อสู้ขัดขืนหรือใช้ท่าไม้ตายใดๆกับมัน
จากนั้นมันก็จะทำให้มนุษย์หมดความเชื่อมั่นในตัวของเมบิอุส
เดสเรม คือ ผู้ที่เคยผ่านมหาสงครามอุลตร้าแห่งตำนาน ( Ultimate Wars ) มาแล้ว
และมันก็มีความแค้นต่อเผ่าพันธุ์อุลตร้ามากพอๆกับจอมราชันย์เลยทีเดียว
ตอนที่ 46 "โกรแซมผู้เป็นอมตะ"
สัตว์ประหลาดที่ปรากฎ : มนุษย์ดาวเยือกแข็ง GROZAM
ความสูง : 2 ~ 52 เมตร
น้ำหนัก : 200 กิโลกรัม ~ 2 หมื่นตัน
ลักษณะพิเศษ : ขุนพลจอมพลัง หนึ่งในสี่จตุรเทพทมิฬผู้คอยรับใช้จอมราชันย์ปริศนา
ตอนแรกมันจะออกมาปรากฎตัวบนโลกโดยย่อส่วนร่างกายลงให้มีขนาดเท่ามนุษย์
แต่พอมันได้ประจัญหน้ากับ มิไร แล้วมันจึงขยายร่างใหญ่ขึ้น
ไอเย็นที่พ่นออกมาจากปากของมันสามารถทำให้ทะเลสาบในเขื่อน
กลายเป็นน้ำแข็งไปได้เพียงชั่วพริบตา
ร่างกายของโกรแซมมีความแข็งแกร่งทนทานมากถึงขนาดที่แม้แต่ไฟเยอร์วินดั้ม
ใช้กระสุนเพลิงด้วยพลังเต็มที่ก็ยังไม่ทำให้มันรู้สึกสะทกสะท้านแม้แต่น้อย
หรือต่อให้เป็น ท่าเมเบี่ยมชู้ต หรือ เมเบี่ยมเบิร์ส ของเมบิอุสเอง
ก็ยังไม่อาจทำอะไรมันได้เช่นเดียวกัน
แต่ถึงมันจะได้รับบาดเจ็บจากการโจมตี มันก็สามารถฟื้นฟูส่วนที่ถูกเล่นงาน
ให้กลับมาอยู่ในสภาพดังเดิมได้ ( ถึงแม้ว่ามันจะพลาดท่าโดนเมเบี่ยมชู้ตยิงเล่นงาน
ไปที่ลำตัวจนเกิดเป็นรูโบ๋ แต่มันก็สามารถฟื้นตัวขึ้นมาได้ในทันที )
ดังนั้นมันจึงได้รับการขนานนามว่า "โกรแซมผู้เป็นอมตะ"
หากทำให้โกรแซมเอาจริงขึ้นมาล่ะก็มันสามารถที่จะเปลี่ยนโลกใบนี้ให้กลับไปสู่ยุคน้ำแข็ง
ได้อย่างสบายๆ นอกจากการโจมตีด้วยไอเย็นแล้วมันยังสามารถใช้อวัยวะส่วนที่ยืดหดออก
จากแขนมาแปรสภาพให้เป็นหอกหรือดาบเพื่อใช้ในการโจมตีได้อีกด้วย
มันคือหนึ่งในผู้เข้าร่วมต่อสู้ในมหาสงครามอุลตร้าแห่งตำนาน และได้แสดงความสามารถ
ในการฟื้นตัวเพียงชั่วพริบตายามเมื่อร่างกายของมันได้รับบาดเจ็บ
แล้วเข้าสู้รบกับเผ่าพันธุ์อุลตร้าต่อไปเรื่อยๆอย่างไม่หยุดหย่อน
จนผู้คนต่างพากันหวาดกลัวเมื่อได้ยินฉายา "โกรแซมผู้เป็นอมตะ" ของมัน
แต่พอมันได้ประจัญหน้ากับ มิไร แล้วมันจึงขยายร่างใหญ่ขึ้น
ไอเย็นที่พ่นออกมาจากปากของมันสามารถทำให้ทะเลสาบในเขื่อน
กลายเป็นน้ำแข็งไปได้เพียงชั่วพริบตา
ร่างกายของโกรแซมมีความแข็งแกร่งทนทานมากถึงขนาดที่แม้แต่ไฟเยอร์วินดั้ม
ใช้กระสุนเพลิงด้วยพลังเต็มที่ก็ยังไม่ทำให้มันรู้สึกสะทกสะท้านแม้แต่น้อย
หรือต่อให้เป็น ท่าเมเบี่ยมชู้ต หรือ เมเบี่ยมเบิร์ส ของเมบิอุสเอง
ก็ยังไม่อาจทำอะไรมันได้เช่นเดียวกัน
แต่ถึงมันจะได้รับบาดเจ็บจากการโจมตี มันก็สามารถฟื้นฟูส่วนที่ถูกเล่นงาน
ให้กลับมาอยู่ในสภาพดังเดิมได้ ( ถึงแม้ว่ามันจะพลาดท่าโดนเมเบี่ยมชู้ตยิงเล่นงาน
ไปที่ลำตัวจนเกิดเป็นรูโบ๋ แต่มันก็สามารถฟื้นตัวขึ้นมาได้ในทันที )
ดังนั้นมันจึงได้รับการขนานนามว่า "โกรแซมผู้เป็นอมตะ"
หากทำให้โกรแซมเอาจริงขึ้นมาล่ะก็มันสามารถที่จะเปลี่ยนโลกใบนี้ให้กลับไปสู่ยุคน้ำแข็ง
ได้อย่างสบายๆ นอกจากการโจมตีด้วยไอเย็นแล้วมันยังสามารถใช้อวัยวะส่วนที่ยืดหดออก
จากแขนมาแปรสภาพให้เป็นหอกหรือดาบเพื่อใช้ในการโจมตีได้อีกด้วย
มันคือหนึ่งในผู้เข้าร่วมต่อสู้ในมหาสงครามอุลตร้าแห่งตำนาน และได้แสดงความสามารถ
ในการฟื้นตัวเพียงชั่วพริบตายามเมื่อร่างกายของมันได้รับบาดเจ็บ
แล้วเข้าสู้รบกับเผ่าพันธุ์อุลตร้าต่อไปเรื่อยๆอย่างไม่หยุดหย่อน
จนผู้คนต่างพากันหวาดกลัวเมื่อได้ยินฉายา "โกรแซมผู้เป็นอมตะ" ของมัน
ตอนที่ 47 "กลเกมส์ของเมฟิราส"
สัตว์ประหลาดที่ปรากฎ : มนุษย์ต่างดาวผู้ชั่วร้าย ALIEN MEFILAS
ความสูง : 2 ~ 60 เมตร
น้ำหนัก : 2 หมื่นตัน
ลักษณะพิเศษ : ขุนพลจ้าวปัญญา หนึ่งในสี่จตุรเทพทมิฬผู้คอยรับใช้จอมราชันย์ปริศนา
มนุษย์ต่างดาวผู้มีประวัติบันทึกอยู่ใน Document SSSP และ Document ZAT
ว่ากันว่ามันคือญาติพี่น้องของมนุษย์ดาวเมฟิราสที่เคยบุกมารุกรานโลกเมื่อในอดีต
ในฐานะที่เป็นขุนพลคนสุดท้ายของสี่จตุรเทพทมิฬ
มันจึงต้องการให้เมบิอุสได้รับความพ่ายแพ้อย่างอัปยศที่สุด
โดยการให้สมาชิกของทีม GUYS เป็นผู้กำจัดเมบิอุสด้วยน้ำมือของตนเอง
เพื่อทำให้เมบิอุสตกอยู่ในความสิ้นหวังถึงขีดสุด
มันคือขุนพลผู้ทรงภูมิปัญญาซึ่งมีระดับ IQ ถึง 1 หมื่น และไม่ชอบใช้ความรุนแรง
ดังนั้นมันจึงเลือกใช้วิธีเข้าคุกคามจิตใจของมนุษย์แทน
แต่เวลาที่มันจะออกโรงต่อสู้ มันจะไม่ใช้วิธีการต่อสู้แบบขี้ขลาดตาขาว
แต่จะสู้กันแบบซึ่งๆหน้าอย่างสง่าผ่าเผย
ตอนที่ 48 "จอมราชันย์จุติ"
ตอนที่ 49 "เมฆหมอกแห่งความสิ้นหวัง"
ตอนที่ 50 "ถ้อยคำจากดวงใจ"
สัตว์ประหลาดที่ปรากฎ : จอมราชันย์แห่งรัตติกาล ALIEN EMPEROR
ความสูง : 56 เมตร
น้ำหนัก : 4 หมื่น 9 พันตัน
ลักษณะพิเศษ : จอมราชันย์แห่งรัตติกาล ราชันย์ผู้นำกองทัพสัตว์ประหลาดไปบุกดาวอุลตร้า
จนเกือบทำให้ดาวอุลตร้าต้องถึงกาลล่มสลายมาแล้วในยุคมหาสงครามอุลตร้าแห่งตำนาน
( Ultimate Wars ) ซึ่งบังเกิดขึ้นเมื่อ 3 หมื่นปีก่อน
มันคือผู้นำของเหล่าขุนพลสี่จตุรเทพทมิฬและกองทัพอิมเพไลเซอร์
ทั้งยังมีสัตว์ประหลาดและมนุษย์ต่างดาวอีกเป็นจำนวนมาก
ที่ยอมสยบอยู่ใต้อาณัติของมันด้วยความหวาดกลัว
มนุษย์ดาวเอ็มเพอร์เร่อร์เคยมีอดีตที่ต้องประสบกับเคราะห์กรรมมาก่อน
ดาวของเขาต้องสูญเสียแสงแห่งดวงอาทิตย์ไปเช่นเดียวกับดาวอุลตร้าเมื่อกาลครั้งหนึ่ง
นานมาแล้ว และเขาคือผู้เดียวที่มีชีวิตเหลือรอดมาจากมหันตภัยในครั้งนั้น
ด้วยการประสบกับความทุกข์อันแสนสาหัสนี้เองจึงทำให้มันแปรเปลี่ยนความแค้นมาเป็น
พลังจนทำให้มันสามารถทนทานต่อความมืดและได้รับพลังอันยิ่งใหญ่นั้นมาครอบครองได้
ในที่สุด หลังจากนั้น มนุษย์ดาวเอ็มเพอร์เร่อร์ ผู้เกลียดชังแสงสว่างมากกว่าผู้ใดในอวกาศ
ก็คิดที่จะปกครองอวกาศโดยใช้พลังอำนาจที่ตนมีอยู่
มันจึงได้สถาปนาตนเองขึ้นเป็น "จอมราชันย์แห่งรัตติกาล" แล้วอาศัยการปกครอง
เหล่ากองทัพสัตว์ประหลาดและมนุษย์ต่างดาวโดยใช้ความหวาดกลัวเข้าครอบงำ
จากนั้นมันจึงนำทัพไปถล่มระบบสุริยะต่างๆมากมายในอวกาศ
ในฐานะของราชันย์ผู้ครอบครองห้วงอวกาศอันมืดมิด
และด้วยเหตุนี้เอง มนุษย์ดาวเอ็มเพอร์เร่อร์ จึงรู้ว่ามี เนบิวล่า M78 นครแห่งแสงสว่าง
อยู่ในจักรวาลแห่งนี้
*********************************************************************
*********************************************************************
อุลตร้าแมนเมบิอุส ภาคนอกตำนาน
ฮิคาริซาก้า
*********************************************************************
อุลตร้าแมนเมบิอุส ภาคนอกตำนาน
ฮิคาริซาก้า
ตอนพิเศษที่จะกล่าวถึงเรื่องราวของ อุลตร้าแมนฮิคาริ ที่ไม่ได้มีการบอกเล่าเอาไว้ในทีวีซีรีส์ เพื่อเป็นการอุดช่องว่างของเนื้อหาให้มีความครบถ้วนสมบูรณ์ยิ่งขึ้น โดยตอนพิเศษไตรภาคชุดนี้ได้แพร่ภาพทางอินเตอร์เน็ตบน flets square ซึ่งเป็นเว็บไซต์สำหรับผู้ใช้งาน flet’s ( บริการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ทระบบออฟติคัล ) ของ บริษัท NTT ฮิงาชินิปปอน และ goo ที่เป็น Internet Portal Site ในเครือ NTT ตั้งแต่วันที่ 30 มิ.ย. 2006 ไปจนถึงวันที่ 31 มี.ค. 2007 เฉพาะผู้ใช้ flet’s ที่อยู่ในพื้นที่โซน NTT ฮิงาชินิปปอน ( ฝั่งตะวันออกของประเทศญี่ปุ่น ) เท่านั้นที่จะสามารถรับชมได้โดยที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย แต่ถ้าหากดูใน goo จะต้องเสียเงินค่ารับชม
นอกจากนั้นผลงานชิ้นนี้ยังเป็นผลงานที่ได้รับรางวัลชมเชย Digital Contents Award ในงาน ATP Award TV Grand prix 2006 อีกด้วย ต่อมาทาง goo ก็ได้สิทธิ์แต่เพียงผู้เดียวในการเริ่มนำมาแพร่ภาพอีกครั้งตั้งแต่วันที่ 15 พ.ค. 2007 จากนั้นจึงได้มีการออกวางจำหน่ายในรูปแบบของ DVD ในช่วงเดือน ต.ค.ปีเดียวกันนั้น
ภาคนี้จะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดก่อนเนื้อเรื่องในทีวีซีรีส์ซึ่งจะเป็นการกล่าวถึงที่มาของ ฮันเตอร์ไนท์ ซุรุงิ
ตัวละครที่ปรากฎ : ARB
ความสูง : ไม่ปรากฎแน่ชัด
น้ำหนัก : ไม่ปรากฎแน่ชัด
ลักษณะพิเศษ : อาร์บ คือ ดาวที่ครั้งหนึ่งเคยได้ชื่อว่าเป็นดวงดาวแห่งปาฏิหาริย์
ที่ดำรงอยู่มาเมื่อหลายหมื่นปีก่อน
ในขณะที่วันเวลาอันยาวนานได้ผ่านพ้นไป เหล่าผู้ที่อาศัยอยู่บนดาวดวงนั้นก็ได้รวมร่าง
เป็นหนึ่งเดียวกันจนกลายเป็นสิ่งมีชีวิตบนดาวอาร์บที่ไม่มีรูปลักษณ์ที่แน่นอน
ซึ่งถือเป็นสิ่งมีชีวิตทีมีวิวัฒนาการขั้นสูงและมีจิตใจอันใสบริสุทธิ์
แต่หลังจากที่ดาวดวงนี้ถูก โบกอล บุกทำลายจนพังพินาศย่อยยับ
ความเกลียดชังของพวกเขาก็ได้แปรเปลี่ยนมาเป็นชุดเกราะแห่งความแค้น
และได้ให้กำเนิด ฮันเตอร์ไนท์ ซุรุงิ ขึ้นมา แต่สุดท้ายชุดเกราะนั้นก็ได้ถือกำเนิดขึ้นมาใหม่
กลายมาเป็นชุดเกราะผู้กล้าแห่งแสงสว่าง ซึ่งเรื่องนี้ได้รับการกล่าวขานเอาไว้ในคำทำนาย
ของ "ซุรุงิ" ซึ่งเป็นผู้ที่สิงสถิตย์อยู่ในผืนแผ่นดินบนดาวอาร์บมาตั้งแต่สมัยโบราณกาล
ในขณะที่วันเวลาอันยาวนานได้ผ่านพ้นไป เหล่าผู้ที่อาศัยอยู่บนดาวดวงนั้นก็ได้รวมร่าง
เป็นหนึ่งเดียวกันจนกลายเป็นสิ่งมีชีวิตบนดาวอาร์บที่ไม่มีรูปลักษณ์ที่แน่นอน
ซึ่งถือเป็นสิ่งมีชีวิตทีมีวิวัฒนาการขั้นสูงและมีจิตใจอันใสบริสุทธิ์
แต่หลังจากที่ดาวดวงนี้ถูก โบกอล บุกทำลายจนพังพินาศย่อยยับ
ความเกลียดชังของพวกเขาก็ได้แปรเปลี่ยนมาเป็นชุดเกราะแห่งความแค้น
และได้ให้กำเนิด ฮันเตอร์ไนท์ ซุรุงิ ขึ้นมา แต่สุดท้ายชุดเกราะนั้นก็ได้ถือกำเนิดขึ้นมาใหม่
กลายมาเป็นชุดเกราะผู้กล้าแห่งแสงสว่าง ซึ่งเรื่องนี้ได้รับการกล่าวขานเอาไว้ในคำทำนาย
ของ "ซุรุงิ" ซึ่งเป็นผู้ที่สิงสถิตย์อยู่ในผืนแผ่นดินบนดาวอาร์บมาตั้งแต่สมัยโบราณกาล
ภาคที่จะเล่าถึงเหตุการณ์หลังจากที่ อุลตร้าแมนฮิคาริ ได้เดินทางลาจากโลก
สัตว์ประหลาดที่ปรากฎ : สัตว์ประหลาดอวกาศ BEMSTAR
ความสูง : 46 เมตร
น้ำหนัก : 6 หมื่น 1 พันตัน
ลักษณะพิเศษ : เบมสตาร์อีกตัวหนึ่งซึ่งไม่ใช่ตัวเดียวกับที่บินไปยังโลก
อุลตร้าแมนฮิคาริ ได้เผชิญหน้ากับมันในระหว่างทางที่กำลังกลับไปยังอาณาจักรแห่งแสง
และได้เริ่มเปิดฉากต่อสู้กับมันบนดาวที่อยู่ใกล้ๆ
มันได้ใช้ความสามารถอันร้ายกาจเข้ารุกไล่ ฮิคาริ
แต่จู่ๆ โซฟี่ ก็ปรากฎตัวออกมาเสริมทัพกลางครัน จนกลายเป็นศึกสองรุมหนึ่ง
และช่วยพลิกสถานการณ์ให้กลับมาเป็นฝ่ายได้เปรียบ
สุดท้ายมันพยายามจะใช้ท้องรับ ฮ๊อตโร้ดชู้ต ซึ่งเป็นท่าลำแสงใหม่ของฮิคาริ
แต่ก็ไม่สามารถดูดกลืนเอาไว้ได้จนระเบิดท้องแตกตายไปในที่สุด
หลังจากนั้นไม่นาน เบมสตาร์ ตัวที่ 2 ก็ได้มุ่งหน้าไปที่โลก
แล้วไปปะทะกับ เมบิอุส ในภายหลัง
และได้เริ่มเปิดฉากต่อสู้กับมันบนดาวที่อยู่ใกล้ๆ
มันได้ใช้ความสามารถอันร้ายกาจเข้ารุกไล่ ฮิคาริ
แต่จู่ๆ โซฟี่ ก็ปรากฎตัวออกมาเสริมทัพกลางครัน จนกลายเป็นศึกสองรุมหนึ่ง
และช่วยพลิกสถานการณ์ให้กลับมาเป็นฝ่ายได้เปรียบ
สุดท้ายมันพยายามจะใช้ท้องรับ ฮ๊อตโร้ดชู้ต ซึ่งเป็นท่าลำแสงใหม่ของฮิคาริ
แต่ก็ไม่สามารถดูดกลืนเอาไว้ได้จนระเบิดท้องแตกตายไปในที่สุด
หลังจากนั้นไม่นาน เบมสตาร์ ตัวที่ 2 ก็ได้มุ่งหน้าไปที่โลก
แล้วไปปะทะกับ เมบิอุส ในภายหลัง
ภาคก่อนที่ อุลตร้าแมนฮิคาริ จะเดินทางกลับมาที่โลกอีกครั้งในตอนที่ 35
ตัวละครที่ปรากฎ : IMIT ULTRAMAN MEBIUS
ความสูง : ไม่ปรากฎแน่ชัด
น้ำหนัก : ไม่ปรากฎแน่ชัด
ลักษณะพิเศษ : ร่างที่ มนุษย์ดาวบาบาลู ได้แปลงโฉมไปปรากฎตัวบนดาวอาร์บเป็นครั้งแรก
มันสามารถแปลงกายได้สมบูรณ์แบบจนแยกไม่ออกว่าเป็น เมบิอุส ตัวจริงหรือตัวปลอม
ซึ่งจะแตกต่างกับ อุลตร้าแมนเมบิอุสตัวปลอม ที่ มนุษย์ดาวซารับ ปลอมตัวมา
ในภาคหนังโรง อุลตร้าแมนเมบิอุส & พี่น้องอุลตร้า
ขณะที่ ฮิคาริ กำลังรู้สึกอินกับการที่เขาได้กลับไปเยือน ดาวอาร์บ อีกครั้ง
จู่ๆมันก็บุกจู่โจมเข้ามาจึงทำให้ ฮิคาริ จับได้ว่ามันคือเมบิอุสตัวปลอม
จากนั้นมันจึงเปลี่ยนมาปลอมตัวเป็น ฮันเตอร์ไนท์ ซุรุงิ ตัวปลอม แทน
ซึ่งจะแตกต่างกับ อุลตร้าแมนเมบิอุสตัวปลอม ที่ มนุษย์ดาวซารับ ปลอมตัวมา
ในภาคหนังโรง อุลตร้าแมนเมบิอุส & พี่น้องอุลตร้า
ขณะที่ ฮิคาริ กำลังรู้สึกอินกับการที่เขาได้กลับไปเยือน ดาวอาร์บ อีกครั้ง
จู่ๆมันก็บุกจู่โจมเข้ามาจึงทำให้ ฮิคาริ จับได้ว่ามันคือเมบิอุสตัวปลอม
จากนั้นมันจึงเปลี่ยนมาปลอมตัวเป็น ฮันเตอร์ไนท์ ซุรุงิ ตัวปลอม แทน
ตัวละครที่ปรากฎ : IMIT HUNTER KNIGHT TSURUGI
ความสูง : ไม่ปรากฎแน่ชัด
น้ำหนัก : ไม่ปรากฎแน่ชัด
ลักษณะพิเศษ : มนุษย์ดาวบาบาลู ได้ปลอมตัวเป็น ซุรุงิ เพื่อต้องการจะให้ชาวโลกมองเห็นว่า
ความสูง : ไม่ปรากฎแน่ชัด
น้ำหนัก : ไม่ปรากฎแน่ชัด
ลักษณะพิเศษ : มนุษย์ดาวบาบาลู ได้ปลอมตัวเป็น ซุรุงิ เพื่อต้องการจะให้ชาวโลกมองเห็นว่า
"อุลตร้าแมนสีน้ำเงิน" คือศัตรู
แต่เพราะมันดันเลียนแบบแม้กระทั่ง ไนท์เบรส มาซะเหมือน
ทั้งๆที่ ฮิคาริ ตัวจริงได้มอบ ไนท์เบรส ให้กับ เมบิอุส ไปแล้ว
มิไรจึงดูออกทันทีว่ามันคือตัวปลอม
มนุษย์ดาวบาบาลูได้ใช้ร่างนี้ในการบุกเข้าทำลายบ้านเมือง
จนเกือบจะทำให้ชาวโลกหลงเชื่อแล้วว่า "อุลตร้าแมนสีน้ำเงินคือศัตรูของชาวโลก"
แต่มันก็ดันทำพลาดที่ยังคงออกมาอาละวาดต่อ
ภายหลังจากที่ ฮิคาริ ได้ถูกหน่วย GUYS ควบคุมตัวเอาไว้พักนึง
ฮิคาริจึงรอดพ้นข้อสงสัยมาได้และได้ปรากฎตัวออกมาเผชิญหน้ากับมันอีกครั้ง
จากนั้น ฮิคาริ ก็ใช้ท่า เบลดช็อต จนทำให้มันต้องเผยร่างจริงออกมา
แต่เพราะมันดันเลียนแบบแม้กระทั่ง ไนท์เบรส มาซะเหมือน
ทั้งๆที่ ฮิคาริ ตัวจริงได้มอบ ไนท์เบรส ให้กับ เมบิอุส ไปแล้ว
มิไรจึงดูออกทันทีว่ามันคือตัวปลอม
มนุษย์ดาวบาบาลูได้ใช้ร่างนี้ในการบุกเข้าทำลายบ้านเมือง
จนเกือบจะทำให้ชาวโลกหลงเชื่อแล้วว่า "อุลตร้าแมนสีน้ำเงินคือศัตรูของชาวโลก"
แต่มันก็ดันทำพลาดที่ยังคงออกมาอาละวาดต่อ
ภายหลังจากที่ ฮิคาริ ได้ถูกหน่วย GUYS ควบคุมตัวเอาไว้พักนึง
ฮิคาริจึงรอดพ้นข้อสงสัยมาได้และได้ปรากฎตัวออกมาเผชิญหน้ากับมันอีกครั้ง
จากนั้น ฮิคาริ ก็ใช้ท่า เบลดช็อต จนทำให้มันต้องเผยร่างจริงออกมา
สัตว์ประหลาดที่ปรากฎ : มนุษย์ต่างดาวทมิฬ ALIEN BABARU
ความสูง : 2 ~ 56 เมตร
น้ำหนัก : 140 กิโลกรัม ~ 2 หมื่น 8 พันตัน
ลักษณะพิเศษ : หนึ่งในชาวดาวบาบาลูซึ่งเป็นพรรคพวกของ มนุษย์ดาวบาบาลู ที่เคยปรากฎตัว
ในซีรีส์ อุลตร้าแมนเลโอ เมื่อครั้งอดีตที่มีประวัติอยู่ใน Document MAC ของทีม GUYS
มันจะใช้กระสุนแสงที่ปล่อยออกมาจากมือซ้ายกับดาบและหอกสองง่ามเป็นอาวุธ
ก่อนที่มันจะบุกมาโจมตีโลก ฮิคาริ ได้สร้างความแค้นกับมันเอาไว้
ในตอนที่เขาได้ต่อสู้กับมันบน ดาวอารบ์ ที่พังพินาศไปแล้ว
จนทำให้มันต้องได้รับบาดเจ็บหนัก
มันเลยอาศัยวิชาแปลงโฉมที่มันถนัดในการจำแลงร่างเป็น ฮันเตอร์ไนท์ ซุรุงิ ตัวปลอม
แล้วบุกเข้าทำลายบ้านเมือง เพื่อต้องการจะทำให้ชาวโลกรู้สึกหวาดกลัว
และไม่ไว้วางใจในตัวของ "อุลตร้าแมนสีน้ำเงิน"
จนในที่สุด ฮิคาริ ก็ถูกทีม GUYS จับกุมตัวเอาไว้ตามแผนของมัน
( แต่นี่เป็นแผนของทีม GUYS ที่กะจะให้ มนุษย์ดาวบาบาลู ชะล่าใจ )
จากนั้นมันจึงปรากฎตัวออกมาทำลายบ้านเมืองในร่างของ ซุรุงิ อีกครั้ง
แต่จากเหตุการณ์นี้เองจึงทำให้ ฮิคาริ สามารถลบล้างมลทิน
และคลายความสงสัยของประชาชนไปได้
ทีม GUYS จึงได้ปล่อยตัว ฮิคาริ ไปเพื่อเปิดโอกาสให้เขาได้ต่อสู้กับมันอีกครั้ง
หลังจาก ฮิคาริ ได้เปิดเผยถึงตัวตนที่แท้จริงของมันแล้ว
มันก็ใช้วิธีสกปรกเล่นงานไล่ต้อน ฮิคาริ เสียเกือบจะจนมุม
แต่ ฮิคาริ ก็รับมือด้วยการสวมเกราะ อาร์บเกียร์ ชุดใหม่
ที่ในคราวนี้เขาสามารถควบคุมได้ดังใจนึกเพื่อกลับไปเป็น ฮันเตอร์ไนท์ ซุรุงิ อีกครั้ง
จึงทำให้การโจมตีของมันไม่ระแคะระคายผิวของเขา
สุดท้ายมันก็ถูกกำจัดลงด้วยท่าไนท์ชู้ต
จากคำบอกเล่าของ ฮิคาริ ดูเหมือนว่า ชาวดาวบาบาลู ก็เป็นหนึ่งในทหารทัพหน้า
ของใครบางคนที่จ้องเล่นงานโลกอยู่เช่นเดียวกัน
ความสูง : 2 ~ 56 เมตร
น้ำหนัก : 140 กิโลกรัม ~ 2 หมื่น 8 พันตัน
ลักษณะพิเศษ : หนึ่งในชาวดาวบาบาลูซึ่งเป็นพรรคพวกของ มนุษย์ดาวบาบาลู ที่เคยปรากฎตัว
ในซีรีส์ อุลตร้าแมนเลโอ เมื่อครั้งอดีตที่มีประวัติอยู่ใน Document MAC ของทีม GUYS
มันจะใช้กระสุนแสงที่ปล่อยออกมาจากมือซ้ายกับดาบและหอกสองง่ามเป็นอาวุธ
ก่อนที่มันจะบุกมาโจมตีโลก ฮิคาริ ได้สร้างความแค้นกับมันเอาไว้
ในตอนที่เขาได้ต่อสู้กับมันบน ดาวอารบ์ ที่พังพินาศไปแล้ว
จนทำให้มันต้องได้รับบาดเจ็บหนัก
มันเลยอาศัยวิชาแปลงโฉมที่มันถนัดในการจำแลงร่างเป็น ฮันเตอร์ไนท์ ซุรุงิ ตัวปลอม
แล้วบุกเข้าทำลายบ้านเมือง เพื่อต้องการจะทำให้ชาวโลกรู้สึกหวาดกลัว
และไม่ไว้วางใจในตัวของ "อุลตร้าแมนสีน้ำเงิน"
จนในที่สุด ฮิคาริ ก็ถูกทีม GUYS จับกุมตัวเอาไว้ตามแผนของมัน
( แต่นี่เป็นแผนของทีม GUYS ที่กะจะให้ มนุษย์ดาวบาบาลู ชะล่าใจ )
จากนั้นมันจึงปรากฎตัวออกมาทำลายบ้านเมืองในร่างของ ซุรุงิ อีกครั้ง
แต่จากเหตุการณ์นี้เองจึงทำให้ ฮิคาริ สามารถลบล้างมลทิน
และคลายความสงสัยของประชาชนไปได้
ทีม GUYS จึงได้ปล่อยตัว ฮิคาริ ไปเพื่อเปิดโอกาสให้เขาได้ต่อสู้กับมันอีกครั้ง
หลังจาก ฮิคาริ ได้เปิดเผยถึงตัวตนที่แท้จริงของมันแล้ว
มันก็ใช้วิธีสกปรกเล่นงานไล่ต้อน ฮิคาริ เสียเกือบจะจนมุม
แต่ ฮิคาริ ก็รับมือด้วยการสวมเกราะ อาร์บเกียร์ ชุดใหม่
ที่ในคราวนี้เขาสามารถควบคุมได้ดังใจนึกเพื่อกลับไปเป็น ฮันเตอร์ไนท์ ซุรุงิ อีกครั้ง
จึงทำให้การโจมตีของมันไม่ระแคะระคายผิวของเขา
สุดท้ายมันก็ถูกกำจัดลงด้วยท่าไนท์ชู้ต
จากคำบอกเล่าของ ฮิคาริ ดูเหมือนว่า ชาวดาวบาบาลู ก็เป็นหนึ่งในทหารทัพหน้า
ของใครบางคนที่จ้องเล่นงานโลกอยู่เช่นเดียวกัน
*********************************************************************
*********************************************************************
อุลตร้าแมนเมบิอุส ภาคนอกตำนาน
อภิมหาสงครามทางช้างเผือก
เรื่องราวภาคต่อจากทีวีซีรีส์ อุลตร้าแมนเมบิอุส ซึ่งได้มีการตีพิมพ์ลงในนิตยสาร "เทเลบิคุง" ของสำนักพิมพ์โชงาคุคัง กับ "เทเลบิแม็กกาซีน" ของ สำนักพิมพ์โคดันฉะ ตั้งแต่ฉบับเดือน มิ.ย. ปี 2007 โดยได้ อ.อุจิยาม่า มาโมรุ มาเป็นผู้วาดการ์ตูน "จงสู้สิ ! เหล่าพี่น้องอุลตร้า" แบบเป็นตอนๆให้กับนิตยสารเทเลบิคุง ซึ่งถือเป็นการห่างหายไปนานถึง 26 ปีนับจากการ์ตูนเรื่อง "สงครามทางช้างเผือกของอัศวินอุลตร้า" ในการที่ท่านได้กลับมาเขียนการ์ตูนตอนต่ออีกครั้งเช่นนี้ โดยในเรื่องนี้ท่านก็ได้วาด เมรอส ที่เคยปรากฎตัวในการ์ตูนเรื่อง "เดอะ อุลตร้าแมน" ให้กลับมาปรากฎตัวอีกครั้งหนึ่ง
นอกจากนี้ อุลตร้าแมนเมบิอุส ภาคนอกตำนานภาคนี้ยังได้มีการตีพิมพ์ลงในหนังสือ "โคโระโคโระอิจิบัง" ฉบับที่ 14,15 ของสำนักพิมพ์โชงาคุคัง โดยมีเนื้อเรื่องเชื่อมโยงไปถึง DVD เพลย์มูฟวี่ "DX อุลตร้าค็อกพิต" และการแสดงสดบนเวทีในงานอุตร้าแมนเฟสติวัลประจำปี 2007 อีกด้วย
ในส่วนที่เป็นเวอร์ชั่นการ์ตูนนั้นได้มีการรวมเล่มออกวางจำหน่ายไปเมื่อวันที่ 3 เม.ย. 2008 และในส่วนของภาพที่เคยมีการตีพิมพ์ลงใน "เทเลบิแม็กกาซีน" นั้นก็ได้มีการวางจำหน่ายเป็น "สมุดภาพทีวีของสำนักพิมพ์โคดันฉะ" ออกมาในเดือน ต.ค. ปี 2007
สัตว์ประหลาดที่ปรากฎใน Ultraman Mebius Outside Story
เสนาธิการพลังศิลาทำลายล้าง GEORGON
เสนาธิการพลังศิลาทำลายล้าง GEORGON
( ปรากฎตัวในการ์ตูน อุลตร้าแมนเมบิอุส ภาคนอกตำนาน อภิมหาสงครามทางช้างเผือก
ตอน "จงสู้สิ ! เหล่าพี่น้องอุลตร้า" ของ อุจิยาม่า มาโมรุ และ งานอุลตร้าแมนเฟสติวัลปี 2007 )
ลักษณะพิเศษ : ลูกสมุนของกองทัพเอ็มเพอร์เร่อร์ที่ยังเหลือรอดชีวิตอยู่
มันคือสิ่งมีชีวิตในอวกาศที่มีลักษณะเป็นก้อนหินซึ่งเป็นหนึ่งใน 2 ผู้บัญชาการเงา
ของกองทัพและมีประสบการณ์เคยติดตามกองทัพไปร่วมรบในศึกมหาสงครามอุลตร้า
เมื่อ 3 หมื่นปีก่อนพร้อมกับสี่จตุรเทพทมิฬมาแล้ว
มันเป็นผู้ที่มีความจงรักภักดีต่อมนุษย์ดาวเอ็มเพอร์เร่อร์เป็นอย่างมาก
ถึงแม้ว่ามันจะมีตำแหน่งเป็นเสนาธิการแต่มันมักจะทำอะไรบุ่มบ่ามและชอบแต่จะใช้กำลัง
มันมีความภาคภูมิใจในพลังป้องกันอันสูงส่งของมันมาก ถึงขนาดต่อให้พี่น้องอุลตร้า
รวมพลังยิงลำแสงผสานเข้าด้วยกันก็ไม่ทำให้มันได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย
มันจะใช้ท่าพุ่งเข้าชนอันรุนแรง "กอร์กอนเดสทรัคชั่น" และลำแสงประหลาดที่ยิงออกมา
จากดวงตาในการต่อสู้ นอกจากนี้มันยังมีพลังชีวิตที่เหนือกว่าอิมเพไลเซอร์กับโกรแซม
เสียอีก ขนาดเจอท่า ดับเบิ้ลไดนาไมท์ ซึ่งเป็นท่าผสานกันระหว่าง ทาโร่ กับ เมบิอุส เข้าไป
จนแหลกเป็นผุยผง แต่ชิ้นส่วนที่กระจัดกระจายเหล่านั้นก็ยังคงเคลื่อนไหวได้อยู่
มันได้ต่อกรกับเหล่าพี่น้องอุลตร้าเพื่อแก้แค้นให้กับมนุษย์ดาวเอ็มเพอร์เร่อร์
โดยใช้ความสามารถดังกล่าวเข้าเล่นงาน
แต่เมื่อต้องเจอกับพลังงานที่ยิงออกมาจาก อุลตร้าคีย์ ที่โซฟี่ถือมา มันก็ละลายหายไป
ในงานอุลตร้าแมนเฟสติวัลปี 2007 มันได้ร่วมมือกับ มนุษย์ดาวเอ็นดีลล์ เพื่อหมายจะทำให้
มนุษย์ดาวเอ็มเพอร์เร่อร์ฟื้นคืนชีพขึ้นมา โดยในตอนนั้นมันจะไม่ใช้ลำแสงแต่จะใช้โซ่
เป็นอาวุธแทน มันได้แสดงความภักดีต่อ มนุษย์ดาวเอ็มเพอร์เร่อร์ ให้เห็น
โดยการเอาตัวเข้าปกป้องการโจมตีของเหล่านักรบอุลตร้า
แต่สุดท้ายมันกลับถูก มนุษย์ดาวเอ็มเพอร์เร่อร์ ใช้เป็นเครื่องสังเวย
เพื่อเรียก อาร์คโบกอล ให้คืนชีพขึ้นมา
หลังจากนั้นมันก็ได้มาปรากฎตัวอีกครั้งในงานอุลตร้าแมนเฟสติวัลปี 2008 ในครึ่งที่ 2
โดยครั้งนี้มันก็ยังคงร่วมมือกับ มนุษย์ดาวเอ็นดีลล์ เพื่อหมายจะชิง เอิร์ธคีย์
และต้องต่อสู้กับ ทีก้า , ไดน่า , ไกอา พร้อมกับ กาโรล่าร์ และ ซาราบอน
มนุษย์ต่างดาวจอมวางแผนการรบแบบกองโจร ALIEN ENDEELมันคือสิ่งมีชีวิตในอวกาศที่มีลักษณะเป็นก้อนหินซึ่งเป็นหนึ่งใน 2 ผู้บัญชาการเงา
ของกองทัพและมีประสบการณ์เคยติดตามกองทัพไปร่วมรบในศึกมหาสงครามอุลตร้า
เมื่อ 3 หมื่นปีก่อนพร้อมกับสี่จตุรเทพทมิฬมาแล้ว
มันเป็นผู้ที่มีความจงรักภักดีต่อมนุษย์ดาวเอ็มเพอร์เร่อร์เป็นอย่างมาก
ถึงแม้ว่ามันจะมีตำแหน่งเป็นเสนาธิการแต่มันมักจะทำอะไรบุ่มบ่ามและชอบแต่จะใช้กำลัง
มันมีความภาคภูมิใจในพลังป้องกันอันสูงส่งของมันมาก ถึงขนาดต่อให้พี่น้องอุลตร้า
รวมพลังยิงลำแสงผสานเข้าด้วยกันก็ไม่ทำให้มันได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย
มันจะใช้ท่าพุ่งเข้าชนอันรุนแรง "กอร์กอนเดสทรัคชั่น" และลำแสงประหลาดที่ยิงออกมา
จากดวงตาในการต่อสู้ นอกจากนี้มันยังมีพลังชีวิตที่เหนือกว่าอิมเพไลเซอร์กับโกรแซม
เสียอีก ขนาดเจอท่า ดับเบิ้ลไดนาไมท์ ซึ่งเป็นท่าผสานกันระหว่าง ทาโร่ กับ เมบิอุส เข้าไป
จนแหลกเป็นผุยผง แต่ชิ้นส่วนที่กระจัดกระจายเหล่านั้นก็ยังคงเคลื่อนไหวได้อยู่
มันได้ต่อกรกับเหล่าพี่น้องอุลตร้าเพื่อแก้แค้นให้กับมนุษย์ดาวเอ็มเพอร์เร่อร์
โดยใช้ความสามารถดังกล่าวเข้าเล่นงาน
แต่เมื่อต้องเจอกับพลังงานที่ยิงออกมาจาก อุลตร้าคีย์ ที่โซฟี่ถือมา มันก็ละลายหายไป
ในงานอุลตร้าแมนเฟสติวัลปี 2007 มันได้ร่วมมือกับ มนุษย์ดาวเอ็นดีลล์ เพื่อหมายจะทำให้
มนุษย์ดาวเอ็มเพอร์เร่อร์ฟื้นคืนชีพขึ้นมา โดยในตอนนั้นมันจะไม่ใช้ลำแสงแต่จะใช้โซ่
เป็นอาวุธแทน มันได้แสดงความภักดีต่อ มนุษย์ดาวเอ็มเพอร์เร่อร์ ให้เห็น
โดยการเอาตัวเข้าปกป้องการโจมตีของเหล่านักรบอุลตร้า
แต่สุดท้ายมันกลับถูก มนุษย์ดาวเอ็มเพอร์เร่อร์ ใช้เป็นเครื่องสังเวย
เพื่อเรียก อาร์คโบกอล ให้คืนชีพขึ้นมา
หลังจากนั้นมันก็ได้มาปรากฎตัวอีกครั้งในงานอุลตร้าแมนเฟสติวัลปี 2008 ในครึ่งที่ 2
โดยครั้งนี้มันก็ยังคงร่วมมือกับ มนุษย์ดาวเอ็นดีลล์ เพื่อหมายจะชิง เอิร์ธคีย์
และต้องต่อสู้กับ ทีก้า , ไดน่า , ไกอา พร้อมกับ กาโรล่าร์ และ ซาราบอน
( ปรากฎตัวใน อุลตร้าแมนเมบิอุส ภาคนอกตำนาน อภิมหาสงครามทางช้างเผือก
ตอน "สงครามอวกาศครั้งใหญ่ของเหล่าพี่น้องอุลตร้า" ในนิตยสารเทเลบิแม็กกาซีน
และ งานอุลตร้าแมนเฟสติวัลปี 2007 )
ลักษณะพิเศษ : ลูกสมุนของกองทัพเอ็มเพอร์เร่อร์ที่ยังเหลือรอดชีวิตอยู่
มนุษย์ต่างดาวตาเดียวและมีหนามแหลมงอกออกมาจากทั่วร่าง
ซึ่งเป็นหนึ่งใน 2 ผู้บัญชาการเงาของกองทัพคู่กับ จีโอลก้อน
และเคยติดตามกองทัพไปร่วมรบในศึกมหาสงครามอุลตร้าเมื่อ 3 หมื่นปีก่อน
มันมีอาวุธอันทรงพลังอยู่มากมาย เช่น ลำแสงที่ยิงออกมาจากดวงตา "พาราไรซ์ อาย"
ลูกบอลสายฟ้า "อิเลคโทร พอยซั่น" และ "พอยซั่นสติงเกอร์" ซึ่งเป็นการโจมตี
โดยใช้หนามทิ่มแทง
ตอนแรกมันกะจะใช้คิงโจแบล็คกำจัดเหล่าพี่น้องอุลตร้า
แต่เมื่อได้เห็นคิงโจแบล็คถูกทำลายลงไป
มันเลยต้องปรากฎตัวออกมาเล่นงานพวกพี่น้องอุลตร้าแทน
แต่สุดท้าย เมบิอุส อินฟินิตี้ ก็สามารถพิชิตมันลงได้ด้วยท่าคอสโม่มิราเคิลแอทแทค
ในศึกสุดท้าย อาร์คโบกอล ได้พาพวกมันมากันเป็นขโยง
แต่พวกมันก็ถูกลำแสงพิฆาตของพี่น้องอุลตร้าทำลายไปจนหมดสิ้นอย่างง่ายดาย
ในงานอุลตร้าแมนเฟสติวัลปี 2007 มันได้พูดจาเหมือนเป็นสุภาพบรุษ
ซึ่งนอกจากจะใช้ลำแสงในการต่อสู้แล้วมันยังได้ใช้ดาบอีกด้วย
แม้ว่ามันจะวางแผนคืนชีพมนุษย์ดาวเอ็มเพอร์เร่อร์ แต่อีกใจหนึ่งมันก็คิดที่จะโค่นล้ม
จักรพรรดิเพื่อกลายเป็นผู้ที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของอวกาศเสียเอง
แม้แต่ตอนที่มันอยู่ต่อหน้า มนุษย์ดาวเอ็มเพอร์เร่อร์ มันก็ยังกล้าแสดงความมักใหญ่ใฝ่สูง
ให้เห็น แต่หลังจากที่มันได้ต่อสู้กับนักรบอุลตร้าแล้วตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
มันก็หันไปร่วมมือกับพวกเขาเพื่อกำจัด มนุษย์ดาวเอ็มเพอร์เร่อร์ แทน
และพอ มนุษย์ดาวเอ็มเพอร์เร่อร์ รู้เข้าและคิดจะประหารมัน มันก็กลับขอให้ไว้ชีวิตอีก
แต่จนแล้วจนรอดมันก็ถูก มนุษย์ดาวเอ็มเพอร์เร่อร์ นำไปบูชายัญเพื่อเรียก อาร์คโบกอล
ให้คืนชีพขึ้นมา
ใน อุลตร้าแมนเมบิอุส ภาคนอกตำนาน อาร์มเมิร์ด ดาร์คเนส ที่ลงในนิตยสาร
เทเลบิแม็กกาซีน มันได้ปรากฎตัวเป็นหนึ่งในกองทัพมนุษย์ต่างดาว
ที่หมายจะช่วงชิง อาร์มเมิร์ด ดาร์คเนส
แต่สุดท้ายก็กลับถูก อาร์มเมิร์ด ดาร์คเนส กำจัดไปพร้อมกับมนุษย์ต่างดาวคนอื่นๆ
อย่างง่ายดาย
จากนั้นมันก็ได้ปรากฎตัวขึ้นอีกในงานอุลตร้าแมนเฟสติวัลปี 2008 ในครึ่งที่ 2
โดยมันได้ร่วมมือกับ จีโอลก้อน เพื่อหมายจะชิง เอิร์ธคีย์
และต้องต่อสู้กับ ทีก้า , ไดน่า , ไกอา พร้อมกับ กาโรล่าร์ และ ซาราบอน
ราชานักล่าจากต่างมิติ ARCH BOGAL ( ปรากฎตัวในนิตยสารและเวทีไลฟ์โชว์ต่างๆ )
ความสูง : 61 เมตร
น้ำหนัก : 5 หมื่น 1 พันตัน
ลักษณะพิเศษ : ราชาสัตว์ประหลาดซึ่งอยู่เหนือโบกอลทั้งมวล
และมีมนุษย์ต่างดาวกับสัตว์ประหลาดต่างๆมากมายเป็นลูกน้องของมัน
มันคือ โบกอลมาสเตอร์ ขุนพลจอมวายร้าย ยุคก่อนซึ่งเป็นหนึ่งในสี่จตุรเทพทมิฬ
( ขุนพลจอมวายร้ายยุคปัจจุบัน คือ ยาพูล ) ผู้มีสติปัญญาเหนือกว่ามนุษย์ต่างดาวทั่วๆไป
และพวกโบกอลในตระกูลเดียวกัน และแน่นอนว่าการที่มันเคยเป็นถึงสี่จตุรเทพทมิฬ
ก็แสดงว่าพลังในการต่อสู้ของมันย่อมต้องมีมากมายมหาศาลไม่น้อยเลยทีเดียว
เนื่องจากมันชอบทำตัวเป็นอริกับจอมราชันย์ ( มนุษย์ดาวเอ็มเพอร์เร่อร์ ) และสี่จตุรเทพ
คนอื่นๆ แถมยังชอบกระทำการตามอำเภอใจเที่ยวไปกลืนกินสิ่งมีชีวิตบนดาวอื่นๆ
โดยไม่สนใจคำสั่งจึงทำให้จอมราชันย์พิโรธแล้วผนึกมันเอาไว้ในแบล็คโฮล
แต่หลังจากที่จอมราชันย์สิ้นชีพมันก็ถูกปลดปล่อยออกมาสู่อวกาศอีกครั้ง
ลักษณะเด่นเมื่อดูจากภายนอกของมันจะอยู่ที่ สีสันบนลำตัว กับ เขาขนาดใหญ่ตรงหัว
และกงเล็บยักษ์ที่แขนข้างขวา รวมไปถึงหนามแหลมตรงบริเวณอวัยวะกลืนกินเหยื่อ
นอกจากมันจะมีปีกที่กางออกมาเป็นปากได้เหมือนกับโบกอลแล้ว
มันยังมีปากขนาดใหญ่ที่ใช้กินเหยื่ออยู่ที่ท้องอีกด้วย
( เหมือนกับ เบมสตาร์ และ แอสโทรมอนส์ )
โดยมันจะสร้างคลื่นวังวนที่มีแรงดูดมหาศาลออกมาจากส่วนนี้เพื่อดูดกลืนเหยื่อเข้าไป
นอกจากนี้มันยังมีท่ากระสุนแสงทำลายล้างที่ปล่อยออกมาจากกงเล็บ
และวิชาแยกร่างอีกด้วย
*********************************************************************
*********************************************************************
อุลตร้าแมนเมบิอุส ภาคนอกตำนาน
อาร์มเมิร์ด ดาร์คเนส
ผลงานภาคต่อจาก "อุลตร้าแมนเมบิอุส ภาคนอกตำนาน อภิมหาสงครามทางช้างเผือก" ซึ่งเริ่มตีพิมพ์ลงในนิตยสาร "เทเลบิแม็กกาซีน" ของ สำนักพิมพ์โคดันฉะ ตั้งแต่ฉบับเดือน ก.พ. ปี 2008 และนิตยสาร "เทเลบิคุง" ของ สำนักพิมพ์โชงาคุคัง ตั้งแต่ฉบับเดือน มี.ค. ของปีเดียวกัน และยังคงได้รับเกียรติจาก อ.อุจิยาม่า มาโมรุ มาเป็นผู้วาดการ์ตูนตอนต่อให้กับนิตยสารเทเลบิคุงเหมือนเช่นเคย โดยคราวนี้นอกจากจะมี เมรอส ออกมาปรากฎตัวร่วมแจมเหมือนภาคที่แล้วแล้วก็ยังมี กองทัพแจ็คเกิ้ล , ไฟตัส และตัวละครอื่นๆที่เคยปรากฎตัวในการ์ตูนเรื่อง "เดอะ อุลตร้าแมน" รวมทั้งตัวละครหน้าใหม่อย่าง อาวล่า ออกมาปรากฎตัวด้วย
หลังจากนั้นทางสำนักพิมพ์โคดันฉะจึงได้นำภาพที่เคยตีพิมพ์ใน "เทเลบิแม็กกาซีน" มารวมเล่มเป็นสมุดภาพออกวางจำหน่ายไปเมื่อเดือน ก.ค. ปี 2008 จากนั้นทางสำนักพิมพ์โชงาคุคังจึงค่อยออกหนังสือรวมเล่มฉบับการ์ตูนที่เคยตีพิมพ์ใน "เทเลบิคุง" ตามมาเมื่อวันที่ 29 พ.ค. ปี 2009 โดยมีโปรโมชั่นการ์ด "มอนสเตอร์แบทเทิ่ล ULTRA MONSTERS NEO" ของ "อสูรวิหคอวกาศ กาโรล่าร์" ซึ่งเป็นสัตว์ประหลาดที่ปรากฎอยู่ในหนังสือการ์ตูนเรื่องนี้แถมมาให้ด้วย
ภาคนี้นอกจากจะมีการบอกเล่าเรื่องราวลงในนิตยสารเหมือนเช่นภาคก่อนแล้ว ยังได้มีการถ่ายทำออกมาในรูปแบบ DVD และมีการสร้างเนื้อเรื่องเพื่อนำไปใช้ในการแสดงสดบนเวที อุลตร้าแมนพรีเมี่ยสเตจ 2 และ อุลตร้าแมนเฟสติวัลประจำปี 2008 อีกด้วย แต่ทว่า เนื้อเรื่องที่นำมาแสดงบนเวทีในงานอุลตร้าแมนเฟสติวัลในครั้งนี้จะแตกต่างจากภาคที่แล้วตรงที่การแสดงในรอบแรกๆจะมีความเกี่ยวโยงกับเนื้อเรื่องใน DVD เพราะทางทีมงานจะใช้ภาพ อาร์มเมิร์ด ดาร์คเนส ที่ปรากฎตัวอยู่ใน DVD มาฉายเพื่อเป็นการเปิดตัวในช่วงแรก แต่หลังจากนั้น อาร์มเมิร์ด เมฟิราส จะกลายเป็นบอสตัวสุดท้ายแทน แต่การแสดงในรอบหลังๆ อาร์มเมิร์ด เมฟิราส จะกลายเป็นรองบอส และมีศัตรูหน้าใหม่อย่าง กาโรล่าร์ กับ ซาราบอน โผล่ออกมาแทน นอกจากนี้ยังมี จีโอลก้อน กับ มนุษย์ดาวเอ็นดีลล์ ซึ่งเป็นศัตรูในภาคที่แล้วออกมาร่วมแจมด้วย
สำหรับเนื้อเรื่องใน DVD นั้นจะเป็นเนื้อเรื่องที่มีการถ่ายทำใหม่หมดซึ่งจะเกี่ยวโยงกับเรื่องราวที่เคยตีพิมพ์ลงในนิตยสาร โดยเนื้อหาจะถูกแบ่งออกเป็น 2 STAGE ด้วยกันดังนี้
หลังจากนั้นทางสำนักพิมพ์โคดันฉะจึงได้นำภาพที่เคยตีพิมพ์ใน "เทเลบิแม็กกาซีน" มารวมเล่มเป็นสมุดภาพออกวางจำหน่ายไปเมื่อเดือน ก.ค. ปี 2008 จากนั้นทางสำนักพิมพ์โชงาคุคังจึงค่อยออกหนังสือรวมเล่มฉบับการ์ตูนที่เคยตีพิมพ์ใน "เทเลบิคุง" ตามมาเมื่อวันที่ 29 พ.ค. ปี 2009 โดยมีโปรโมชั่นการ์ด "มอนสเตอร์แบทเทิ่ล ULTRA MONSTERS NEO" ของ "อสูรวิหคอวกาศ กาโรล่าร์" ซึ่งเป็นสัตว์ประหลาดที่ปรากฎอยู่ในหนังสือการ์ตูนเรื่องนี้แถมมาให้ด้วย
ภาคนี้นอกจากจะมีการบอกเล่าเรื่องราวลงในนิตยสารเหมือนเช่นภาคก่อนแล้ว ยังได้มีการถ่ายทำออกมาในรูปแบบ DVD และมีการสร้างเนื้อเรื่องเพื่อนำไปใช้ในการแสดงสดบนเวที อุลตร้าแมนพรีเมี่ยสเตจ 2 และ อุลตร้าแมนเฟสติวัลประจำปี 2008 อีกด้วย แต่ทว่า เนื้อเรื่องที่นำมาแสดงบนเวทีในงานอุลตร้าแมนเฟสติวัลในครั้งนี้จะแตกต่างจากภาคที่แล้วตรงที่การแสดงในรอบแรกๆจะมีความเกี่ยวโยงกับเนื้อเรื่องใน DVD เพราะทางทีมงานจะใช้ภาพ อาร์มเมิร์ด ดาร์คเนส ที่ปรากฎตัวอยู่ใน DVD มาฉายเพื่อเป็นการเปิดตัวในช่วงแรก แต่หลังจากนั้น อาร์มเมิร์ด เมฟิราส จะกลายเป็นบอสตัวสุดท้ายแทน แต่การแสดงในรอบหลังๆ อาร์มเมิร์ด เมฟิราส จะกลายเป็นรองบอส และมีศัตรูหน้าใหม่อย่าง กาโรล่าร์ กับ ซาราบอน โผล่ออกมาแทน นอกจากนี้ยังมี จีโอลก้อน กับ มนุษย์ดาวเอ็นดีลล์ ซึ่งเป็นศัตรูในภาคที่แล้วออกมาร่วมแจมด้วย
สำหรับเนื้อเรื่องใน DVD นั้นจะเป็นเนื้อเรื่องที่มีการถ่ายทำใหม่หมดซึ่งจะเกี่ยวโยงกับเรื่องราวที่เคยตีพิมพ์ลงในนิตยสาร โดยเนื้อหาจะถูกแบ่งออกเป็น 2 STAGE ด้วยกันดังนี้
STAGE 1 "มรดกแห่งหายนะ" วางจำหน่ายเมื่อวันที่ 25 ก.ค. 2008
STAGE 2 "เกราะปีศาจที่ไม่มีวันสูญสลาย" วางจำหน่ายเมื่อวันที่ 22 ส.ค. 2008
สัตว์ประหลาดที่ปรากฎใน Ultraman Mebius Outside Story
อสูรวิหคอวกาศ GAROULAR
( ปรากฎตัวในการ์ตูน อุลตร้าแมนเมบิอุส ภาคนอกตำนาน อาร์มเมิร์ด ดาร์คเนส ตอน "การตอบโต้ครั้งใหญ่ของกองทัพแจ็คเคิ้ล" และ งานอุลตร้าแมนเฟสติวัลปี 2008 )
น้ำหนัก: 3 หมื่น 4 พันตัน
ลักษณะพิเศษ : ชุดเกราะแห่งรัตติกาล อาร์มเมิร์ด ดาร์คเนส ที่เริ่มออกอาละวาดได้เค้นเอาพลังงานความมืด
อันมหาศาลที่ซุกซ่อนอยู่ภายในตัวมันออกมาจนก่อกำเนิดเป็นสัตว์ประหลาดสุดแกร่งตนนี้
ปีกสีเขียวทั้งสองข้างที่งอกออกมาตรงกลางหลังของมันจะมีเยื่อบางเฉียบ
ที่ตาของมนุษย์มองไม่เห็น เพื่อใช้ในการดูดกลืนแสงอาทิตย์และบินไปในอวกาศ
โดยมันสามารถบินได้ด้วยความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 30 มัค ( เมื่ออยู่บนโลกจะบินได้ 7 มัค )
มันจะถนัดในการต่อสู้แบบใช้ความเร็วในการหลอกล่อคู่ต่อสู้
แล้วมันจะอาศัยจังหวะที่คู่ต่อสู้สับสนกับความเร็วของมัน ใช้ง่ามกรรไกรที่แขนหนีบคู่ต่อสู้
แล้วใช้แขนปลายหอกอีกข้างหนึ่งในการปลิดชีวิตศัตรู
นอกจากนี้ที่หางของมันยังมีพลังทำลายล้างอันรุนแรงซ่อนเร้นอยู่
ซึ่งนอกจากจะใช้สะบัดหางได้เหมือนแส้แล้ว มันยังสามารถปล่อยลำแสงทำลายล้าง
ขั้นสุดยอด "กาโร่ เรนโบว์" ซึ่งเปล่งประกายเป็นสีรุ้งออกมาจากหนามหลากหลายสี
ที่อยู่ตรงปลายหางของมันออกมาโจมตีได้อีกด้วย
อสูรอวกาศผู้ไร้ความหวั่นเกรง ZARABON
( ปรากฎตัวใน อุลตร้าแมนเมบิอุส ภาคนอกตำนาน อาร์มเมิร์ด ดาร์คเนส ตอน
"ศึกครั้งใหญ่ของเหล่าพี่น้องอุลตร้า" ในนิตยสารเทเลบิแม็กกาซีน และ งานอุลตร้าแมนเฟสติวัลปี 2008 )
ความสูง : 53 เมตร"ศึกครั้งใหญ่ของเหล่าพี่น้องอุลตร้า" ในนิตยสารเทเลบิแม็กกาซีน และ งานอุลตร้าแมนเฟสติวัลปี 2008 )
น้ำหนัก: 4 หมื่นตัน
ลักษณะพิเศษ : ชุดเกราะแห่งรัตติกาล อาร์มเมิร์ด ดาร์คเนส ที่เริ่มออกอาละวาดได้เค้นเอาพลังงานความมืด
อันมหาศาลที่ซุกซ่อนอยู่ภายในตัวมันออกมาจนก่อกำเนิดเป็นสัตว์ประหลาดสุดแกร่งตนนี้
ดูจากภายนอกแล้วแขนของมันอาจจะดูเล็กๆ แต่ที่จริงแล้วกลับมีพละกำลังอันมหาศาล
ถึงขนาดที่สามารถบีบขยี้ศัตรูได้ซ่อนอยู่
มิหนำซ้ำกงเล็บอันแหลมคมที่ปลายมือของมันก็มีความคมเป็นอย่างยิ่ง
แถมมันยังถนัดในการใช้ยุทธวิธีรบโดยใช้ดาบสีเหลือง ( ซาระ คุไน ) ที่ติดอยู่ที่แขน
ทั้งสองข้างเป็นอาวุธในการฟาดฟันศัตรู โดย ซาราบอน จะใช้ ซาระ คุไน เป็นอาวุธไม้ตาย
ในการพิชิตศัตรูที่อยู่ในระยะไกลโดยจะเขวี้ยงมันออกไปเหมือนบูมเมอแรงแล้วควบคุม
ด้วยกระแสจิต
ARMORED MEFILAS
ความสูง : 2 ~ 60 เมตร
น้ำหนัก : 50 ~ 2 หมื่น 5 พันตัน
ท่าไม้ตาย : เมฟิราสเบลดแอทแท็ค
ลักษณะพิเศษ : ร่างของ มนุษย์ดาวเมฟิราส ที่สวมชุดเกราะมายาซึ่งถูกสร้างขึ้นเพื่อ มนุษย์ดาวเมฟิราส
ขุนพลแห่งปัญญา 1 ในสี่จตุรเทพทมิฬของ มนุษย์ดาวเอ็มเพอร์เรอร์ โดยเฉพาะ
อาร์มเมิร์ด เมฟิราส คือ ผู้ที่อยู่เบื้องหลังในการทำให้อวกาศต้องเกิดความปั่นป่วนขึ้น
เพราะสงคราม
ส่วนวัตถุประสงค์และตัวตนที่แท้จริงของมันนั้นยังคงแฝงไปด้วยปริศนา
DARKNESS SPHERE : ยานอวกาศที่มีรูปทรงคล้ายเปลวไฟที่ลุกโชนอยู่
ซึ่ง มนุษย์ดาวเอ็มเพอร์เรอร์ เคยเป็นผู้บัญชาการ
เมื่อดูจากภายนอกแล้วอาจจะมองว่ามันไม่ใหญ่โตมากนัก
แต่ภายในนั้นกลับมีห้วงมิติที่กว้างใหญ่ไพศาล
เกราะปีศาจแห่งรัตติกาล ARMORED DARKNESS
ความสูง : 62 เมตร
น้ำหนัก : 3 หมื่น 9 พันตัน
ลักษณะพิเศษ : ชุดเกราะในตำนานที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อมนุษย์ดาวเอ็มเพอร์เรอร์
มันจะมอบพลังที่กล้าแกร่งให้แก่ผู้ที่สวมใส่มัน
แต่ทว่า,นอกจาก มนุษย์ดาวเอ็มเพอร์เรอร์ แล้ว หากมีผู้ใดที่สวมใส่มันเข้าไป
คนๆนั้นก็จะต้านทานพลังอันชั่วร้ายของชุดเกราะที่มีอยู่มากจนเกินไปไม่ได้
และจะถูกชุดเกราะกลืนกินเข้าไปแทน
แม้ว่ามันจะอยู่ในสภาพที่ไร้เจ้าของแต่มันก็สามารถคืนชีพขึ้นมาได้เอง
ด้วยพลังออร่าอันชั่วร้ายที่ไหลเวียนอยู่ภายในชุดเกราะและจะออกอาละวาดไปเรื่อย
เพื่อแสวงหาผู้สวมใส่รายใหม่ ดังนั้นมันจึงมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า "ชุดเกราะมีชีวิต"
*****************************************
*****************************************
อุลตร้าแมนเมบิอุส ภาคนอกตำนาน
โกสต์ รีเวิร์ส
อุลตร้าแมนเมบิอุส ภาคนอกตำนานชุดที่ 3 ที่ได้มีการตีพิมพ์ลงในนิตยสาร "เทเลบิแม็กกาซีน" กับ "เทเลบิคุง" ตั้งแต่ฉบับเดือน เม.ย. ปี 2009 โดยยังคงมีเวอร์ชั่นการ์ตูนฝีมือของ อ.อุจิยาม่า มาโมรุ ตีพิมพ์ลงในนิตยสารเทเลบิคุง เหมือนเช่นเคย อีกทั้งยังได้มีการจัดประกวดให้ผู้อ่านทางบ้านสามารถส่งผลงานภาพวาดสัตว์ประหลาดในจินตนาการของตน เพื่อคัดเลือกมาทำเป็นสัตว์ประหลาดที่ใช้ในการแสดงสดบนเวที เหมือนเช่น อุลตร้าแมนเมบิอุส ภาคนอกตำนาน 2 ภาคที่แล้วด้วย
หลังจากนั้นภาคนี้ก็ได้ถูกถ่ายทำออกมาวางจำหน่ายในรูปแบบของ DVD เช่นเดียวกับภาค อาร์มเมิร์ด ดาร์คเนส ซึ่งมีเนื้อเรื่องเกี่ยวโยงกับเนื้อหาที่ตีพิมพ์ลงในนิตยสารต่างๆ และยังถือเป็นภาคปฐมบทของ "มอนสเตอร์แบทเทิ่ล อุลตร้ากาแลคซี่เลเจนด์ THE MOVIE" ซึ่งเป็นหนังโรงที่เข้าฉายในช่วงปลายปี 2009 อีกด้วย โดย DVD อุลตร้าแมนเมบิอุส ภาคนอกตำนาน โกสต์ รีเวิร์ส นี้จะถูกแบ่งออกเป็น 2 STAGE เหมือนกับภาคที่แล้ว คือ
STAGE 1 "สุสานแห่งรัตติกาล" วางจำหน่ายเมื่อวันที่ 25 พ.ย. 2009
STAGE 2 "จอมราชันย์คืนชีพ" วางจำหน่ายเมื่อวันที่ 22 ธ.ค. 2009
สัตว์ประหลาดที่ปรากฎใน Ultraman Mebius Outside Story
หุ่นยนต์ป้อมปราการ BEAM MISSILE KING
( ปรากฎตัวในการ์ตูน อุลตร้าแมนเมบิอุส ภาคนอกตำนาน โกสต์ รีเวิร์ส
ตอน "ศึกพี่น้องอุลตร้าปะทะกองทัพทมิฬ" และ งานอุลตร้าแมนเฟสติวัลปี 2009 )
ความสูง : 53 เมตร
น้ำหนัก : 5 หมื่น 5 พันตัน
ลักษณะพิเศษ : เดสเรม ที่หมายจะกำจัดพี่น้องอุลตร้าให้หายไปพร้อมกับพื้นทวีปที่ลอยอยู่
คือผู้ส่ง สัตว์ประหลาดหุ่นยนต์ ตัวนี้ให้ปรากฎออกมา
โดยมันจะถูกติดตั้ง มิซซายล์ และ ปืนลำแสง เอาไว้ทั่วทั้งตัว
สมกับชื่อหุ่นยนต์ป้อมปราการของมัน เช่น "โชลเดอร์ มิซซายล์" ที่หัวไหล่ ,
"เมก้าลอนเชอร์" ตรงอก และ "ไจแอนท์ มิซซายล์" บนหลัง
มันจะยิงมิซซายล์จำนวนมากนี้โจมตีไปที่พี่น้องอุลตร้า
จักรกลทลายชีวภาพ CRUSHRAIZER
( ปรากฎตัวใน อุลตร้าแมนเมบิอุส ภาคนอกตำนาน โกสต์ รีเวิร์ส ในนิตยสารเทเลบิแม็กกาซีน
และ งานอุลตร้าแมนเฟสติวัลปี 2009 )
ความสูง : 60 เมตร
น้ำหนัก : 4 หมื่น 8 พันตัน
ลักษณะพิเศษ : สัตว์ประหลาดหุ่นยนต์รุ่นใหม่ที่มี เดสเรม เป็นผู้นำกำลัง เช่นเดียวกับ บีมมิซซายล์คิง
มันได้ใช้ "ไทรแองเกิ้ลบีม" ซึ่งยิงออกมาจากดวงตาทั้งสาม กับ "ไรเซอร์ โครว" ซึ่งเป็น
การจู่โจมด้วยกงเล็บขนาดใหญ่ และ "ครัชแมกซิมั่มแคนน่อน" ที่ยิงออกมาจากปากกระบอก
ปืนใหญ่ซึ่งติดอยู่ที่ไหล่ทั้งสองข้างและหลัง ( ยิงลำแสงความเย็นออกมาจากไหล่ขวา ,
ยิงเปลวไฟออกมาจากไหล่ซ้าย และ ยิงลำแสงไฟฟ้าออกมาจากหลัง )
ไล่ต้อนเหล่าพี่น้องอุลตร้าให้จนมุม
สัตว์ประหลาดที่ปรากฎใน Ultraman Mebius Outside Story
หุ่นยนต์ป้อมปราการ BEAM MISSILE KING
( ปรากฎตัวในการ์ตูน อุลตร้าแมนเมบิอุส ภาคนอกตำนาน โกสต์ รีเวิร์ส
ตอน "ศึกพี่น้องอุลตร้าปะทะกองทัพทมิฬ" และ งานอุลตร้าแมนเฟสติวัลปี 2009 )
ความสูง : 53 เมตร
น้ำหนัก : 5 หมื่น 5 พันตัน
ลักษณะพิเศษ : เดสเรม ที่หมายจะกำจัดพี่น้องอุลตร้าให้หายไปพร้อมกับพื้นทวีปที่ลอยอยู่
คือผู้ส่ง สัตว์ประหลาดหุ่นยนต์ ตัวนี้ให้ปรากฎออกมา
โดยมันจะถูกติดตั้ง มิซซายล์ และ ปืนลำแสง เอาไว้ทั่วทั้งตัว
สมกับชื่อหุ่นยนต์ป้อมปราการของมัน เช่น "โชลเดอร์ มิซซายล์" ที่หัวไหล่ ,
"เมก้าลอนเชอร์" ตรงอก และ "ไจแอนท์ มิซซายล์" บนหลัง
มันจะยิงมิซซายล์จำนวนมากนี้โจมตีไปที่พี่น้องอุลตร้า
จักรกลทลายชีวภาพ CRUSHRAIZER
( ปรากฎตัวใน อุลตร้าแมนเมบิอุส ภาคนอกตำนาน โกสต์ รีเวิร์ส ในนิตยสารเทเลบิแม็กกาซีน
และ งานอุลตร้าแมนเฟสติวัลปี 2009 )
ความสูง : 60 เมตร
น้ำหนัก : 4 หมื่น 8 พันตัน
ลักษณะพิเศษ : สัตว์ประหลาดหุ่นยนต์รุ่นใหม่ที่มี เดสเรม เป็นผู้นำกำลัง เช่นเดียวกับ บีมมิซซายล์คิง
มันได้ใช้ "ไทรแองเกิ้ลบีม" ซึ่งยิงออกมาจากดวงตาทั้งสาม กับ "ไรเซอร์ โครว" ซึ่งเป็น
การจู่โจมด้วยกงเล็บขนาดใหญ่ และ "ครัชแมกซิมั่มแคนน่อน" ที่ยิงออกมาจากปากกระบอก
ปืนใหญ่ซึ่งติดอยู่ที่ไหล่ทั้งสองข้างและหลัง ( ยิงลำแสงความเย็นออกมาจากไหล่ขวา ,
ยิงเปลวไฟออกมาจากไหล่ซ้าย และ ยิงลำแสงไฟฟ้าออกมาจากหลัง )
ไล่ต้อนเหล่าพี่น้องอุลตร้าให้จนมุม
จักรกลทมิฬผู้แข็งแกร่ง MEGAZAM
ความสูง : 56 เมตร
น้ำหนัก : 4 หมื่น 9 พันตัน
อาวุธ : ซัมบาร์สปินแครช
ลักษณะพิเศษ : นักรบหุ่นจักรกลที่เที่ยวเตร็ดเตร่ไปในอวกาศเพื่อเสาะแสวงหาเพียงแค่ความแข็งแกร่ง
แม้ว่าชื่อและรูปร่างหน้าตาของมันออกจะดูคล้าย ซัมชาร์
แต่กลับไม่มีความเกี่ยวโยงใดๆเลย
มันมีอาวุธคู่ใจ คือ ดาบ "ซอร์ดซัมบาร์" ที่ติดอยู่ที่แขนขวา
โดยจะมีท่า "ซัมบาร์สแลช" กับ "ซัมบาร์แอทแท็ค" เอาไว้ฟาดฟันศัตรูให้พินาศ
และยังมีท่า "ซัมบาร์สปินแครช" ซึ่งเป็นท่าหมุนตัวฟันศัตรูเป็นท่าไม้ตายทีเด็ดอีกด้วย
ตัวตนที่แท้จริงของมันคือ "โกสต์ รีเวิร์ส" จักรกลนักรบเงา
ซึ่งมีหน้าที่เป็นเครื่องมือในการฟื้นคืนชีพให้แก่ มนุษย์ดาวเอ็มเพอร์เร่อร์ นั่นเอง
โดย สี่จตุรเทพทมิฬ ที่ฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้วางแผนหวังจะใช้พลังของ กิก้าแบทเทิ่ลไนเซอร์
ในการทำให้จิตอาฆาตของ มนุษย์ดาวเอ็มเพอร์เร่อร์ เข้าไปสิงอยู่ในตัวของ เมก้าแซม
จนทำให้ร่างกายของ เมก้าแซม เกิดการเปลี่ยนแปลง
เพื่อเรียกให้ มนุษย์ดาวเอ็มเพอร์เร่อร์ คืนชีพขึ้นมาอีกครั้ง
ในเรื่องมันได้เจอกับ เมบิอุส ในขณะที่เขากำลังจะต่อสู้กับ อิมเพไลเซอร์
และเพราะตนเองมีความเชื่อว่า "ความโดดเดี่ยวคือสิ่งที่ขัดเกลาตัวเอง
ส่วนความแข็งแกร่งนั้นคือสิ่งที่จะทำให้ครองอวกาศได้"
มันจึงได้สบประมาท เมบิอุส ที่พยายามจะช่วยเหลือพวกพ้อง
จนตัวเองต้องได้รับบาดเจ็บว่า "อ่อนหัดเกินไป"
แต่มันก็เกิดสนใจในความแข็งแกร่งของ เมบิอุส ที่คิดจะช่วยเพื่อนจนทำให้มีพลังเพิ่มขึ้นมา
จึงได้ติดตามเขาไปด้วย
และในขณะที่มันต้องเผชิญกับวิกฤติบน หุบเขาอัคคี อยู่นั้นเอง มันก็เข้าใจถึงความลับ
ของความอ่อนโยนและความแข็งแกร่งที่มีอยู่ในตัวของ เมบิอุส จนก่อเกิดเป็นมิตรภาพขึ้น
แต่ทว่า,ด้วยฝีมือของ อาร์มเมิร์ด เมฟิราส จึงทำให้ระบบ โกสต์ รีเวิร์ส ในตัวของมันตื่นขึ้น
เลยทำให้มันต้องต่อสู้กับพวกเมบิอุส หลังจากนั้น กิก้าแบทเทิ่ลไนเซอร์ จึงถูกเสียบเข้าไป
ภายในร่างของมัน เพื่อเริ่มเข้าสู่การกลายร่างเป็น มนุษย์ดาวเอ็มเพอร์เร่อร์
เมก้าแซม จึงได้ขอร้องให้ เมบิอุส ช่วยกำจัดเขาในขณะที่ยังเป็นตัวของตัวเองอยู่
สุดท้าย เมบิอุส จึงจำใจต้องใช้ท่า เมเบี่ยมไดนาไมท์ ระเบิดมันให้พินาศไป
มังกรอวกาศ EX Z-TON
ความสูง : 66 เมตร
น้ำหนัก : 3 หมื่น 3 พันตัน
อาวุธ : ทริลเลี่ยนเมเทโอ
ลักษณะพิเศษ : ร่างเพิ่มพลังของ เซ็ทต้อน ที่อาศัยอยู่ใน หุบผาอัคคี ซึ่งเป็นสถานที่
ที่ "กิก้าแบทเทิ่ลไนเซอร์" ไอเท็มในตำนานได้ถูกผนึกเอาไว้
ท่าไม้ตายของมันคือ ทริลเลี่ยนเมเทโอ ซึ่งก็คือการยิงกระสุนเพลิงโลกันตร์
ที่มีอุณหภูมิสูงถึง 1 ล้านล้านองศาออกมาจากใบหน้าเหมือนกับเซ็ทต้อนร่างเดิม
เพียงแต่เปลี่ยนชื่อท่าใหม่เท่านั้น
มันจะทำหน้าที่เป็นยามเฝ้าประตูทางเข้า หุบผาอัคคี โดยได้ใช้พลังอันเหนือชั้นกว่า
บุกเข้าจู่โจม เมบิอุส กับ เมก้าแซม ที่เดินทางมาตามหา กิก้าแบทเทิ่ลไนเซอร์
เสียเกือบจะจนมุม
แต่หลังจากที่ กิก้าแบทเทิ่ลไนเซอร์ ถูกปลดผนึกออกด้วยการร่วมแรงร่วมใจกันระหว่าง
เมบิอุส กับ เมก้าแซม จนทำให้อาณาเขตพิเศษต้องสูญสลายไป สถานการณ์จึงเริ่มพลิกผัน
สุดท้ายมันก็ถูกท่า เมเบี่ยมเบลด ของ เมบิอุส กับ ซอร์ดซัมบาร์ ของ เมก้าแซม
โจมตี 2 จังหวะจนต้องระเบิดพินาศไป
Credit : hicbc.com/tv/mebius/main.htm
Translated by : grandking
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น